วันอังคาร, กันยายน 17, 2562

ข้อสังเกตุต่อเพจ ‘ศาสนวิทยา’ ถูก 'เจ้าหน้าที่' ถามหา

จากการที่เฟชบุ๊คเพจ ศาสนวิทยาของ ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ นำลงข้อความเมื่อสายวันที่ ๑๖ กันยา “เจ้าหน้าที่โทรมาสอบถาม และบอกจะส่งคนมาหา”

จึงกลายเป็นข่าวที่มีคนติดตามจำนวนมาก ประชาไท รายงานว่าคนที่โทรถึง ดร.ศิลป์ชัยไม่ยอมแจ้งชื่อและ/หรือสังกัด แต่แสดงความไม่พอใจกรณีเพจศาสนวิทยาแพร่เอกสาร “คำสั่งให้ตำรวจอารักขาไว้ผมขาวตัดเกรียน ๓ ด้าน ทุกวันจันทร์และวันศุกร์

ผู้โทรขอให้แจ้งว่าใครเป็นผู้ส่งข้อมูลนั้น เนื่องจากเป็นเอกสารภายใน “คนส่งถือว่าเป็นคนไม่ดี ต้องจัดการ” เป็นเหตุให้เจ้าตัวเขียนเติมโพสต์ว่า “ตอนนี้กลัวจริง ไม่ได้พูดเล่น อาจเลิกเลย ยังไงลากันล่วงหน้าไว้ก่อนนะ ขอบใจสำหรับคนที่รักและจริงใจนะ”

อย่างไรก็ดีอีก ๑๐ ชั่วโมงต่อมา dr.Sinchai อัพเดทสถานการณ์ว่า “รายงานตัว ขอบคุณ FC ที่รักกัน ณ นาฑีนี้ จนท.ยังไม่มา คงมาสักวันอย่างหลายคนโดน ไม่ต้องห่วง ลบเกลี้ยง ท่านปลอดภัยแน่นอนและไม่มีซัดทอด”

จนกระทั่งตอนดึกวันที่ ๑๖ มีโพสต์ใหม่ฉายซ้ำภาพจาก นสพ.ข่าวสดอิงลิช เขาเขียนบรรยายว่า “เห็นภาพจากอินสตาแกรม ข่าวบอกเจ้าหน้าที่วังเอาพระบรมฉายาลักษณ์ไปเป็นของพระราชทานให้แก่หญิงผู้มีอายุเกิน ๑๐๐ ปี ที่สมุทรสงคราม

แต่คนสงสัยกันมากว่าทำไมไม่เอาภาพที่ถ่ายกับราชินีนุ้ยไปให้ ถามกันมาหลายคน” ซึ่งเมื่อวันก่อนหน้านั้นเขานำลงภาพจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเกี่ยวกับประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อ ๑๓ กันยา “โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

ให้ พันเอกปริทัศน์ บุนนาค แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์” ซึ่งเขาคอมเม้นต์เพิ่มเติมว่า “เป็นสหายสนิทมากๆ ถึงมากที่สุดขององค์ภา” ฉะนี้เลยมีการตั้งข้อสังเกตุกันว่า ที่เขาระบุตอนหนึ่ง ‘anticipation’ เรื่อง “คงมาสักวันอย่างหลายคนโดน”
 
นั่นจะพาดพิงถึงกรณีกลุ่มวงดนตรีคณะ ไฟเย็น ที่ขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศสเรียนรู้วัฒนธรรม ดนตรีข้างถนน และซึมซับรสชาติ ชองปาญ บ้างไรบ้าง โดยที่เมื่อคณะเดินทางถึงปารีส์ใหม่ๆ ก็ได้เจอกับการติดต่อ (ทางไลน์) ของ เจ้าหน้าที่จากไทยเช่นกัน

ผ่านทาง แยมมี่สมาชิกหญิงคนเดียวของวง อ้างเป็นหน่วย (ล่า) พิเศษ ขู่ให้มอบตัว คุยว่าขณะนั้นคอยจับตาตลอดเวลา ต่อเมื่อทั้งวงเปิดโปงเหตุการณ์และคลิปเสียงข้อความสู่สาธารณะแห่งโลกกว้าง การคุกคามเช่นนั้นจึงค่อยๆ หายไป

ราย ศาสนวิทยานี้อยู่ในประเทศและไม่มีเหตุอะไรจะต้องลี้ภัย การที่มีบุคคลลึกลับโทรศัพท์ไปก่อกวนเช่นนั้น หากบ้านเมืองมีระบบการบริหารสาธารณะอย่างอารยะ ผู้เดือดร้อนย่อมสามารถร้องเรียนเพื่อเสาะหาคนร้าย หรือป้องกันมิให้เหตุนั้นเกิดขึ้นอีก ทั้งต่อคนเดิมหรือรายอื่นได้


ข่ายงานอย่างนี้ประเทศไทยมีองค์กรรองรับอยู่พร้อม ทั้งตำรวจทหารมีหน่วยงานเกี่ยวกับอาชญากรรมดิจิทัล หรือทางไซเบอร์ แถมยังมีกระทรวงดิจิทัลโดยเฉพาะอีกแห่ง เพียงแต่ว่าหน่วยงานเหล่านั้นจะต้องหันมามุ่งหน้ารับใช้ประชาชน แทนที่จะเป็นเครื่องมือของรัฐบาลแต่ทางเดียว