เรือท้องแบนคงมีไม่พอ ทร.ช่วยอะไรอุทกภัยอีสานไม่ค่อยได้
ชาวบ้านต่อแพกันเองขนของใหญ่หนีน้ำ ทั้งรถทั้งวัว แต่ควายขนไม่ทันตายกันเป็นฝูง เลยต้องสะกิด
‘โพดล’ ปีหน้าค่อยมาใหม่เด้อ
ทัพเรือซื้อเรือยกพลขึ้นบกใหม่จากจีนแล้ว
คราวนี้ไม่ยั่น ๖,๑๐๐ ล้านบาทต้องเจ๋ง “จีนมีใจกรุณา”
เสียอย่าง ให้ขนช้างหนีน้ำยังได้ จะเกาะช้างหรือแถวบ้านแพล้ว ทหารเรือมาแล้ว มาทันแน่
ในเมื่อทั่น ผบ.ทร. ยืนยัน “ไม่ใช่ซื้อมารบอย่างเดียว
หากถามว่าประชาชนจะได้อะไร...คือใช้ในการทหาร
และช่วยเหลือประชาชนไปพร้อมๆ กัน” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ พูดเด็ดขาด “เรามีการก่อตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยนานาชาติ”
ร่วมกับอาเซียน จำเป็นต้องใช้เรือขนาดใหญ่บรรเทาสาธารณภัย
“ขอย้ำว่ากองทัพเรือในยุคที่ผ่านๆ มาโปร่งใส
ตรวจสอบได้ และพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ ใครอยากรู้ให้มาคุยได้” นั่นเนื่องจากเสียงฮึดฮัดดังฮือฮามาก
ซื้อจากจีนนี่นอกจากเรือดำน้ำแล้วยังมีเพิ่มเรือ ‘แอลพีดี’ ด้วยเหรอ แอบซื้อหรือเปล่า
ซ้ำไม่ให้รายละเอียด
ชาวบ้านอยากรู้ว่าวิเศษอย่างไร ทั่น ผบ.ทร.แก้ตัวง่ายๆ “ต้องให้เกียรติทางการจีน เนื่องจากเป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี
หากไปก้าวก่ายจะดูไม่ดี” อุ๊ย ตะหานเรือมารยาทงาม อ้างอีก “บางประเทศจะไม่ยอมขายยุทโธปกรณ์ที่ยังใช้ประจำการอยู่
แต่นี่ถือว่าจีนใจกว้าง ‘ฉางไป่ซาง’
เค้าใช้อย่างไรเราก็ใช้อย่างนั้นเหมือนกันทุกประการ” ส่วนว่าถ้าใช้รบเทียบเคียงกับประเทศอื่นแล้วคุ้มกันไหม
“สมรรถนะของเรือลำนี้ได้ผ่านการฝึกร่วมกับจีนมาแล้ว”
ผบ.ทร.ไม่ลดละ
“ใช้งานได้เหมาะสมที่สุดกับกองทัพเรือไทย ส่วนเพื่อนบ้านจะมีเรือขนาดเล็กหรือเรือใหญ่กว่านี้ก็เป็นเรื่องของประเทศเพื่อนบ้าน”
ทั่นผู้บัญชาการฉุนเป็นเหมือนกัน
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังน่าจิกอยู่ดี
กองทัพไทยยุค คสช.นี่ติดใจอะไรกับจีนนักหนา ไหนจะเรื่องรถไฟ ‘เร็วสูง’ ที่แรกเริ่มมีทางเลือกหลายแหล่งญี่ปุ่น
เยอรมนี เกาหลี แต่ คสช.นี่เน้นแน่นหนาต้องจีนดีกว่า หลังจากทีมผู้แทนคณะรัฐประหารกลับจากเยือนจีน
จะว่าเพราะจีนเป็นยักษ์ใหญ่แห่งเดียวที่ไม่ด่าเมื่อทหารไทยยึดอำนาจพลเรือน
อย่างที่สื่อนอกวิเคราะห์ ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ครั้นหัวหน้ารัฐประหาร ประยุทธ์
จันทร์โอชา บอกให้ประชาชนไทยอ่านสรรนิพนธ์สีจิ้นผิง ก็ว่าเออ ขยับเข้าไปอีกหน่อย
ที่แท้จนป่านนี้ยังสงสัยไม่หายว่า ‘ดีลดี’ จริงๆ หรือไม่
อย่างโครงการรถไฟ ‘ที่มีความเร็ว’
ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ ให้เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดเส้นทาง ‘สายพานและถนน’
ของจีนจากยุนนานลงสู่น่านน้ำในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้สุดทางที่สิงคโปร์
เส้นทางดังกล่าวซึ่งเป็นรูปเป็นร่างอย่างดีแล้วที่ลาว
และดูเหมือนว่าจีนน่าจะโอ๋ไทยเพื่อให้ยินดีเชื่อมต่อจากลาวลงไปสุดใต้
จึงได้มีโครงการรถไฟไทย-จีนเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคายเกิดขึ้น แรกเกิดใหม่ๆ
คสช.ประโคมเสียเลิศเลอ
ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อนพอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลา
แค่เส้นทางเบิกฤกษ์ กรุงเทพฯ-โคราช ที่ทำพิธีเปิดไปแล้วแต่ยังไม่ได้สร้าง
เนื่องจากปัญหาเงินทุน อย่าว่าแต่จะให้จีนช่วยลงทุนก่อนเลย
แม้กระทั่งจะขอกู้จีนในอัตราดอกเบี้ยเป้นกันเองยังไม่ได้
ท้ายสุด คสช.คงเห็นซึ้งในความกรุณาของจีนดังที่
ผบ.ทร.ชื่นชม บอกว่าเอาวะไทยยอมออกตังค์สร้างเองได้ แค่เบื้องต้น ๑๗๙,๐๐๐
ล้านบาทเท่านั้น แต่จนป่านนี้ยังไม่รู้จะหาเงินจากไหน จะใช้งบกลางเบิกจ่ายง่ายๆ
ไม่มีทางได้
ครั้นจะตอบรับใน ‘ความกรุณา’ ของจีน (อย่างที่ทั่น
ผบ.ทร.ชมชมชื่น) ซึ่งเสนอให้ไทยกู้จากธนาคารเพื่อการค้าระหว่างประเทศของจีน
(เอ็กซิมแบ๊งค์) ในอัตราดอกเบี้ย ๒.๓ % บรรดานักธุรกิจการเงินขาใหญ่ๆ
ในไทยพากันร้องยี้ว่า ‘สูงเกิ๊น’
ข่าวนิคเคอิเมื่อปลายอาทิตย์ที่แล้วบอกว่า
ไม่แต่เพียงปัญหายังมองไม่เห็นแหล่งเงินลงทุน “เพราะรัฐบาลจับจ่ายมือเติบไปมากเกินขีดจำกัดเยอะแล้ว”
แหล่งข่าวในแวดวงการคมนาคมของสื่อญี่ปุ่นแห่งนี้ชี้ว่าปัญหาขณะนี้อยู่ที่ ‘ดีล’ ของจีนยอดยี้
ข้อเสนอในการรับจ้างสร้างรถไฟความเร็วพอใช้ได้ให้แก่ไทย
เพื่อเชื่อมต่อรถไฟจีนจากยุนนานเข้าถึงกลางสุวรรณภูมินั่น
ไม่มีส่วนของการติดตามดูแลและให้คำปรึกษา ‘Consultancy scheme’
รวมอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่ในแวดวงกิจการคมนาคมเชื่อว่าจะต้องมีข้อนี้
นอกจากนั้นยังมีกับระเบิดแทรกอยู่ในสัญญา
เมื่อนักอุตสาหกรรมในไทยค้นพบว่า “ไม่มีบทว่าด้วยหลักประกันความรับผิดชอบต่อผลงานการจัดสร้าง
‘Liability’ อยู่ในข้อเสนอของจีนนี้เลย
“ตายห่ล่ะสิ”
ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของโครงการน่าจะอุทานอย่างนั้น ในเมื่อโครงการมูลค่าเกือบ ๓
แสนล้านนี้รัฐบาล คสช.ประกาศออกไปแล้วว่าจะเสร็จสมอารมณ์หมาย มีรถไฟทันสมัยวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ
กับหนองคาย ๘๗๓ กิโลเมตรภายในสี่ปี
โดยที่ช่วงกรุงเทพฯ-โคราช ๒๕๒ ก.ม.ก็จะสามารถเปิดรางวิ่งในปี
๒๕๖๖ ได้แน่ๆ วิดีโอประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล คสช.๒
เพิ่งประโคมเมื่อต้นเดือนกันยายนนี้เอง ทว่าตอนนั้นยังไม่ปรากฏข่าวใดๆ ว่าจีนไม่ยอมวางเงินรับประกันงานจัดสร้างของตน
ตอนนี้ความหวังได้เห็นรถไฟไทย-จีนลดขั้นลงมาอยู่ในระดับ
‘ไม่แน่’ แล้ว มิน่าทัพเรือถึงได้ออกมาประโคมเรือแอลพีดีแทน
เผื่อคนจะลืมรถไฟไปได้ชั่วขณะ