วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 11, 2561

๑๐ กุมภา 'งานไม่เข้า' แต่อุบาทว์ชาติชั่วที่ 'นั่งร้าน' และ 'ขนหน้าแข้ง' คสช.

ลงเอยวันที่ ๑๐ กุมภา งานไม่เข้า คสช. ไม่เอา ไม่เล่น สุดท้ายปล่อยหมด รวมทั้งรังสิมันต์ โรม ที่ถูกลากไปตั้งแต่กลางดึกถึงเช้าแล้วให้ประกันที่ขอนแก่น ข้อหาไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือเมื่อปี ๔๙ โน่นน่ะ

เสร็จแล้วก็ติดคดีไว้คนละสองสามกระทง วันหน้าอยากจับพวกเขาเหล่านี้ –คนรุ่นใหม่ที่กำลังเป็นความหวังของอนาคตประชาธิปไตยชาติไทย- แม้แค่นั่งดื่มกาแฟก็จับได้ ส่วนจะให้ประกันหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์

คราวนี้เขายอมผ่อนไปก่อนเพราะ ๓๔ คน ในกลุ่มมาบุญครอง ๓๙ (เขาห้ามเรียก MBK ของสงวนอะ) เดินเข้าหา รายงานตัวรับรู้คำฟ้อง โดย ๕ คนเอ้ๆ ที่โดนสามเด้งมี โบว์ บก. วีระ เนเน่ และสุกฤษฎ์ เจอเซอร์ไพร้ส์
 
ศาลอาญากรุงเทพใต้พิเคราะห์แล้ว “มีคำสั่งยกคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวน ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง ๕ คน” เพราะ “ที่พนักงานสอบสวนอ้างว่าจะไปร่วมชุมนุมแล้วก่ออันตรายประการอื่นนั้น ยังเป็นการคาดเดาของพนักงานสอบสวนเองเท่านั้น”

แต่ลึกๆ ไม่รู้เป็นเพราะข้ออ้างค้านฝากขังของทนายหรือเปล่าว่า “สถานการณ์ขณะนี้ที่มีคณะรัฐประหารเป็นผู้ปกครองประเทศ ไม่มีระบบตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจตามระบอบประชาธิปไตย

คงมีเพียงศาลยุติธรรมเท่านั้นที่พึงคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ขององค์กรตุลาการในรัฐสมัยใหม่” ถ้าเป็นได้อย่างนั้น บ้านเมืองอาจจะยังพอมีหวัง ไม่ถึงกับ hopeless เสียทีเดียว

ส่วนอีก ๕ คนที่บทบาทเด่น คาดว่าถูกหมายหัว เอาแน่ โดยเฉพาะบางคนที่ไม่ได้ไปรายงานตัวและประกาศจะไปร่วมไล่ คสช. หยุดยื้ออำนาจ หยุดยื้อเลือกตั้งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันที่ ๑๐ อันมีรังสิมันต์ อานนท์ จ่านิว และเอกชัย (โดยนพเก้าไปรายงานตัวก่อนแล้ว) ต่างก็ไปปรากฏตัวขึ้นอภิปรายกันตามสัตย์

บรรยากาศที่ถนนราชดำเนินเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งที่ตำรวจยกกำลังกว่า ๓๐๐ นายไปตั้งรับพร้อมทั้งตั้งรั้วเหล็กกีดกั้นทั้งบริเวณอนุสาวรีย์และทางเท้า คนจะเข้าบริเวณต้องถูกตรวจบัตรประจำตัวและซักถามยังกะสอบปากคำ

การชุมนุมและอภิปรายดำเนินไปอย่างหึกเหิมจนกระทั่งค่ำ ผู้ที่ยังไม่ได้รายงานตัวสามคนคือรังสิมันต์ โรม สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ และอานนท์ นำภา ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณอนุสาวรีย์ฯ นั่นเอง จึงถูกนำตัวไป สน.ปทุมวัน ได้พบกับเอกชัย หงส์กังวาน ที่ถูกควบคุมตัวไว้แต่เช้า

เกือบตีสอง เอกชัย อานนท์ และจ่านิวได้ประกันและปล่อยตัวด้วยหลักทรัพย์คนละแสน แต่รังสิมันต์ถูกพาขึ้นรถตู้ไปยังจังหวัดขอนแก่น “ตามหมายจับ คดี #พูดเพื่อเสรีภาพ จากการจัดเวทีเรื่อง #ร่างรัฐธรรมนูญ ดูคดีนี้ย้อนหลังเพื่อทบทวนความจำกันที่
ตำรวจพาตัวรังสิมันต์ไปถึงขอนแก่นเมื่อเวลาเจ็ดโมงเช้า อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาถูกนำตัวออกจากห้องขังไปให้ผู้กำกับการ สภ.ขอนแก่นสอบปากคำ และท้ายสุดเขาได้รับการประกันปล่อยตัวในวงเงิน ๑ หมื่นบาทแล้ววันนี้ (๑๑ ก.พ.)

จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ เป้นที่น่าสังเกตุว่าคราวนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและศาล ผ่อนผันเพลามือลงไปกว่าที่คาด แต่ที่ยังอุบาทว์ชาติชั่วไม่สร่าง เห้นจะเป็นพ่อหามแม่ยกของ คสช. ที่ออกมาเชิดผิดบทกัน

อุบาทว์แรก (ตามคำของ Atukkit Sawangsuk) ก็คือ MBK ที่ออกแถลงการณ์ ขอให้ผู้ชุมนุมคำนึงถึงส่วนร่วมและผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก รวมถึงงดเว้นการใช้ชื่อเอ็มบีเคในการเคลื่อนไหวทางการเมือง

อย่างที่อธึกกิตว่า “เขาถูกจับตรงนั้น ก็เลยตั้งฉายา MBK39 ซึ่งควายที่ไหนก็รู้ว่าห้างมาบุญครองไม่ได้เกี่ยวข้องไม่ได้สนับสนุนไม่ได้ต่อต้านอะไรเลย 

แต่ตอนนี้กลายเป็นฝ่ายต่อต้านการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยไปแล้ว...เออ ตอนม้อบนกหวีดปิดเมือง แม่-ออกคำแถลงอย่างนี้หรือเปล่าวะ”

อีกราย ผู้ประกอบการวิสาหกิจย่านราชประสงค์ตอนปี ๕๓ ก็หนหนึ่งแล้วที่สบัดสบิ้งมากเมื่อเสื้อแดงชุมนุมกันแถวนั้น แต่ปีนี้พวกคนรุ่นใหม่ชุมนุมกันที่สกายว้อคปทุมวัน ถึงจะไม่ไกลกับราชประสงค์ แต่ไม่ใกล้แน่นอน

คราวนี้ราชประสงค์มีแถลงการณ์ “ให้กลุ่มผู้จัดการชุมนุมที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ ได้คำนึงถึงส่วนรวมและผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก อย่าปลุกระดมสร้างความวุ่นวายจนเป้นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ”

ก็ต้องฟังจากอธึกกิตอีกหน สำนวนฝรั่งเขาว่า "You took the words out of my mouth" อะ "เค้านัดไปชุมนุมบนหัวพ่อมึงเหรอวะ เค้านัดชุมนุมปิดถนนปิดเมืองให้พวกมึงเดือดร้อนเหรอ ไม่ใช่สักนิด ไม่เกี่ยวอะไรกับราชประสงค์

ไม่ใช่ความเดือดร้อนเฉพาะตัว เป็นการบอกว่าชุมนุมที่ไหนก็ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย ให้อยู่เฉยๆ ทำตามคำสั่งรัฐบาลทหาร ใครจะถูกกดขี่ละเมิดสิทธิเสรีภาพอย่างไรก็ช่าง อย่าออกมาโวยวาย พวกกูจะทำมาค้าขาย

ม็อบปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้งทำประเทศพัง เศรษฐกิจฉิบหาย รัฐประหาร ๔ ปีปากท้องชาวบ้านมีแต่แย่ลงๆ แต่กลับบอกให้ยอมจำนนอยู่เฉยๆ” ใช่เลยปิดกรุงเทพฯ ปิดสนามบิน ราชประสงค์เสบย
พออุบาทว์แล้วก็มีชาติชั่ว ประเด็น ช.ช.นี่ต้องยกให้สื่อขนหน้าแข้ง คสช. แบบ แนวหน้า พาดหัวไม้ “ปลุกเพื่อนร่วมนรก จับตาม้อบรังสิมันต์ล้ม คสช.” ไว้รอดูตอนขนหน้าแข้งร่วงก็แล้วกัน
 
ไหนๆ ก็เลยมาทางนี้ แวะร้านสลิ่มเสียหน่อย จะเห็นว่าช่วงนี้สลิ่มดีด๊า ด่าอิตาเลี่ยนไทยกันเอ็นจอยปาก อย่างที่ อจ.ปวิน (ชัชวาลพงศ์พันธ์) และ สุชาติ สวัสดิศรี มีข้อสังเกตุ ว่ายิงหัวเสือดำ ทำจะเป็นจะตาย ทีตอนทหารยิงหัวประชาชน แมร่งสะใจกัน

ขนาดเห็นโพสต์บางสลิ่ม (อยู่ถัดจากบางเสล่อ) แซะว่าณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สะเออะโหนกระแสเสือดำกับเขาด้วย
โธ่เอ๋ย พวกนี้รุมอัดเปรมชัยกันใหญ่เพราะมีการกระจาย ไลน์เรื่องว่าญาติผู้ใหญ่ของพรานที่ไปกับเปรมชัย กรรณสูต คนหนึ่งมีรูปเคยเดินตามทักษิณ ยิ่งตอนนี้มีรูปยิ่งลักษณ์กับทักษิณเดินช้อปปิ้งเลือกเกาลัดฉลองตรุษจีนกันที่ปักกิ่ง สังคมสลิ่มมิสั่นสะเทือนเป็นแผ่นดินไหวไปแล้วมั้ง

นี่ละ ว่าจะใจอ่อนกับตำรวจและตุลาการเสียหน่อย เห็นท่าสลิ่มกับพวกนั่งร้าน คสช. แล้ว อย่าดีกว่า หลงไปลูบหัวเดี๋ยวจะโดนฟาดหาง