วันเสาร์, กันยายน 14, 2562

พุทธไทยนับถือผียิ่งกว่าพราหมณ์ พลังอารยะก้าวหน้าหาญต้าน จนกว่าจะเปิดกะลาครอบสู่โลกกว้างได้สำเร็จ


นึกแล้วเชียวคดีธรรมนัสไม่จบง่าย เมื่อ วิษณุ เครืองาม เติมไฟตะแบงต่อถึงข้อตราหน้าวุฒิด็อกเต้อของ รมช.เกษตรฯ ที่อาจจะปลอม ว่าไม่สำคัญในเมื่อธรรมนัสจบ จปร.ก็เท่าปริญญาตรีพอแล้วสำหรับคุณสมบัติรัฐมนตรี

มิใย เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานกรรมาธิการปราบปรามการประพฤติมิชอบ ประกาศจะตรวจสอบคุณสมบัติของธรรมนัสต่อไปจนถึงที่สุด ในช่องทางรัฐสภาโดยไม่หวังพึ่งศาลรัฐธรรมนูญอีกแล้ว ก็คงจะเป็นกระบวนการที่ยืดยาวต่อไป ยังมองไม่เห็นบทสรุป

ขณะที่ผู้รับผิดชอบโดยตรง ที่รับแต่ชอบเสมอมาและเสมอไปไม่เคยรับผิดอะไร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลี่ยงไปเล่นบทเยี่ยมเยือน สุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงบ้าน รำลึกบรรยากาศเก่าๆ ที่พี่เค้าก่อกวนสร้างความวุ่นวายให้คณะทหารเข้ายึดอำนาจ ครองบ้านครองเมืองมากระทั่งบัดนี้

สภาพกดดันทางการเมืองด้วยอำนาจรัฐประหารของ คสช. และสืบทอดต่อมาห้าหกปี ไม่เพียงทำให้เศรษฐกิจในระดับพื้นฐานรากหญ้าตกต่ำข้าวยากหมากแพง หากินฝืดเคืองมาอย่างต่อเนื่อง ยังทำให้สภาพสังคมตกอยู่ในภาวะวายร้าย

เพียงการอ้างความรัก ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ก็สามารถแสดงอาการเขื่องเหนือผู้คนที่คิดเห็นไม่ตรงกับตนได้ ประเด็นต้นและท้ายในสามสิ่งวิเศษนั้นได้เห็นกันมามากมายจนล้น ตรงกลางคือศาสนากำลังเป็นปัญหาหนักหน่วงยิ่งขึ้นทุกวัน

ทั้งๆ ที่ประเทศไทยยึดหลักเสรีในการนับถือศาสนามาตั้งแต่เริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรก อีกทั้งศาสนาพุทธที่ได้รับยกย่องว่าเป็นศาสนาประจำชาติและมีคนนับถือมากที่สุด มีความเป็นเสรีนิยมมากที่สุดในธรรมชาติของหลักธรรมคำสอน

แต่ปรากฏว่ามีความพยายามผลักดันให้กลายเป็นพิธีกรรมนิยมและวัตถุบูชาเสียยิ่งกว่าลัทธิพราหมณ์ แม้นว่าสังคมได้ซึมซับรับเอาแนวความคิดก้าวหน้าของอารยธรรมตะวันตกเข้าไว้มากแล้ว การขัดแย้งกระทบกระทั่งระหว่าง ใหม่ กับ เก่า จึงเกิดให้เห็นมากยิ่งๆ ขึ้น

การที่ทางการบังคับให้นักศึกษาหญิงคนหนึ่งต้องทำพิธีการกราบขอขมาต่อเจ้าคณะภาคและข้าราชการเกี่ยวข้อง เนื่องจากผลงานภาพเขียนสีน้ำมันของเธอมีเนื้อหาประยุกษ์เอาพลังสร้างสรรแนวใหม่ อุลตร้าแมนสวมใส่ด้วยเศียรพระพุทธรูป

นับเป็นการกดขี่บังคับจากผู้ยึดถือพิธีกรรมและวัตถุบูชาที่ล้วนอยู่ในแวดวงแห่งพลังอำนาจ ‘authority’ ทั้งที่มีเสียงต่อต้านผ่านทางสื่อสังคมอย่างหนาแน่น ประดุจว่าแนวคิดเสรีนิยมทางศาสนาจะแผ่สร้านไปยิ่งกว่าความคร่ำครึของพิธีกรรมโบราณ
 
แต่กระนั้นยังไม่วายฝักฝ่ายของผู้ยึดมั่นงมงายใช้ชื่อว่า “ชาวพุทธพลังแผ่นดิน” พากันไปแจ้งความต่อตำรวจกองปราบให้ดำเนินคดีต่อนักศึกษาหญิงผู้เขียนภาพ พร้อมด้วยอาจารย์ผู้สอนและผู้จัดสถานที่แสดงภาพเหล่านั้น

ทั้งยังควบรวมผู้ถูกฟ้องอีกสองคนคือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินคนดังด้านจิตรกรรม กับ เดชา กิติวิทยานันท์ ทนายความผู้โด่งดังทางสื่อ เนื่องจากบุคคลทั้งสองให้ความเห็นทางสาธารณะสนับสนุนผลงานนักศึกษาราชภัฏนครราชสีมานี้

จรูญ วรรณกสิณานนท์ และพงศ์นรินทร์ อมรรัตนา อ้างว่าภาพวาด พุทธอุลตร้าแมน“ทำลายมรดกของชาติ ทำร้ายย่ำยีจิตใจของชาวพุทธทั้งประเทศ” แล้วยัง “เป็นการทำลายรูปแบบศิลปะ” โดยยกเหตุว่างานศิลปะต้องได้รับการแซ่ซร้องสรรเสริญ แต่ “ภาพนี้มีแต่คนตำหนิทั่วประเทศ”


ทั้งหมดของข้อกล่าวหาใช่ว่าเป็นการมุสาอย่างสิ้นเชิงแล้วยังเป็นมโนคติล้วนๆ ของคนกลุ่มนี้ ที่อ้างนักท่องเที่ยวไปไทยเพราะพุทธศาสนาก็น้อยมาก ส่วนใหญ่เพราะลัทธิบูชาผีสาง (พระพรหมเอราวัณ) แล้วยังศิลปะสลัม ‘ghetto’ เกลื่อนจตุจักร พัทยา

เหล่าผู้ชื่นชมในผลงานศิลปะแท้จริงจึงได้ทำการตอบโต้ อย่างสร้างสรรเริ่มโดยผู้ที่ซื้อภาพเขียนชุดพุทธอุลตร้าแมนของนักศึกษาหญิงไว้ชิ้นหนึ่ง ทราบว่ามีความพยายามจะเรียกคืนภาพเหล่านั้นเอากลับไปโคราชเพื่อทำลายทิ้ง

ปกรณ์ พรชีวางกูร จึงได้เปิดประมูลภาพชิ้นหนึ่งที่เขาครอบครองอยู่ โดยแจ้งวัตถุประสงค์ว่ารายได้จะหักส่วนหนึ่งให้เด็กที่เขียนภาพไว้ใช้ในการศึกษา นอกนั้นจะใช้ “ซื้อเตียง ICU เด็ก บริจาคให้โรงพยาบาลที่โคราช แล้วใส่ชื่อผู้บริจาคเป็นเด็กคนที่วาดภาพนี้แต่เพียงผู้เดียว”

ภายในกำหนดเวลา ๒๔ ชั่วโมงของการประมูลซึ่งปิดเมื่อค่ำวันที่ ๑๒ กันยายน ปรากฏว่ามีผู้แข่งขันประมูลกันจนราคาสุดท้ายที่ ๖ แสนบาท เสร็จสรรพกลับมีเจ้าของภาพอีกราย อันเป็นภาพพระพุทธรูปปางสมาธิชินราช ขอร่วมเปิดให้ประมูลด้วย
 
บ่ายวันที่ ๑๓ กันยา ภาพดังกล่าวมีผู้ยื่นประมูลไว้แล้วถึงราคา ๑ ล้านบาท ปกรณ์ซึ่งเป็นผู้จัดการประมูลแจ้งว่า รายได้ทั้งหมดที่ได้จากการประมูลจะหัก ๑๐% เป็นทุนการศึกษาให้น้องคนวาด ส่วนที่เหลือพี่เค้าจะเอาไปบริจาคให้เด็กตาบอดและโรงพยาบาลสงฆ์ในพื้นที่ห่างไกล”


ในภาวะที่ดูเหมือนว่าสังคมกำลังค่อยๆ ถอยลงไปสู่ความล่มสลายทางจิตสำนึกแห่งมนุษยธรรม เพื่อนอบน้อมสยบยอมต่ออสุรกาย อันมาในรูปแบบของสิ่งวิเศษต่างๆ ผ่านทางพลังอาวุธ ชาติเชื้อ และภูติผี

อย่างน้อยๆ ก็ยังมีประกายแห่งอารยธรรม ในหลักความเสมอภาคและประชาธิปไตย ฉายให้เห็นเป็นครั้งคราว จนกว่าจะสามารถร่วมกันผลักดันการครอบงำ เปิดครอบกะลาให้ประชากรทุกผู้ทุกนามออกไปสู่โลกกว้างได้สำเร็จ

Immediate Update :