ไหนมาลองจับตาดูกันสิว่า ระหว่าง ‘ดูด’ ส.ส.เพื่อไทย กับ ‘ชง’ ยุบพรรคอนาคตใหม่ อันไหนผลงานเด่น คสช.๒ ยิ่งกว่าการไปคุยโตชุบมือเปิบที่นิวยอร์ค
ไม่รู้นอนโรงแรมแอทเธนีได้ดู ‘เบรคกิ้งนิวส์’ หรือเปล่าว่าประธานสภาฯ ที่นั่นเขาประกาศ ‘ไต่สวน’
ปลดประธานาธิบดี
กรณีอเมริกัน
ผู้นำตีความรัฐธรรมนูญเข้าข้างตนแล้วทำตัวคล้าย ‘มอนาร์คี่’ ใช้อำนาจมักง่ายไม่รั้งรอกระบวนการ ‘เช็คแอนด์บาล้านซ์’
ประเด็นของไทยหัวหน้าใหญ่นักยึดอำนาจจัดการตัดทอนรัฐธรรมนูญเองอย่างดื้อด้าน
ตบตาต่อพระพักตร์ เหมือนที่ บอริส จอห์นสัน โกหกควีนเอลิซาเบ็ธให้ปิดสภาชั่วคราว
จะด้วยกรณีไหน
ขณะที่ไอทู้บไปกินเบอร์เกอร์ในนิวยอร์ค พวกพ้องและลิ่วล้อโหมกันใหญ่ในบ้าน
ใช้วิชามารโกยแต้มทั้งชั้นเชิงดูดและชงเรื่องดีด เก็บมาเล่าวันนี้เป็นความคืบหน้า
กับข่าวดูด ๑๔ ส.ส.พรรคเพื่อไทย สมศักดิ์
เทพสุทิน ท้าสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ถ้ามีคลิป (เสียง) จริง “ก็เอามาเปิดสิครับ
ไม่เป็นไรเพราะไม่มีผม” โต้ว่าที่พูดพูดกันไม่เป็นจริง
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะดูดข้ามพรรค โดยเฉพาะที่ว่านัดกินข้าวแล้วแจกซอง ไม่จริง
“อาจเป็นช่วงที่มีอุทกภัย
ส.ส.หรือคนที่รู้จักกันจะช่วยกันหาสิ่งของไปมอบดูแลประชาชน ลักษณะนี้อาจเป็นไปได้”
สมศักดิ์ออกนอกลู่เล็กน้อย แหม่ ถ้าอย่างนั้นซองก็เปียกหมดสิทั่น
แล้วไฉนคนประชารัฐ ยศเลขาธิการบอกอีกอย่าง
“ไม่มีการยืนยัน
เป็นการย้ายขั้วคงมีการพูดคุยกันบ้าง นักการเมืองเขาคุยกันอยู่แล้ว
จะไปห้ามไม่ให้พบปะพูดคุยคงไม่ได้ หากอะไรที่มีประโยชน์
ส.ส.คงจะช่วยกันประคับประคองการทำงานของทุกฝ่ายให้เดินไปข้างหน้า”
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เขาว่า
น่าจะเงี่ยฟังฝ่ายกล่าวหาเสียบ้าง
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการของเพื่อไทย ใส่กลับ
“แทนที่จะดูด ส.ส.แก้เสียงปริ่มน้ำ
ควรเปลี่ยนเป็นดูดมืออาชีพด้านเศรษฐกิจเข้าไปแทนที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจจะดีกว่า
สร้างความเชื่อมั่นเฮือกสุดท้ายให้นักธุรกิจและนักลงทุน”
ด้านการเมือง สุทิน คลังแสง แจงไว้ “เท่าที่ตรวจสอบ
ฝ่ายรัฐบาลมาเจรจากับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจริง เสนอเงื่อนไขหลายสาย
บางสายอาจชักชวนแค่ให้ไปพูดคุยกินข้าวด้วย แต่บางสายคิดจะดึงให้ไปอยู่” ดาวเพื่อไทยให้เหตุผลน่าคิด
ว่าย้ายพรรคเปลี่ยนขั้วเป็นไปได้ยาก
เพราะออกจากพรรคก็หมดสภาพ ใช้เวลานานกว่าจะได้ขึ้นทะเบียนพรรคใหม่
บางทีต้องรอพรรคเก่าถูกยุบ หรือสิ้นสุดสภา หรือถ้าเป็นการย้ายเฉพาะกิจ
โหวตร่วมบางเรื่องก็ไม่ง่ายเพราะตรวจสอบไม่ยาก ชาวบ้านที่เขาเลือกตนเข้าไปจะคอยจับตา
อีกกรณีที่พวกหนุนคณะยึดอำนาจ ต่อคิวกันออกมาเขย่า
ปั่นกระแสยุบพรรคอนาคตใหม่ จากการที่ตัวหัวหน้าให้เงินยืมแก่พรรคไปดำเนินกิจการถึง
๑๙๑ ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ใช้คืนบ้างยังตกค้างจ่ายไม่หมดอีกบ้าง
นอกจาก สว.ตู่ตั้ง สมชาย แสวงการ ช่วยโหมแล้วยังมีอดีตประธานกรรมาฯ
วิสามัญ ผู้ร่าง พรป.พรรคการเมือง โดดเข้ามาเป็นคู่กัดด้วยอีกคน อ้างว่า “เงินกู้ตาม
พ.ร.บ.พรรคการเมืองไม่ถือเป็นรายได้ของพรรค หากนำไปใช้ถือว่าผิดมาตรา ๖๒”
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม
เพิ่งเสนอหน้า รายได้พรรคต้องมาจากการระดมทุนและ/หรือรับบริจาค รายละไม่เกิน ๑๐
ล้านบาท นี่ให้ยืม ๑๙๑ ล้าน “พรรคการเมืองไม่ใช่บริษัทแสวงกำไร
การกู้เงินมาอาจไม่สามารถหารายได้มาจ่ายคืนได้”
ข้ออ้างทั้งหลายของฝ่าย ‘ชง’ อยู่ที่ว่ามาตรา ๖๒
ของ พรป.พรรคการเมืองกำหนดหนทางได้มาซึ่งเงินสนับสนุนพรรค ๗ อย่าง ในเมื่อการกู้เงินไม่ได้อยู่ในอย่างใดอย่างหนึ่ง
จึงถือเป็นความผิดให้ กกต.จัดการส่งศาลรัฐธรรมนูญเชือดเสีย แบบพรรคไทยรักษาชาติ
แต่เหตุเดียวกันที่ฝ่ายอนาคตใหม่ใช้
ว่าก็ พรป.ไม่ระบุให้กู้หรือห้ามกู้ จึงถือว่าการกู้เงินของพรรคไม่ใช่การหารายได้
ในเมื่อตอนที่พรรคอนาคตใหม่เริ่มทำการจำหน่ายขายของที่ระลึกต่างๆ ก็โดน
กกต.ปิดกั้นไม่ยอมให้ทำเสียแล้ว
ดังที่อธึกกิต ‘ใบตองแห้ง’ แจงแล้วนั่นใช่เลย
“ซื้อเสียงกันถล่มทลายไม่ผิด เพราะไม่จับ
อ้างว่าจับไม่ได้
กู้เงินอย่างเปิดเผยจะตีความว่าเป็นใช้เงินผิด ยุบพรรค ตัดสิทธิหมดเลยไหม
กู้เงินอย่างเปิดเผยจะตีความว่าเป็นใช้เงินผิด ยุบพรรค ตัดสิทธิหมดเลยไหม
โธ่เอ๋ย ของมันรู้กัน ตั้งธงไว้อย่างไร”