วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 16, 2561

ถามใจเธอดู เอาอะไรดีระหว่าง ‘ไทยนิยมยั่งยืน’ กับ ‘นครอัจฉริยะ’


ถามใจเธอดู ประชาชนไทยควรได้อะไรระหว่าง ไทยนิยมยั่งยืน กับ นครอัจฉริยะนี่ถามอย่างคนที่ชัง ชาติชั่ว น่ะนะ

ไทยนิยมยั่งยืนเป็นอย่างไร ๒๑ กุมภาพันธ์นี้เจอแน่ เมื่อกระทรวงมหาดไทยร่วมกับ กอ.รมน. ปูพรมล้างสมองประชาชนทั่วประเทศ ใช้ทหารและเจ้าหน้าที่รัฐ ๗,๖๓๓ ทีมทำการ อำนวยการ และ ขับเคลื่อน

ให้ชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นตำบล หมู่บ้าน หรือชุมชน ๘๓,๑๕๑ แห่ง หลอมรวมความคิดเป็นหนึ่งเดียวแบบที่ คสช.ต้องการ อุปมาอุปไมยดังที่นายวิษณุ เครืองาม เนติบริกรของ คสช. พ่นไว้ว่าเหมือนเนื้อในของสับปะรดและทุเรียน

เพราะกระบวนการเลือกตั้งเป็นเพียงเปลือกของสับปะรดและทุเรียน ต้องผ่าเปลือกเข้าไปหาเนื้อไม่งั้นเจอแต่หนาม เจอแต่ตา ส่วนเนื้อในนั้นนอกจากสิทธิเสรีภาพแล้วต้องมีการรักชาติ และมีระเบียบวินัยด้วย (ตรงนี้แหละที่กระบวนการ ล้างสมอง จะเข้าไปแทนกระบวนการเลือกตั้งเสรีที่มีหาเสียง มีถกเถียง มีคัดค้าน)

พอล้างเสร็จ จากนั้นวันที่ ๒๑ มีนาคมก็เริ่มชุดงานใส่เครื่องปรุงให้ได้รสชาติของยี่ห้อ ไทยนิยมยั่งยืนใช้เวลา ๑๙ วันได้รสกลมกล่อมหน่อมแน้มดีแล้ว ๑๑-๓๐ เมษา จะเป็นช่วงที่ลงกระทะผัดให้สุกดิบพอดีกับ วิถีไทยพอเพียง

จนกระทั่ง ๑-๒๐ พฤษภาคม เป็นระยะที่แม่ครัวจะชิม หรือ ปรับความคิดเพื่อการมีส่วนร่วมแก้ไขรสชาติเป็นครั้งสุดท้ายก่อนนำไปตั้งโต๊ะให้สวาปามในการเลือกตั้งหาตัวนายกฯ คนนอกนั่นละ (เว้นแต่ว่าถ้ารสชาติสุดท้ายไม่ได้อย่างใจ อาจจะต้องโละทิ้งแล้วตั้งกระทะผัดใหม่)

(อ่านรายละเอียดซับซ้อนอย่างทางการได้ที่ https://www.prachachat.net/politics/news-117240)

คราวนี้มาดูสิว่าไอ้ นครอัจฉริยะ คืออะไร นี่ได้ลายแทงมาจาก อจ.กานดา นาคน้อย @kandainthai ที่คอมเม้นต์บทความของ https://www.blognone.com/node/99838 ซึ่งถ่ายทอดเนื้อหาข่าวจาก Nikkei Asian Review เรื่อง “ข้ามไทยไปแล้ว บริษัทญี่ปุ่นแห่ลงทุนในเวียดนาม เตรียมตั้งสมาร์ททาวน์ มีรถบัสไร้คนขับ

เธอว่า “ทุนตรงไทยไหลออก ทุนตรงจากนอกไม่ไหลเข้า”

เราได้รู้กันแล้วว่าโครงการรถไฟความเร็จสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่ไทยติดต่อกับญี่ปุ่นให้เป็นผู้ก่อสร้างโดยใช้เทคโนโลยี่แบบชินกันเซ็นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.บ่นว่าราคาสูงไป (ทั้งที่เมื่อเฉลี่ยราคาก่อสร้างต่อกิโลเมตรแล้วถูกกว่ารถไฟจีนความเร็วปานกลางสายโคราชเสียอีก)

ไทยเกี่ยงให้ญี่ปุ่นมาร่วมลงทุนช่วย แล้วยังขอลดความเร็วจากมาตรฐาน ๓๐๐ ก.ม./ช.ม. ให้เหลือเท่าขนาดปานกลางแบบจีน ที่ ๑๒๐-๑๘๐ ก.ม./ช.ม. แถมอีกด้วยว่าให้ตัดจำนวนสถานีกลางทางลงบ้างสักสามสี่แห่งเพื่อลดรายจ่าย

ทางญี่ปุ่นเลยบอกถ้างั้น “เอาที่คุณพอใจ” ละกัน ให้ไทยลงทุนเองทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะหากตัดทอนทั้งความเร็วและสถานีกลางทางก็ผิดวัตถุประสงค์ของชินกันเซ็น ที่เพื่อนำความเจริญก้าวหน้าไปสู่ภูมิภาคอย่างรวดเร็วให้ทันโลกาภิวัฒน์
มาวันนี้ข่าวนิคเคอิเปิดเผย (เมื่อ ๑๔ กุมภาพันธ์) ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นและบรรษัทยักษ์ๆ ของญี่ปุ่นมากกว่า ๒๐ รายตกลงร่วมมือกับรัฐบาลเวียตนาม ทำการก่อสร้างเมืองเทคโนโลยี่ครบวงจรขึ้นในเนื้อที่ ๓๑๐ เฮคตาร์ส ทางตอนเหนือของฮานอย

โครงการนี้มีมูลค่า ๔ ล้านล้านเยน หรือราว ๑,๒๐๐ ล้านล้านบาท จะเริ่มลงมือในเดือนตุลาคมนี้ กำหนดแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๖ เมื่อเสร็จแล้วจะสามารถเดินทางเชื่อมโยงกับใจกลางนครฮานอยได้ในเวลา ๑๕ นาฑี จากนั้นจะขยายเส้นทางคมนาคมเข้าไปถึงสนามบินนานาชาตินอยไบเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศด้วย

บรรดาบรรษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่เข้าร่วมลงทุนโครงการสร้าง นครอัจฉริยะ ของเวียตนามนี้นอกจากสุมิตโตโมและมิตซูบิชิแล้วยังมีเครือข่ายสถาปัตยกรรมนิคเก็นเซ็กเกอิ ผู้ผลิตเครื่องไฟฟ้าพานาโซนิค บริษัทอุปกรณ์มีเตอร์เคดีดี และผู้ชำนาญระบบปรับอากาศไดกิ้น

ข่าวบอกว่าจะมีการปรับอากาศเย็นสบายพ้นจากความร้อนอบอ้าวปกติทั่วทั้งเมืองใหม่อัจฉริยะนี้ มีระบบขนส่งมวลชนไร้คนขับและปราศจากมลพิษ กับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ครบถ้วนสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวัน

ท้ายที่สุดนอกเหนือจากเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยี่ก้าวหน้าแล้ว นครอัจฉริยะแห่งแรกของเวียตนามนี้จะมีสัญญลักษณ์ที่เป็นกลิ่นอายจากการลงทุนของญี่ปุ่นทิ้งไว้ให้ชื่นชมไปอีกยาวนาน ด้วยการปลูกต้นเชอรี่ ๓ พันต้นทั่วเมือง

แบบนี้ขอแนะนำ คสช. สะกิดสีข้างจีนหน่อยสิ ว่าที่ดินสองข้างทางรถไฟที่จะให้จีนใช้พัฒนาน่ะ ช่วยปลูกต้นหลิวและโคมจีนไว้ให้ชาวอีสานได้ตื่นตาหวานไหวกันบ้างนะ