จากการที่เฟชบุ๊คเพจ
‘ศาสนวิทยา’ ของ ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ นำลงข้อความเมื่อสายวันที่
๑๖ กันยา “เจ้าหน้าที่โทรมาสอบถาม และบอกจะส่งคนมาหา”
จึงกลายเป็นข่าวที่มีคนติดตามจำนวนมาก
ประชาไท รายงานว่าคนที่โทรถึง ดร.ศิลป์ชัยไม่ยอมแจ้งชื่อและ/หรือสังกัด แต่แสดงความไม่พอใจกรณีเพจศาสนวิทยาแพร่เอกสาร
“คำสั่งให้ตำรวจอารักขาไว้ผมขาวตัดเกรียน ๓ ด้าน
ทุกวันจันทร์และวันศุกร์”
ผู้โทรขอให้แจ้งว่าใครเป็นผู้ส่งข้อมูลนั้น
เนื่องจากเป็นเอกสารภายใน “คนส่งถือว่าเป็นคนไม่ดี
ต้องจัดการ” เป็นเหตุให้เจ้าตัวเขียนเติมโพสต์ว่า “ตอนนี้กลัวจริง
ไม่ได้พูดเล่น อาจเลิกเลย ยังไงลากันล่วงหน้าไว้ก่อนนะ
ขอบใจสำหรับคนที่รักและจริงใจนะ”
อย่างไรก็ดีอีก ๑๐ ชั่วโมงต่อมา dr.Sinchai
อัพเดทสถานการณ์ว่า “รายงานตัว ขอบคุณ FC ที่รักกัน
ณ นาฑีนี้ จนท.ยังไม่มา คงมาสักวันอย่างหลายคนโดน ไม่ต้องห่วง ลบเกลี้ยง
ท่านปลอดภัยแน่นอนและไม่มีซัดทอด”
จนกระทั่งตอนดึกวันที่ ๑๖
มีโพสต์ใหม่ฉายซ้ำภาพจาก นสพ.ข่าวสดอิงลิช เขาเขียนบรรยายว่า “เห็นภาพจากอินสตาแกรม
ข่าวบอกเจ้าหน้าที่วังเอาพระบรมฉายาลักษณ์ไปเป็นของพระราชทานให้แก่หญิงผู้มีอายุเกิน
๑๐๐ ปี ที่สมุทรสงคราม
แต่คนสงสัยกันมากว่าทำไมไม่เอาภาพที่ถ่ายกับราชินีนุ้ยไปให้
ถามกันมาหลายคน” ซึ่งเมื่อวันก่อนหน้านั้นเขานำลงภาพจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเกี่ยวกับประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อ
๑๓ กันยา “โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้ พันเอกปริทัศน์
บุนนาค แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์” ซึ่งเขาคอมเม้นต์เพิ่มเติมว่า “เป็นสหายสนิทมากๆ
ถึงมากที่สุดขององค์ภา” ฉะนี้เลยมีการตั้งข้อสังเกตุกันว่า
ที่เขาระบุตอนหนึ่ง ‘anticipation’ เรื่อง “คงมาสักวันอย่างหลายคนโดน”
นั่นจะพาดพิงถึงกรณีกลุ่มวงดนตรีคณะ
‘ไฟเย็น’ ที่ขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศสเรียนรู้วัฒนธรรม ‘ดนตรีข้างถนน’ และซึมซับรสชาติ ‘ชองปาญ’ บ้างไรบ้าง โดยที่เมื่อคณะเดินทางถึงปารีส์ใหม่ๆ
ก็ได้เจอกับการติดต่อ (ทางไลน์) ของ ‘เจ้าหน้าที่’ จากไทยเช่นกัน
ผ่านทาง ‘แยมมี่’ สมาชิกหญิงคนเดียวของวง
อ้างเป็นหน่วย (ล่า) พิเศษ ขู่ให้มอบตัว คุยว่าขณะนั้นคอยจับตาตลอดเวลา
ต่อเมื่อทั้งวงเปิดโปงเหตุการณ์และคลิปเสียงข้อความสู่สาธารณะแห่งโลกกว้าง
การคุกคามเช่นนั้นจึงค่อยๆ หายไป
ราย ‘ศาสนวิทยา’ นี้อยู่ในประเทศและไม่มีเหตุอะไรจะต้องลี้ภัย
การที่มีบุคคลลึกลับโทรศัพท์ไปก่อกวนเช่นนั้น
หากบ้านเมืองมีระบบการบริหารสาธารณะอย่างอารยะ ผู้เดือดร้อนย่อมสามารถร้องเรียนเพื่อเสาะหาคนร้าย
หรือป้องกันมิให้เหตุนั้นเกิดขึ้นอีก ทั้งต่อคนเดิมหรือรายอื่นได้
ข่ายงานอย่างนี้ประเทศไทยมีองค์กรรองรับอยู่พร้อม
ทั้งตำรวจทหารมีหน่วยงานเกี่ยวกับอาชญากรรมดิจิทัล หรือทางไซเบอร์
แถมยังมีกระทรวงดิจิทัลโดยเฉพาะอีกแห่ง
เพียงแต่ว่าหน่วยงานเหล่านั้นจะต้องหันมามุ่งหน้ารับใช้ประชาชน
แทนที่จะเป็นเครื่องมือของรัฐบาลแต่ทางเดียว