เย้ สมุนกระบวนการ ‘โหนเจ้า’ ได้เฮ ต่อนี้ไปจะกล่าวหาใคร ‘ล้มเจ้า’ ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องหมิ่นประมาท
ศาลอาญาถนนรัชดากำหนดมาตรฐานใหม่ ด่าเขาแล้วไม่เป็นจริงตามนั้น ศาลไม่รับฟ้องกลับ
จากกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นฟ้อง
มจ.จุลเจิม ยุคล ไว้ในข้อหาหมิ่นประมาท ต่อการที่ผู้ใช้ชื่อภาษาอังกฤษ Chulcherm
Yugala เขียนเฟชบุ๊ค “ใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยเผยแพร่สู่สาธารณชน”
ว่านโยบายของพรรคนี้ มีเนื้อหาล้มล้างสถาบัน
“เมื่อเริ่มก่อตั้งได้มีคนหนุ่มสาว นักวิชาการที่คลั่งไคล้ปรัชญาตะวันตก
ทาสอารยธรรมตามก้นฝรั่ง (สายพันธุ์ลูกสมุนคณะราษฎร) ที่ตลอดชีวิตคิดหาทางล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเนียนๆ”
ซึ่งโจทก์อ้างเป็นความผิด
“ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖,
๓๒๘ และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
พ.ศ.๒๕๖๑ มาตรา ๗๓ (๕) ประกอบมาตรา ๑๕๙”
โดยศาลสั่งยกฟ้องตั้งแต่ชั้นไต่สวน
โดยให้เหตุผลว่า “จำเลยวิจารณ์สร้างสรรค์
ไม่ต้องการให้โจทก์ละเมิดเบื้องสูง โดยเป็นเชิงเปรียบเทียบกับภารกิจคณะราษฎร ๒๔๗๕ จำเลยวิจารณ์สร้างสรรค์
ซึ่งจำเลยเป็นเชื้อพระวงศ์ย่อมมีความจงรักภักดี” ทำให้ตีความได้ว่าเชื้อพระวงศ์ย่อมด่าคณะราษฎรได้
หนักไปกว่านั้น “อีกทั้งไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าโจทก์ได้ละเมิดเบื้องสูง
และผลการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา พรรคของโจทก์ได้คะแนนความไว้วางใจจากประชาชนถึง ๖
ล้านกว่าเสียง จำนวน ส.ส.รวมกว่า ๘๐ คน”
เลยทำให้ศาลเห็นว่าการกล่าวหาใส่ร้ายของจำเลย
“ไม่ส่งผลกระทบต่อโจทก์ให้เสียหาย จึงพิพากษายกฟ้อง”
อ้างอย่างนี้ก็มีด้วย แสดงว่าการใช้เหตุผลของศาลไทยไม่ต้องเข้าครรลองตรรกะแห่งกฎหมายในทางสากล
หรือมนุษยชนธรรมดาใดๆ ในเมื่อบุคคลหรือองค์กรถูกใส่ร้ายว่าเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทั้งที่ศาลก็เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็ไม่สามารถฟ้องกลับฐานถูกทำให้เสื่อมเสียได้