อย่างที่สมาชิกทวิตเตอร์รายนี้ว่า
“จากนี้ไปอีกสองสามวันจะมีแต่ข่าวเผด็จการแสดงอาการคลุ้มคลั่ง น้อตหลุด เสียสติ”
เพราะ
“แม้วเตรียมบินพบนักธุรกิจที่สิงคโปร์วันนี้
ด้าน ส.ส.ยังทยอยบินพบที่ฮ่องกง” Ghost Writer █ @RITT41 อ้างถึงข่าวมติชนออนไลน์ว่า สองพี่น้องอดีตนายกฯ ทักษิณ และยิ่งลักษณ์
ชินวัตร จะอยู่สิงคโปร์เป็นเวลาราว ๑ อาทิตย์ เพื่อพบปะกับนักธุรกิจและครอบครัว
ขณะที่รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
จำต้องออกมาแถลงถึงเรื่องที่ไม่ได้เป็นข่าว แต่ดูเหมือนจะดังกว่าว่า “ภูมิธรรมปัดข่าวทักษิณเกลี่ยงานเฮียเพ้ง ยัน
หน.พรรคยังไม่ชัดเจน เพราะยังไม่ปลดล็อก”
อันมาจากข่าวลือที่ว่าทักษิณได้มอบหมายงานพรรคให้กับนายพงษ์ศักดิ์
รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.พลังงาน
เนื่องจากเวลานี้มีความขัดแย้งระหว่างตัวเก็งหัวหน้าพรรค คุณหญิงสุดารัตน์
เกยุราพันธ์ กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.แรงงาน (https://www.matichon.co.th/news/847054)
ทว่าเนื้อหาที่เหน็บหนักมาจากสปริงนิวส์
ที่เอาคำพูดของนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์
สมาชิกพรรคเพื่อไทยที่เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ เรื่องที่มีสมาชิก พท.
สิบคนเดินทางไปฮ่องกงเพื่อพบกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
แม้นว่าใจความสำคัญในข่าวมีแค่
“ทักษิณขอให้ลูกพรรคทุกคนลงพื้นที่พบประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนเอง
เพื่อผนึกฐานเสียงให้แข็งแกร่ง เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง” เท่านั้น
“ไม่ให้เรียก #สลิ่ม จะให้เรียกอะไร? พวก ‘แพ้แล้วพาล’ ‘ขี้ข้าประชาธิปัตย์’ พวก ‘เกลียดผีทักษิณ’ พวก
‘หลงตัวเอง’ พวก ‘กษัตริย์นิยมล้นเกิน’
‘ปลวก’ ‘แมงสาป’ ‘sore losers’ ‘พวกแพ้เลือกตั้งตลอดกาล’ ‘โง่แล้วอวดฉลาด’’’ (ขาดไปอย่าง ‘กบในกะลา’ ที่
“ไป่เห็นชะเลไกลกลางสมุทร ชมว่าน้ำบ่อน้อยมากล้ำลึกเหลือ”)
จะต้องพากันดีดดิ้นว่าทำไม
คสช.ไม่จับเอาตัวทั้ง นช. และ นศ. (หนีศาล) กลับมาลงโทษล่ะ
อย่างนี้รู้กันหรือเปล่า บลา บลา จนทำให้ทั่น ผบ.ทบ. ต้องชี้แจงแถลงย้ำซ้ำซาก
“บางครั้งมันเกินกรอบ
และขีดความสามารถ การรับผิดชอบ” ถึงจะใกล้แค่นี้ก็ตาม แม้ตนจะต้องเดินทางไปสิงคโปร์
“เพื่อรับเหรียญอิสริยาภรณ์เชิดชูเกียรติด้านการทหาร
เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อดีตนายกทักษิณอยู่ที่ประเทศดังกล่าวด้วย”
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท
ย้อนตอบผู้สื่อข่าวว่า “ประเทศสิงคโปร์กว้างใหญ่คงไม่เจอกันหรอก
ต่างคนต่างมีวิถีทางเป็นของตนเอง เราก็ไปทำงานของเรา
เขาจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็ว่าไปตามกระบวนการ”
ฟังไว้ซะ “ตามกระบวนการประชาธิปไตย”
ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง พวกซ่าหริ่มที่ต้องการให้ทักษิณวางมือจากการเมืองอย่างสิ้นเชิง
ไม่อยากให้เขามาจุ้นจ้านกับการเลือกตั้งอีก
เพื่อที่พวกตนจะมีโอกาศชนะเลือกตั้งได้บ้าง
ทางที่ดีควรจะไปอ่านที่รังสิมันต์
โรมให้สัมภาษณ์ไว้กับ ‘คมชัดลึก’ เพิ่งจะตีพิมพืวันนี้เองกันบ้าง จากที่มีการตั้งแง่สงสัยถึง ‘ท่อน้ำเลี้ยง’
ของพวกเขาที่ออกมารณรงค์เรื่องเลือกตั้งในปีนี้ ไม่ยอมให้เลื่อน
“คสช.ประกาศว่าจะตรวจสอบพวกผมมาเกือบสี่ปีแล้ว
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยเจอ ถ้าเจอพวกเขาไม่ปล่อยพวกผมเอาไว้แน่ๆ
ผมมองว่าข้อกล่าวหาแบบนี้เป็นเรื่องของการดิสเครดิตมากกว่า
ในทางกลับกันถ้าเปรียบเทียบพวกผมกับ คสช.
เราจะพบว่าตลอดเกือบๆ ๔ ปีที่ผ่านมา ฐานะทางการเงินของผมไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
ยังเป็นนายรังสิมันต์ โรมคนเดิมที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อต้านรัฐประหาร ขณะที่ คสช. กลับรวยมากขึ้นๆ
ดังนั้นผมขอถามกลับว่าใครกันแน่ที่มีท่อน้ำเลี้ยง”
แสบไหมล่ะ และเกี่ยวกับทำมาหากินอะไร
รังสิมันต์บอกว่า “ตอนนี้ผมเรียนปริญญาโทอยู่ ที่บ้านยังสนับสนุนให้ผมเรียนต่อ
รายได้หลักของผมมาจากทางบ้าน และผมก็มีรายได้อีกส่วนจากการเป็นผู้ช่วยอาจารย์”
นอกจากนั้นรังสิมันต์ยังยอมรับด้วยว่า ‘ทางบ้าน’ ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงอยู่เดี๋ยวนี้ “เขาไม่เอาเพื่อไทยแน่
แต่เขายังไม่เห็นตัวเลือกอื่น
ซึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าเรื่องการไม่มีตัวเลือกนี่ก็เป็นปัญหา เหมือนหนีเสือปะจรเข้
แต่ผมว่าแม้เราอาจจะได้คนที่ไม่เก่ง
แต่อย่างน้อยเขาก็จะไม่มาไล่จับประชาชน ไม่อนุญาตให้ประชาชนมีทางเลือก
ผมว่าถ้าระบบเปิด
เราอาจจะได้ทางเลือกที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็ได้”
ส่วนคนที่มีรายได้หลักจากการทำธุรกิจอุตสาหกรรม
จนได้ชื่อว่า ‘ไพร่หมื่นล้าน’ อย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการบริหารของไทยซัมมิตกรุ๊ป
ที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์พลังไฟฟ้าให้กับ ‘เทสลา’ ที่โด่งดังกระหึ่มโลกของอีลอน มัสค์ นั้นล่ะเห็นอะไร
“ปัญหาคือวันนี้มันไม่มีเวทีสำหรับทุกคน
คนที่คิดแบบเดียวกับ คสช. เท่านั้นที่มีพื้นที่ในการพูด คนที่คิดต่างอยู่ที่ไหนต้องไปรายงานตัวที่
สน. นั้นนี้ตลอดเวลา” เขาบอกด้วยว่า
“ระบอบ คสช.
จะอยู่กับเราตราบเท่าที่รัฐธรรมนูญฉบับ ๒๕๖๐ อยู่ การดำรงอยู่ของ คสช.
ไม่ได้แก้ปัญหา สิ่งที่เราเห็นความสงบสุข เป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้นเอง”
ฉะนั้น “ผู้รักในสิทธิเสรีภาพต้องยืนหยัดเพื่อสร้างค่านิยมประชาธิปไตย
คนหนุ่มสาวต้องมีพื้นที่ยืนทางการเมืองในเวทีเลือกตั้ง เพื่อเรียกร้องอนาคตที่สูญเสียไปจากความขัดแย้งในรอบ
๑๒ ปีที่ผ่านมา”