วันเสาร์, กันยายน 28, 2562

ผอ.เขตลาดกระบังสั่งพักงานพนักงานกวาด ข้อหา 'นินทานาย'

เราเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่พนักงานเขตลาดกระบังผู้หนึ่งต้องถูกสั่งพักงาน จากการที่ไทยอีนิวส์เสนอรายงานการร้องเรียนเรื่อง “ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง เมาแล้วกร่าง”


เมื่อ ๒๗ กันยายน มีคำสั่งสำนักงานเขตลาดกระบัง โดยนายวีรภัทร์ พันธุ์หาญ ให้พักราชการนางอัมพร จันทะมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน เป็นต้นไป ในข้อหา “ใส่ความและให้ร้ายผู้อำนวยการเขตต่อบุคคลภายนอก”

คำสั่งที่ ๙๙๙/๒๕๖๒ ดังกล่าวระบุด้วยว่าการกระทำนั้น อยู่ในข่ายข้อบังคับกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรบุคคลของลูกจ้าง ข้อ ๗๗ วรรคแรก อันเป็นความผิดอาญาฐานดูหมิ่นและหมิ่นประมาทผู้อื่น “ไม่รักษาความลับของทางราชการ”

คำสั่งของผู้อำนวยการเขตผู้นี้อ้างด้วยว่า “ทำให้ผู้อำนวยการเขตเกิดความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง” จึงให้นางอัมพรซึ่งเป็นพนักงาน กวาดในสังกัดฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะของสำนักงานเขตนั้นพักงาน

การนี้ไทยอีนิวส์ได้รับแจ้งจากผู้ใกล้ชิดพนักงานในเขตลาดกระบัง ว่า “เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยคนนี้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากทั้งตนเองและครอบครัว เนื่องจากน้องเป็นหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว ทั้งยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในครอบครัวอีกมากมาย”

นางอัมพรเป็นพนักงานคนหนึ่งที่คุยทางไลน์เรื่องการถูกทางเขตเรี่ยไรเงินคนละ ๑๕๐ บาทเพื่อจัดงานเลี้ยงในโอกาสเกษียณอายุราชการของผู้อำนวยการเขต เธอได้ถูกเจ้าหน้าที่เขตยึดเอาโทรศัพท์มือถือส่วนตัวไป ทั้งที่ไม่ได้ให้ความยินยอม

“ทั้งยังมีการข่มขู่หว่านล้อมจะดำเนินคดีกับพนักงานคนนี้อีกด้วย” ผู้ที่ร้องเรียนต่อไทยอีนิวส์เล่าเรื่องราวเพิ่มเติมว่า “การกระทำของ ผอ.สนง.เขตฯ คนนี้เป็นเสมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก

ใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเองกดขี่ข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมรับการกระทำของตัวเองเป็นเริ่องที่ถูกต้อง ใครที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับตัวเองก็จะถูกข่มขู่ถูกสั่งย้าย สั่งพักงานอย่างไม่เป็นธรรม”

แม้จะได้มีการทำหนังสือร้องเรียนไปยัง กทม. กันหลายครั้ง ตลอดสามปีที่ผ่านมา “พร้อมข้อมูลหลักฐานเกือบ ๔๐ ฉบับ ทั้งผู้ร้องก็มีตัวตนติดตามเรื่องมีหนังสือทวงถามตลอดมา แต่ผู้มีอำนาจใน กทม.ไม่เคยดำเนินการใดๆ”

การกระทำของ กทม.เยี่ยงนี้เท่ากับปกปิดความผิด และกลบเกลื่อนการกระทำเสื่อมเสียของผู้บริหารระดับสูงในองค์กร ด้วยการกลั่นแกล้งให้ร้ายต่อผู้ที่เปิดโปงความมิดีมิร้ายในแวดวงราชการ (Whistle-Blower) ลักษณะเดียวกับที่กำลังเกิดกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ในสังคมอเมริกันไม่ว่าผู้นำหรือหัวหน้าในส่วนราชการจะใช้อำนาจบิดเบือนอย่างไร คนที่เปิดโปงความชั่วร้ายของผู้มีอำนาจจะได้รับการสนับสนุนจากมหาชนและสื่อต่างๆ ผู้บริหารระดับประเทศเคยต้องลาออกจากตำแหน่งเมื่อปรากฏว่าใช้อำนาจเบียดบังกระทำความผิด

กรณีที่ผู้อำนวยการเขตเมาแล้วไปอาละวาดที่ร้านอาหาร และมีลูกน้องเที่ยวเรี่ยไรเงินจากพนักงานผู้น้อยมาจัดงานให้ อาจเป็นความลับของ ผอ. แต่ไม่ใช่ความลับของทางราชการอย่างแน่นอน

และการที่พนักงานผู้มีรายได้น้อยไปแช้ตบ่นทางไลน์ว่าถูกรีดไถ ก็ไม่ใช่ความผิดอาญาดูหมิ่นใคร แต่เป็นการทำหน้าที่พลเมืองดีแจ้งเบาะแสของความชั่วร้ายในวงราชการ ดังเช่น ‘Whistle-Blower’ ในสหรัฐ

เมื่อไทยอีนิวส์นำเสนอเรื่องการร้องเรียนนี้ในชั้นต้นนั้น เราหวังจะทำหน้าที่สื่อสารนำความจริงออกมาตีแผ่ต่อสาธารณชน จึงยินดีที่จะได้รับการโต้แย้ง แต่ทางผู้อำนวยการเขต และ กทม.กลับหันไปใช้วิธีข่มขู่ข่มเหงพนักงานชั้นผู้น้องแทนเช่นนี้ ย่อมแสดงชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎระเบียบแล้วปกปิด

ระบบราชการไทย โดยเฉพาะกรณีนี้คือ กทม. ต้องการการยกเครื่องแก้ไขและปฏิรูปมากมายมานานนักแล้ว ยังทำไม่ได้เสียทีเพราะคณะรัฐประหาร คสช.นำคนของตนเข้าไปกดขี่ควบคุม เราเชื่อว่าเหตุการณ์ชั่วร้ายเช่นที่เกิดในเขตลาดกระบังต้องมีในท้องที่อื่นๆ ด้วย

เพราะการเน่าเฟะของ ระบบเหมือนฝีกลัดหนอง ไม่ช้าฝีนั้นจะแตกพลุและลามปามจนกระทั่งต้องสูญเสียอวัยวะไปในที่สุด ถ้าไม่มีการเยียวยาอย่างถูกต้อง