วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 03, 2561

เก็บค่าเช่าบ้านน้องไป๊ป์ ภาษาทนายบอกว่า (ขี้) "ไม่เป็นที่สุด"

เมื่อวันก่อนทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมาย เอ็นจอยปากเหมือนเด็กอ่อนอมหัวแม่เท้าตัวเองน่ะนะ พูดถึงเรื่องยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นักข่าวถามว่าถ้ามีการยึดบ้านนวมินทร์ ที่ซอยพัฒนะโยธินไปแล้ว บุตรและสามีของเธอก็อยู่ต่อไปไม่ได้สิ นายวิษณุ เครืองาม ตอบว่า “เข้าไปอยู่อาศัยได้ แต่ต้องเสียค่าเช่า เพราะมีหลายกรณีที่รัฐยึดบ้านแล้ว ก็อนุญาตให้เข้าไปอยู่ได้”


แต่ทนายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บอกว่าช้าก่อน “ได้ดูข้อกฎหมายและแนวคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว พบว่า กรณีถ้ามีการยึดบ้านของลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าหนี้จะได้ค่าเช่านั้น

จะต้องเป็นกรณีที่ในขณะหรือภายหลังที่มีการยึดบ้านนั้น ลูกหนี้ตามคำพิพากษา (ขอย้ำ ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) ได้นำบ้านออกให้บุคคลอื่นเช่า...ซึ่งในทางกฎหมายเรียกว่า ดอกผลของทรัพย์ที่ถูกยึด”

นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ปรารภ “ในฐานะทนายความได้ฟังคำให้สัมภาษณ์แล้ว รู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง บ้านก็ถูกยึดทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด และสามีกับลูกยังต้องมาจ่ายค่าเช่าในการอยู่บ้านของตัวเองอีก”

ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้นี้อ้างว่า ถึงแม้ตนจะไม่ได้ดูแลคดีความในศาลปกครอง ก็ขอให้กำลังใจอดีตนายกฯ หญิง เพราะคำให้สัมภาษณ์ของนายวิษณุ 'ไม่เป็นที่สุด' ตามประมวลวิธีพิจารณาความกฎหมายแพ่ง มาตรา ๓๑๔ วรรคสอง (แก้ไขใหม่) และตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๗๓๑/๒๕๕๙


ทางด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) เขากล่าวถึงเรื่องยึดทรัพย์ตามคำสั่ง คสช.หรือกระทรวงการคลัง ว่า “เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีในทางกฎหมาย ประหนึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นอกลู่นอกทาง” และ

“จะเก็บค่าเช่านั้นมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ก็แต่จะยึดเอาค่าเช่าที่นำทรัพย์สินออกให้เช่า ซึ่งทางกฎหมายเรียกว่า ดอกผลนิตินัย” เขาเสริม

“ทางกฎหมายก็ไม่ถือว่าเป็นการยึดทรัพย์ตามคำพิพากษาของศาลด้วย...เมื่อบ้านนั้นเขาไม่ได้นำออกให้เช่า ครอบครัวเขาอยู่ด้วยความเป็นเจ้าของในกรรมสิทธิ์ร่วมกัน

ที่บอกว่า อยู่ได้ ต้องจ่ายค่าเช่าเป็นการบิดเบือนทางกฎหมาย” ดังนั้น “เจ้าของเดิมยังมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นอยู่ตราบเท่าที่ยังไม่มีการขายทอดตลาดเปลี่ยนมือไป

เขาลงท้าย “อย่าเล่นการเมืองแล้วเสื่อม เพราะความดีที่มีในอดีตมันสูญสิ้นไปแล้ว #ด้วยความเคารพ (คบไม่ได้)”


คงจะแบบเดียวกับทหารที่มาเล่นการเมือง รับเชิญมายึดอำนาจแล้วติดใจอยากอยู่ยาว ทำทุกท่านึกว่าทำแล้วดูดี กดขี่ สกัดกั้น ล่อหลอก ปลิ้นปล้อน และโป้ปด จนพวกที่เชื้อเชิญหลายคนเริ่มระอา ก็ยังไม่วายบีบคั้นต่อไปไม่ยั้ง

ไหนจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีนักวิชาการที่ทำกิจกรรมเดินมิตรภาพชูประเด็นประชาสังคม ไหนจะแจ้งความและคุกคามกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จัดชุมนุมเรียกร้องไม่ให้ คสช.เลื่อนการเลือกตั้ง

มาถึงรายการพาเหรดล้อการเมือง ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ ๗๒ ที่บรรดาโฆษกทหารออกมาแก้ตัวกันพัลวัล “เจ้าหน้าที่ไม่ได้สั่งห้ามใดๆ เป็นเพียงไปดูแลอำนวยความสงบรักษาความปลอดภัย เพื่อให้งานราบรื่น

พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ โฆษก คสช. แก้ตัวหลังจากมีข่าวแซ่ดว่า คสช.สั่งห้ามขบวนพาเหรดตกแต่งหุ่นด้วยนาฬิกาและแหวนเพชร

“ด้าน พล.ต.สุวิทย์ เกตุศรี ผบ.พล.ม.๒ รอ. กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวการเข้าตรวจหุ่นล้อการเมืองทั้ง ๖ ตัว ไม่เป็นความจริง เพราะทางหน่วยมีภารกิจเพียงเข้าดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานเขต และเทศกิจเพียงเท่านั้น

(ข่าวไทยรัฐรายงาน https://www.thairath.co.th/content/1194225)

หากแต่การเข้าร่วมดูแลความสงบเรียบร้อยของทหารนี่ มีลักษณะน่าเกลียด จำนวนทหารที่เข้าร่วมอย่างทางการมี ๓๐๐ คนเท่าตำรวจ แต่จำนวนไม่ทางการอีกไม่รู้เท่าไร
จุ๊กกรู ใครแอบดูนักศึกษาเชียร์บอลประเพณี
รู้กันแต่ว่ามีการแจกจ่ายเสื้อเชียร์ของธรรมศาสตร์ให้กับทหารหมู่หนึ่ง เพื่อเข้าไปแทรกซ้อนในหมู่นักศึกษา

ทาง มธ.นั้น ย้ำหลักการ “ไม่ปิดกั้นความเห็นและกระตุ้นเตือนให้สังคมเห็นปัญหาของสังคมและขบคิดร่วมกัน โดยจะอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย สิทธิเสรีภาพการแสดงออกภายใต้รัฐธรรมนูญพญ.อรพรรณ โพชนุกูล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษาชี้แจง

ส่วนประเด็นที่ว่ามีคำสั่งห้ามโน่นห้ามนี่มาจาก คสช. ต่อการจัดขบวนล้อหรือไม่ ผู้รับผิดชอบจัดขบวนพาเหรดของจุฬาฯ ยืนยันว่าไม่มี เพียงแต่ “เป็นการขอความร่วมมือ ไม่ให้ล้อเลียนการเมืองที่ตัวบุคคล”