ความจริง 5 เรื่องที่ผมเสนอว่าสังคมไทยน่าจะรู้คือ
หนึ่ง ไม่มีคน "คนรุ่นใหม่" หรือ "คนรุ่นเก่า" ในแง่ความคิด มีแต่ในเชิงอายุทางกายภาพเท่านั้น ที่เก่าจริง ใหม่จริง
พวก "คนรุ่นเก่าในเชิงความคิด" แต่ทำตัว แปะป้ายตัวเองว่าใหม่ แต่เนื้อในกลวงมีมากมาย
คนเรา "รุ่นใหม่" ได้เสมอถ้าอัพเดทตัวเอง และกล้าคิดวิพากษ์ มองหาความรู้ใหม่ๆ ไม่ว่าจะอายุเท่าไร
และ "คนรุ่นเก่าทางความคิด" นี่แหละที่จะขัดขวางความคิดใหม่ๆ แบบเนียนๆ ไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไรก็ตาม และเขายังคงครอบงำสังคมอยู่ด้วยระบบอุปถัมป์จนทุกวันนี้
สอง เราไม่มีทางเข้าใจตัวเองหรือเข้าใจคนอื่นได้หมด และคำแนะนำที่ว่าให้เดินทางมากๆ ก็ทำได้กับชนชั้นที่มีกำลังจ่ายเท่านั้น ไม่ใช่ชนชั้นหาเช้ากินค่ำ
การคุยกับคนมากๆ ในสังคมมนุษย์ Function หนึ่งอย่าปฏิเสธว่าคือการสร้างเครือข่าย ถ้าช่วยกันทำงานก็ดีไป แต่ถ้ามันกลายเป็น "ระบอบอุปถัมป์" เปลี่ยนถูกเป็นผิด มันก็จะกลายเป็นปัญหา และสังคมไทยเป็นแบบนั้น
สาม จะอยู่รอดในยุคใหม่ ที่ปัญญาประดิษฐ์มาแทนที่แรงงานคน จำต้องการรัฐที่วางแผนพัฒนาคนให้สามารถทำงานในสิ่งที่เครื่องจักรทำไม่ได้ ไม่ใช่มีรัฐที่วางแผนไปวันๆ การพูดหล่อๆ ว่าให้ใช้ความเป็นมนุษย์ในยุคนี้ แต่ไม่พูด "แตะโครงสร้าง" จึงไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากทำให้คนพูดหล่อเฟี้ยวในหน้าสื่อ
สี่ ทุกคนต้องการชีวิตที่ดีขึ้น ต้องการคุณภาพการดำรงชีพที่สูงขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร และมันคือการทดลองของแต่ละคน ไม่มีศาสดาคนไหนมาไลฟ์โค้ชใครได้ เพราะแต่ละคนเงื่อนไขต่างกัน ขอแค่มีรัฐที่กระจายโอกาสได้ดีให้ก็พอ (แต่เรามีไหม ทุกท่านก็คงตอบได้)
ห้า การที่จะมีใครมาเที่ยวเสนอว่า "จงเป็นคนคุณภาพ" มันก็ย้อนไปที่เราเลือกเกิดไม่ได้ ฐานะ ชนชั้น โอกาส สังคมที่เติบโต ฯลฯ มันจึงเป็นเรื่องลำบากที่คำแนะนำของคนที่เขามองว่าตัวเองมีคุณภาพแล้ว มาบอกว่า "จงเป็นคนคุณภาพ" มันจะมาช่วยอะไรในเงื่อนไขชีวิตของเรา
มีเด็กจำนวนมาก อยากไปพัฒนาทักษะทางภาษาเพิ่มที่เมืองนอก พวกไลฟ์โค้ช พูดอะไรเท่ๆ ช่วยมาจ่ายให้หน่อยสิครับ
เราคุมมันได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้นแหละ แต่ถ้าเรายังมีรายได้น้อยเรี่ยดิน ต้องคิดหนักเดือนต่อเดือน จะเอาเวลาที่ไหนมาพัฒนาคุณภาพตัวเอง นอกจากทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำ
นักคิด นักเขียน อย่าไปฟังมันให้มาก พวกนี้เผลอๆ ชีวิตล้มเหลวยิ่งกว่าที่พวกคุณจะรู้อีกครับ นี่พูดจากใจ
Sujane Kanparit