เลือกตั้งซ่อมขอนแก่น
พรรคพลังประชารัฐชนะไป ๒ พันคะแนน ท่ามกลางเสียงอื้ออึงฝ่ายรัฐบาล ‘โกง’ อีกแล้ว กำนันบ้านเม็งเข้าไปกาบัตรแทนผู้ออกเสียงเสียนี่
ยังมีเจ้าหน้าที่เข้าไปในคูหายืนจ้องดูผู้ออกเสียง
(ว่ากาบัตรอย่างใจตนหรือเปล่ามั้ง)
แถมมีคนจับเท็จได้จากใบนับคะแนนที่หนองเรือ
จำนวนผู้ออกเสียงสี่หมื่นสี่ แต่บัตรคะแนน (บัตรดี) รวมแล้วได้สี่หมื่นห้า
เท่ากับผีโผล่ ๑ พันแล้วที่นี่ ที่อื่นๆ โผล่เท่าไหร่ใครจะรู้ ที่ว่าชนะ ๒ พัน
ของจริงอาจแพ้หลายพันก็ได้
ดังที่ยาย พล โทนเสน่ห์ หัวเสียรี่ไปแจ้งความ
สภ.หนองเรือ บอกตำรวจว่า “ฉันอยากใช้สิทธิของฉัน มากาแทนฉันทำไม กำนันทำอย่างนี้ไม่ถูก”
เหตุเกิดที่หน่วยเลือกตั้ง ๑๗ ต.บ้านเม็ง ฐปณีย์ เอียดศรีไชย
รายงานสดคำบอกเล่าของผู้สังเกตุการณ์รายหนึ่ง
กลับปรากฏว่ากำนัน จักรธร โงะบุดดา
ให้ชาวบ้านฝ่ายตนออกไปคัดค้านการแจ้งความของยายทัน เป็นปากเป็นเสียงเถียงกัน “หวิดปะทะ...ฝ่ายกำนันบอกคนที่พานางทันไปนั้นอิงการเมืองทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อน”
ข่าว ‘เดอะ รีพอร์ตเตอร์’
ส่วนเหตุการณ์ที่หน่วยเลือกตั้ง
๔ หมู่ ๔ ศาลาประชาคมบ้านกุดกว้าง พลเมืองดีรายงานว่า “เอากันแบบนี้เลยเหรอ” เมื่อมีเจ้าหน้าที่หน่วยเข้าไปยืนดูในคูหาเลือกตั้ง
ขณะที่ประชาชนกำลังลงคะแนนเสียง เสร็จแล้วข่าว ‘ฐานเศรษฐกิจ’ กลับบอกว่า กกต.แถลงออกมา “ไม่พบความผิดปกติใดๆ”
ร้อนถึงพรรคเพื่อไทย
ซึ่งเป็นต้นสังกัด นวัธ เตาะเจริญสุข
ส.ส.คนเดิมที่ถูกศาลสั่งให้จำคุกคดีจ้างวานฆ่า จึงต้องมีเลือกตั้งซ่อม น.อ.อนุดิษฐ์
นาครทรรพ เลขาธิการพรรคยื่นหนังสือด่วนถึง กกต.ขอนแก่น
ให้สอบสวนและย้ายกำนันบ้านเม็งออกจากเขตเลือกตั้ง
เหตุการณ์ที่ขอนแก่นบ่งว่าแม้กระทั่งบัดนี้
กระบวนการปล้นเสียงและกำจัดฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาล คสช.๒ ก็ยังกระทำกันอย่างเข้มข้น
รวมถึงความพยายามกำจัดพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างโดดเด่นและหนักแน่น
ท่ามกลางการใช้กฎหมายอย่างบิดเบี้ยวแจ้งผิด
กล่าวหา และดำเนินคดีทางการเมืองตัด ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคออกจากสมาชิกภาพสภาผู้แทนฯ
ได้สำเร็จแล้ว ก็ดำเนินการขั้นต่อไปที่จะยุบทั้งพรรค อนค.ให้ได้
หลายต่อหลายคดีที่ทั้ง
กกต.ชง และศาลรัฐธรรมนูญช้อนตักจากเบี้ยร่ายปลายทาง เอามาปรุงจนกว่าผู้ถูกกล่าวหาและประชาชนจะเผลอเมื่อไร
เป็นได้ลงดาบทันที ดังที่ศาลฯ แถลงเมื่อ ๑๙ ธันวา “ไม่รับคำร้องของพรรคอนาคตใหม่
ในคดีที่ ณฐพร โตประยูร
ยื่นร้องให้ศาลฯ “ตัดสิทธิ์และยุบพรรคอนาคตใหม่เนื่องจากเป็นปฏิปักษ์-ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
อันเป็นที่รู้จักกันในชื่อที่ถูกเรียกว่า คดี ‘อิลลูมินาติ’
พรรคอนาคตใหม่ผู้ถูกร้อง
ขอให้ศาลเปิดการไต่สวน เพื่อผู้ถูกกล่าวหาสามารถเบิกพยานและเสนอข้อต่อสู้
ตามครรลองปกติและยุติธรรมสากล ศาลรัฐธรรมนูญกลับปฏิเสธด้วยเหตุผลอัน ‘วิเศษ’ ที่ว่า “คดีมีหลักฐานเพียงพอ” แล้ว “ไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวน”
เรื่องนี้คนทั่วไปอาจไม่มีน้ำอดน้ำทนพอที่จะไปอ่านสำนวนคดี
ว่า ‘เพียงพอ’ ดังที่ศาลฯ
อ้างหรือไม่ เพราะผู้ร้องเขียนไว้ร้อยกว่าหน้า วกไปวนมาตอกย้ำแต่เรื่องว่าผู้ถูกกล่าวหาพูดถึงการปกครองประชาธิปไตย
อะไรต่ออะไร
แต่ไม่มีคำว่า “อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”
แล้วเหมาเอาลอยๆ เลยว่า เป็นปฏิปักษ์ต่อระบบการปกครองของไทยเสียแล้ว
ที่น่าสมเพชคนฟ้อง (แต่คนถูกร้องกระอัก)
อยู่ที่ข้อหาว่าโลโก้ของพรรค (สามเหลี่ยมหัวทิ่ม) เหมือนกับลัทธิ ‘อิลลูมินาติ’ ซึ่งยกย่องความเป็นเสรีนักหนา
ฉะนั้นคือการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองของไทย
ศาลรัฐธรรมนูญก็ ‘งี่งู่ตู่ตุ่น’ พอที่จะรับคำร้องไว้เมื่อ ๑๙ กรกฎา ครั้นพอถึง
๑๙ ธันวา ครบ ๕ เดือนเป๊ะก็เอาเลยลงดาบหนึ่ง เชื่อว่าดาบสอง “ขั้นตอนสุดท้าย
คือศาลรัฐธรรมนูญจะนัดวันอ่านคำวินิจฉัยคดีดังกล่าว” อาจจะใช้เวลาไม่นานเท่า
ดูท่าทีศาลชุดนี้ (ที่
คสช.ทั้งตั้ง ทั้งต่ออายุ) จะต้องออกผลงานให้ถูกใจ รปภ.ที่กลายมาเป็นผู้จัดการชาติ
ในไม่ช้า มิฉะนั้นยังมีอีกคดี (หมายเลข ๒๕ มั้ง) มาจ่อรออยู่ ตำรวจเพิ่งออกหมายเรียกหมาดๆ
ให้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร
ไปฟังข้อกล่าวหาในวันที่
๒๗ ธันวานี้ สี่เรื่องคือ จัดชุมนุมโดยไม่แจ้งจ้าวที่
กีดขวางที่สาธารณะสถานีรถไฟฟ้า ไม่ดูแลรับผิดชอบการชุมนุม
และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ขออนุญาต
(ดู https://www.matichon.co.th/politics/news_1833843,
https://workpointnews.com/2019/12/22/flashmob-thanathorn/
และhttps://www.facebook.com/FWPthailand/videos/456840034871969/)