วันเสาร์, ธันวาคม 21, 2562

"วีระ สมความคิด" แฉ "รัฐบาลคนดี ความชั่วไม่มีหมด"




ความชั่วไม่มีหมดในรัฐบาลประยุทธ์

เรียนพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน ตามที่เคยแจ้งให้ทราบว่าวันนี้ ผมจะเปิดเรื่องรัฐมนตรีในรัฐบาลประยุทธ์ บุกรุก ครอบครองที่ ส.ป.ก. นับพันไร่

รัฐมนตรีคนดังกล่าวคือนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

ก่อนจะเข้ามาดำรงตำแหน่งรมช.พาณิชย์ นายวีรศักดิ์และครอบครัวในฐานะเจ้าของกิจการและผู้บริหารบริษัทแป้งมันเอี่ยมเฮงอุตสาหกรรม จำกัด ถูกกล่าวว่าบุกรุกที่ ส.ป.ก. ทำโรงงานแป้งมัน ที่หมู่ 12 ต.กุดโบสถ์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา มีหลักฐานว่าเลขาธิการสำนักงาน ส.ป.ก. ในขณะนั้น(นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ) ได้ทำหนังสือที่ กษ 1204/5476 ลงวันที่ 11 ก.ค. 2548 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฏหมายกับบริษัทเอี่ยมเฮงอุตสาหกรรม จำกัด ต่อมากรมที่ดินมีคำสั่งที่ 2242/2548 ลงวันที่ 5 ส.ค. 2548 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีจังหวัดนครราชสีมาแจ้งผลการตรวจสอบหลักฐานการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์จำนวน 7 แปลง ในท้องที่ ต.กุดโบสถ์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ซึ่งข้อเท็จจริงคือไม่มีการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่ปรากฏว่ามี น.ส.3 และ น.ส. 3 ก. ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่กระทำการทุจริตในการออกเอกสารสิทธิ์ จงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย อันเป็นความผิดทางวินัยและทางอาญา แต่โรงงานแป้งมันฯไม่ยอมออกจากที่ดินดังกล่าว ที่ถือว่าเป็นการได้เอกสารสิทธิ์มาโดยไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นที่ดินของ ส.ป.ก. จนกระทั่ง ส.ป.ก. ต้องนำเรื่องไปฟ้องศาลแพ่งเพื่อขับไล่และให้ชดใช้ค่าเสียหาย ในที่สุดมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ระหว่าง ส.ป.ก. โจทก์ กับบริษัทแป้งมันเอี่ยมเฮงอุตสาหกรรม จำกัด จำเลยที่ 1 นางยลดา หวังศุภกิจโกศล(ภรรยานายวีรศักดิ์) จำเลยที่ 2 และนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิโกศล(บุตรสาวของนายวีรศักดิ์) จำเลยที่ 3 ในคดี ขับไล่ ละเมิด เรียกค่าเสียหาย โดยมีคำพิพากษาตามยอม คดีหมายเลขดำที่ 1680/2549 คดีหมายเลขแดงที่ 379/2551 ลงวันที่ 29 ก.พ. 2551 โดยจำเลยทั้งสามและบริวาร ยินยอมออกจากที่ดินของโจทก์(ส.ป.ก.) และยินยอมร่วมกันปรับสภาพที่ดินจำนวน 8 บ่อ ตามฟ้องให้กลับสภาพเดิม โดยนำดินที่มีสภาพเหมาะสมแก่การเกษตร ซึ่งใกล้เคียงกับสภาพเดิมมาถมคืน และปรับสภาพพื้นที่ให้เสร็จภายในระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2551 เป็นต้นไป หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติได้ จำเลยทั้งสามยินยอมร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าใช้จ่าย ในการปรับพื้นที่ให้คืนสู่สภาพเดิมเป็นเงิน 26,089,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี แต่จนถึงบัดนี้เป็นเวลาล่วงเลยมากว่าสิบปี จำเลยทั้งสามยังไม่ยอมออกจากพื้นที่ดังกล่าว และเชื่อว่า ส.ป.ก. ไม่กล้าเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสาม ทั้งที่มีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ ส.ป.ก.(รัฐ) เป็นอย่างมาก

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2562 ผมได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบด้วยตัวเอง พบว่ายังมีการบุกรุก ครอบครองที่ ส.ป.ก. ดังกล่าวอยู่ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการขยายพื้นที่ของโรงงานออกไปอีกจำนวนมาก มีการขุดบ่อน้ำเสียเพิ่มขึ้นจากปี 2548 อีก 10 บ่อ รวมเป็น 18 บ่อ

ดังนั้น เมื่อมีการเปิดเผยความจริงเช่นนี้แล้ว หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฏหมาย ส.ป.ก. จะรีบดำเนินการอย่างไร? และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการรีบลาออกจากตำแหน่ง และยินยอมปฏิบัติให้เป็นไปตามกฏหมายอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่? ที่สำคัญ นายธรรมนัส พรหมเผ่ารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะควบคุม ดูแล ส.ป.ก. จะรีบยึดที่ดิน ส.ป.ก. คืนทันทีและฟ้องร้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายกับจำเลยทั้งสามหรือไม่?

(https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2531217303642773&id=181257625305431&__tn__=K-R)