วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 12, 2561

"เรื่องกระพี้" ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ โผล่ปักกิ่ง เดือดร้อนไปหมดทั้ง คสช. และสลิ่ม


ทำเป็นฉุนเฉไฉ เมื่อยิ่งลักษณ์-ทักษิณไปโผล่ช้อปปิ้งตรุษจีนที่ปักกิ่ง ไม่รู้อะไร ขยับทีเป็นข่าวไปหมด เดือดร้อนคนทั้งประเทศ

ไฮ้ แน่ใจเหรอว่าที่เดือดร้อนน่ะไม่ใช่แค่ คสช. กับสลิ่ม เดือดร้อนแบบเนื้อเต้นยิบๆ แต่ถ้าคนทั้งประเทศเดือดร้อนละก็ เป็นเพราะจะสี่ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีจะกิน

ส่วนสองคนที่ขยับอยู่ต่างประเทศ “ทำให้ป่วนไปหมดในประเทศ” นั้นถูกต้องนิดเดียว เพราะป่วนแค่ในหมู่ คสช.และลิ่วล้อ อ้างทั้งประเทศนี่สำคัญตนผิดมากไปหน่อยมั้ง ยิ่งกำลัง ขาลง อยู่ด้วย

กรุงเทพโพลล์เขาอุตส่าห์ใช้ภาษาแบบบัวไม่ให้ช้ำเพียงว่า สองปีหลังไม่ดีเท่าสองปีแรก “พบมีค่าเฉลี่ยลดลงเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาทุจริต และการสร้างความโปร่งใสติดลบมากที่สุด”

แม้นว่ารัฐบาล คสช. ยังได้รับความเชื่อมั่นจากโพลของมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ๕๒.๒ เปอร์เซ็นต์ จำนวนผู้ออกเสียงที่ต้องการให้ คสช.ไปเสียที แล้วมีเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ คะแนนไม่ห่างกันมากนักที่ ๔๗.๘ เปอร์เซ็นต์

(ดูรายละเอียดที่ https://www.mgronline.com/politics/detail/9610000013779)

ที่บิ๊กตูบทำหน้าเหี้ย มตอนไปปาฐกถาวาระสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นั่นเป็นการเล่นบทแถไถแก้เก้อต่อกระแส ราคาตก ที่กำลังโดนโหมกระหน่ำ โดยเฉพาะจากทางฝั่งสลิ่ม ไหนจะเรื่องนาฬิกา ๒๕ เรือนไม่รู้จะทำอีท่าไหน ต้องด้านไว้ทู่ซี้ไปอย่างนี้

สำหรับความคืบหน้าในการตรวจสอบเรื่องนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร ขณะนี้ทางเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. เพิ่งจะรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมใหญ่รับทราบเพียงแค่ ๒ ครั้งเท่านั้น” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์

ไหนจะกรณีเศรษฐีอิตาเลี่ยนไทยล่าเสือดำถูกจับเจอของกลาง คาหนัง คากระโหลก แล้วยังปากแข็งว่าไม่รู้ ที่ตอนนี้โดนสลิ่มกดดันหนัก อยากให้ คสช. ฟันฉัวะ ต่อมน้ำดีจะได้แตกกระสันต์ซ่านซ่า แต่ว่าก็ยังมีลูบหน้าปะจมูกติดขวางอยู่

แล้วยังเรื่องพวกนักศึกษาและกลุ่มคนรุ่นใหม่โหมหนักเรียกร้องให้ได้เลือกตั้งในปีนี้ ที่ คสช.กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทีแรกกะจะฟันแหลก แต่ก็ชงักฉุกคิดได้ว่าถ้าลงไม้ลงมือละก็วุ่นใหญ่แน่ จึงต้องใช้ไม้นวมยอมให้ประกันและปล่อยตัวไปก่อน

ตัวหัวหน้า คสช.เองกลับหลงทาง ทำท่าจะไปไม่ถูกเหมือนกัน มีอย่างที่ไหน สั่ง พลงอ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. (ในฐานะเลขาธิการ คสช.) ให้จับตาความเคลื่อนไหวกลุ่มชุมนุมการเมืองในห้วงนี้อย่างใกล้ชิด แต่ก็

“ให้ดำเนินการอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเป็นกลุ่มนักศึกษา เกรงว่าจะเป็นเงื่อนไขทำให้สถานการณ์บานปลายออกไปก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง โดยแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวที่ คสช. จับตาอยู่ ประกอบด้วยนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน...”


อ้าว ก็ไผ่ ดาวดิน นี่ติดคุกขอนแก่นอยู่ไม่ใช่หรือ ทั้งคดีแชร์บทความบีบีซีไทยเรื่องพระราชประวัติรัชกาลที่ ๑๐ และคดีจัดประท้วงต่อต้านรัฐประหาร ที่ศาลถอนประกันแล้วไม่ยอมปล่อยตัวชั่วคราวอีกเลย ไม่ว่าจะยื่นขอเป็นสิบๆ ครั้ง

เช่นนั้นไผ่ย่อมถูกราชทัณฑ์จับตาทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้ว จะให้ ผบ.ทบ.ต้องไปคอยจับตาอีกคนทำไม นี่ถ้าเป็นนักศึกษารัฐประศาสนศาสตร์สอบตกไม่เป็นท่า ที่บริหารงานบุคคลไม่เอาไหน ใช้คนซ้ำซ้อนสิ้นเปลือง

ดังนั้นกรณีอดีตนายกฯ สองพี่น้องชินวัตรไปพร้อมกันที่ปักกิ่งมีภาพแพร่ให้เห็น ตามด้วยข่าวลือว่าอดีตนายกฯ พรรคพลังประชาชนอีกคนไปสมทบเพื่อวางแผนรับมือเลือกตั้ง จนทำให้นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทยต้องออกมาปฏิเสธ
ว่า “มีความคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริงอย่างยิ่ง” และ “สถานการณ์วันนี้ พรรคฯ ยังไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะตัดสินใจเรื่องการหาตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่”


อันที่จริง ถึงแม้จะมีการประชุมกันจริงดังที่ข่าวลือ ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรถ้าหากจะมีการเลือกตั้ง “อันบริสุทธิ์ยุติธรรม” เกิดขึ้นในไม่ช้า แม้สองอดีตนายกฯ จะต้องลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ พรรคเพื่อไทยก็ยังอยู่ มีทั้งเจ้าหน้าที่ สมาชิกผู้สนับสนุนและฐานเสียงอย่างมากมาย

ชนิดโพลอีสานยังบอกว่าเลือกตั้งเมื่อไหร่เพื่อไทยมาอีก พรรคทหารเทียบไม่ติดฝุ่นใต้เกือก แล้วจะจำกัดจำเขี่ยไม่ให้เขาขยับกันบ้าง มันไม่เป็นการกีดกันเกินไปหน่อยหรือ ถึงตัวเองไม่ลงเลือกตั้ง แต่ก็หวังพรรคการเมืองลิ่วล้อเสนอให้เป็นนายกฯ คนนอก ชายชาติทหารจะเล่นการเมืองทั้งทีคิดจะเอาเปรียบเขาไปทุกทางเชียวเรอะ
ว่าไปแล้วครั้งนี้ที่ลุงตุ่นต้องเล่นบทยักษ์มารอีกหนน่าจะเป็นเพราะหน้าแตกเสียละมากกว่า อย่างที่อรรถชัย อนันตเมฆ ณ อียู เขาเขียนเรื่อง ปูเข้าจีนได้อย่างไร’ (นั่งเรือบินไปไงเธอว์)

“ในเมื่อปูมีหมายจับ...คำตอบประมวลรวมๆ คือ จีนไม่ให้ความสำคัญ...กับคำพิพากษา และไม่ให้ความสำคัญกับ คสช....มันตบหน้า คสช.ฉาดใหญ่” นั่นเอง

นี่แหละเรื่อง กระพี้ๆ ที่พล"อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ไม่มีความเห็น...ไม่สนใจหรอก”