ขนาดขุนพลเศรษฐกิจของตัวเองยังอดเหน็บไม่ได้
‘ไอทู้บ’
นี่เหลือขอจริงๆ เลย ผีเจาะปากมาให้พูดก็สักแต่พ่นลมออกปากเป็นถ้อยคำ
ถูกผิดไม่รู้ไม่ชี้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ถึงโบ้ยตอบนักข่าวให้ไปถามหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง
“ที่พวกคุณก็รู้ว่าใคร เพราะไม่ใช่ผม”
เรื่องเดียวกันแต่คนละภาคส่วนทางเศรษฐกิจที่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อวดรู้ดีว่าเหตุที่โรงงานในไทยต้องปิดตัวเองลงระนาว
ราวเกือบ ๑,๕๐๐ แห่ง นั้นเพราะ ‘เขาสมัครใจ’
กันเองด้วย “สู้ต้นทุนไม่ไหว หรือไม่สามารถพัฒนาสินค้าได้”
แม้จะอ้างว่าที่เปิดใหม่ๆ
มีมากกว่าตั้งสามเท่า ซึ่ง Somyot Pruksakasemsuk ย้อนเอาว่า
“ไม่มีตัวเลขพิสูจน์ในเรื่องนี้” และ “ไม่ได้หมายความว่า
ผู้ที่ถูกเลิกจ้างจากการปิดโรงงานไปแล้ว
จะสามารถเข้าไปทำงานในที่ทำงานแห่งใหม่ที่มีการเปิดโรงงาน”
เพราะกิจการเปิดใหม่ได้เตรียมแรงงานมาด้วยแล้ว
“โดยเฉพาะทุนจากประเทศจีน ระดับแรงงานมีฝีมือเอามาจากเมืองจีนโดยตรง ส่วนแรงงานไร้ฝีมือก็ใช้แรงงานจากเขมร
พม่า ลาว แทน”
เผลอๆ อิมพอร์ตแรงงานราคาถูกจากอาฟริกาด้วยก็ได้
ทั่วโลกรู้ว่าจีนยึดหัวหาดการลงทุนขนาดเมกกาในอาฟริกาได้เหนียวแน่นแล้ว
ประยุทธ์อาจยังไม่รู้
มิใย ‘สมคิด’ พยายามแถ เศรษฐกิจไทยเวลานี้แค่ชะลอตัวลง
และที่แบ๊งค์ชาติและองค์กรการค้ายอมรับตรงกันว่า
การเติบโตเศรษฐกิจในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ของตายไม่ถึง ๓ เปอร์เซ็นต์ “ส่วนตนมองว่าเศรษฐกิจไทยก้าวข้ามคำว่าเปอร์เซ็นต์มาแล้ว”
ไม่เข้าใจว่าเจ้าตำรับเศรษฐกิจ ‘ลอกการบ้าน’ ก้าวข้าม ‘ความตกต่ำ’ ไปสู่ ‘ความแข็งแรง’ ได้อย่างไร
ส่วนกรณีถ้าโตไม่ถึง ๓%
แล้วนักลงทุนจะยังเชื่อมั่นตลาดในไทยอยู่หรือไม่ ให้ไปถามหัวหน้าทีมเอาเอง (พูดแบบงอนๆ
ตนไม่เกี่ยวแล้ว)
(https://www.voicetv.co.th/read/SjvUCfdxl และ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=505989406937102&set=a.121739258695454&type=3&theater)
ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงโทนโท่อยู่ตรงหน้าว่า บรรดาโรงงานผลิตรถยนต์ที่เคยเป็นหน้าเป็นตาของอุตสาหกรรมส่งออกไทย
เดี๋ยวนี้หดหายตามกันไปเป็นหาง ‘จีเอ็ม’
เพิ่งเลิกจ้างคนงานในไทยไป ๓๐๐ ตำแหน่งเมื่อกลางปีนี่เอง ล่าสุดม้าซด้ากำลังทยอยกันย้ายฐานออกจากไทย
ตามรายงานของนิเคอิรีวิวเมื่อสองสามวันก่อน
ม้าซด้าตั้งเป้าย้ายการผลิตรถขนาดเอชยูวี รุ่น ‘ซีเอ็กซ์
๓’ กลับไปผลิตในญี่ปุ่น เพราะทนความแข็งของค่าเงินบาทไม่ไหว
รถรุ่นนี้ผลิตในไทยสำหรับส่งขายออสเตรเลีย ปีละ ๑๔,๐๐๐ คัน
ในปี ๒๕๖๑ มีรถญี่ปุ่นผลิตในไทย ๒ ล้าน ๑
แสน ๖ หมื่นคัน ซึ่งครึ่งหนึ่งส่งออกขายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก “นักการธนาคารไทยเชื่อว่าค่าเงินบาทจะยังไม่อ่อนตัวในอนาคตอันใกล้แน่นอน
ทำให้หวั่นกันว่าจะมีผู้ผลิตอื่นๆ ถอนตัวแบบม้าซด้า”
ค่าเงินบาทเพิ่ม ๘% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย (และ ๖% กับอเมริกา)
ทำให้ม้าซด้ารายได้หดไป ๓๗,๕๐๐ ล้านเยน (๓๔๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ช่วงเมษาถึงกันยาที่ผ่านมา มิตซูบิชิก็หดไป ๒๒,๒๐๐ ล้านเยนเช่นกัน
มาสะโนริ กาตายาม่า ประธานบริษัทอีซูซุ
เปิดเผยว่า “เราส่งออกสินค้าที่ผลิตในไทยไปยังประเทศต่างๆ ๑๒๐ แห่ง แต่ผลประกอบการธุรกิจในช่วงหลังๆ
นี่ตกไปอย่างฮวบฮาบ เนื่องเพราะค่าเงินบาทได้เปรียบเงินสกุลอื่นๆ มาก”
(https://asia.nikkei.com/Business/Automobiles/Mazda-shifts-Thai-SUV-production-to-Japan-as-baht-soars)
ค่าเงินบาทแข็งโป๊กยั้งไม่อยู่นี้จะทำให้บริษัทผลิตรถญี่ปุ่นอื่นๆ
เช่น นิสสัน ฮอนด้า และโตโยต้า ตามอย่างม้าซด้าในไม่ช้า เพราะทำให้ต้นทุนผลิตสูงกำไรหด
แต่อาจเป็นประโยชน์กับพวกนำสินค้าเข้ามาขายเอากำไรได้มากขึ้นในไทย
นี่คงเป็นเหตุให้เกิดปรากฏการณ์พวกเจ้าสัวเพื่อนสนิท
คสช.รวยกระจุก ‘ยืนยาว’ และเหล่าประชากรจนกระจายอย่าง
‘ยืดเยื้อ’
ข้ออ้างของประยุทธ์ที่ว่ามีการจ้างงานเพิ่ม
๑๗๘,๗๓๓ รายในช่วงการครองเมืองของตนที่ผ่านมา
ไม่ได้ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจตกอับหายไปได้ ฉันใดก็ฉันนั้น ความยากจนและค่นแค้นมันได้ก้าวข้ามตัวเลขเรือนแสนของ
‘ไอทู้บ’ ไปแล้ว