วันพฤหัสบดี, มีนาคม 02, 2560

ดีเอสไอชุดรัฐบาลประยุทธ์นี่ตอแหลไม่แพ้พวก คสช.





ดีเอสไอชุดรัฐบาลประยุทธ์นี่ตอแหลไม่แพ้พวก คสช. โกหกกันคำโตๆ ทั้งนั้น ตั้งแต่อธิบดีลงไปยันระดับ ผอ. (ผบ.)

กรณีสาวใหญ่ศิษย์ธรรมกายจากพะเยา เสียชีวิตสังเวยการใช้อำนาจมาตรา ๔๔ ปิดล้อมวัดธรรมกาย ตรวจละเอียดยิบคนเข้าคนออกแม้กระทั่งหน่วยกู้ภัยและพยาบาล ใช้เวลานานกว่าชั่วโมงขออนุญาตผ่านด่านดีเอสไอหลายจุด กว่าจะไปถึงตัวผู้ป่วยก็หมดลมเสียแล้ว

(http://www.thairath.co.th/content/871166)

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อ้างว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้รับการประสานเพื่อขอนำรถพยาบาลเข้าไปช่วย น.ส.พัฒนา เชียงแรง อายุ ๔๘ ปี ผู้ป่วยโรคหอบหืดซึ่งพักอยู่หลังวัดธรรมกาย บริเวณ ๕๘ ไร่ เมื่อเวลาบ่ายโมง ๕๑ นาฑี

แต่พยาบาลผู้ประสานหน่วยกู้ชีพรัตนเวช และกู้ภัย ๑๖๖๙ เข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วย ชี้แจงว่าได้รับการติดต่อจาก น.ส.พัฒนา ทางไลน์เมื่อเวลา ๑๑.๒๙ น. กว่าจะผ่านขั้นตอนตรวจและด่านต่างๆ ไปถึงที่พักผู้ตายก็ปาเข้าไปเที่ยงครึ่งถึงเที่ยง ๔๐ นาฑีแล้ว

ดีเอสไอไปถึงเมื่อบ่ายสองคงใช่ ปอเต็กตึ๊งไปจัดการศพเมื่อบ่ายสองครึ่ง (ตามภาพข่าวไทยรัฐ) ตอนนั้นผู้ตายคงจะสิ้นลมไปแล้วสัก ๒ ถึง ๓ ชั่วโมงเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ตายไปแล้ว ๕ ชั่วโมงอย่างที่ดีเอสไออ้าง

(http://www.springnews.co.th/th/2017/03/28153/)





พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดันออกมายืนยันเสียอีกว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอใช้เวลาเพียง ๑๐ นาฑีไปถึงจุดเกิดเหตุ พบว่าผู้ตายเสียชีวิตไปแล้ว ๕ ชั่วโมง (หมายความว่าต้องขาดใจเมื่อเวลาราว ๙ โมงเช้า)

ดีเอสไอระดับ ผอ. คนนี้ชี้ว่า ดังนั้นต้องตรวจสอบต่อไปว่าเหตุใดผู้ตายจึงติดต่อขอความช่วยเหลือทางไลน์เมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น.ได้





ข้อนี้ตอบได้ง่ายนิดเดียวว่า หมอที่บอกดีเอสไอว่าตายไปแล้ว ๕ ชั่วโมงนั้น ชันสูตรผิด เพราะพยายาม (ที่ชื่อหมวย) เธอมีหลักฐานข้อความติดต่อจากผู้ตายเมื่อเวลา ๑๑ โมงครึ่ง อยู่บนโทรศัพท์ชัดแจ้ง

ดูวิดีโอ ‘คนวัดจัดเต็ม’ กันได้ ให้จะจะแจ้งแจ้ง “ฟังจากปาก พยานตัวจริง! กรณีคนไข้หอบเสียชีวิตนำยามาไม่ทัน! เพราะติดด่านทหาร” https://www.facebook.com/DhammakayaInside/videos/666933876841991/

มีคนทำ ‘timeline’ ไว้ให้เห็นชัดยิ่งขึ้น (ขอบคุณ ‘นา พงษ์สวัสดิ์’)

“11.29 ผู้เสียชีวิต ไลน์ขอความช่วยเหลือ จากรัตนเวชที่ อาคารบุญรักษา
11.35-11.50 รัตนเวชออกมา ขอความช่วยเหลือ ที่ด่าน ทหาร ให้พาหน่วยฉุกเฉินไปที่พัก 58 ไร่ แต่เจ้าหน้าที่ให้รอ ขอถาม DSI ก่อน เพราะไม่มีอำนาจ
11.56 พยายามโทรติดต่อ 1669 ติดบ้างไม่ติดบ้าง เพราะสัญญาณไม่ดีระหว่างนี้ DSI ก็มาถึง พร้อมถามข้อมูล อีกประมาณ 10 นาที และให้ไปที่ ประตู 7
12.03 ขณะนั่งรถ เพื่อนผู้เสียชีวิตพยายามไลน์ไปในไลน์กลุ่ม 1669 กู้ภัยเพื่อขอความช่วยเหลือด่วน ใช้เวลาขับอ้อมหลังวัด มาที่ประตู 7 อีก 4 กิโล และต้องมารออีกประมาณ 15 นาที
12.15 นั่งรถ 1669 ไปเส้นทางคลองแอล ผ่านด่าน ประมาณ 5 ด่าน และมีรถตำรวจจอดขวาง 1 คัน
12.30-12.40 ถึงที่พัก แล้วพังประตู ผู้ตายเสียชีวิตแล้ว”

(https://www.facebook.com/DhammakayaInside/photos/a.528194617382585.1073741828.524947301040650/667151936820185/?type=3&theater)

ไม่เพียงโกหกพกลมเก่งเท่านั้น ดีเอสไอไทยยังถนัดข่มขู่ คุกคาม ก้าวร้าวด้วย

“รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ บอกว่าหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการบังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวดมากขึ้น

โดยหากพบการกระทำที่เป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าก็จะดำเนินการจับกุมทันที เช่นเดียวกับ นายอัยย์ เพชรทอง ศิษย์วัดพระธรรมกายที่มีรายชื่ออยู่ในหมายเรียกของ คสช. ว่าขัดขืนคำสั่งและถูกจับกุมเมื่อวานนี้ (1มี.ค.)

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วว่า จะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย จากการที่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อรายวันด้วย”
(http://www.nationtv.tv/main/content/social/378536809/)





การนี้ มีกล่าวขานกันทางโซเชียลว่า “DSI สั่งฝ่ายกฎหมายรวบรวมหลักฐานจ่อแจ้งความพระสนิทวงศ์ ผิดตามม.116 ฐานยุยงปลุกปั่น-พรบ.คอมฯ...” (@Teachawat)

ซึ่งพระสนิทวงศ์ชี้แจงว่า “ข้อตกลงของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา ม.44 ไม่ได้ห้ามให้ตัวเองให้ข่าว ระบุไม่มีเจตนาปลุกระดม” (Nichaphat_PPTV36)

น่าติดตามอย่างยิ่งว่า ดีเอสไอและ คสช. จะโกหกต่อไปได้อีกสักกี่น้ำ ทั่วโลกรับรู้รับทราบกับเหตุการณ์ที่เกิดแก่สำนักพุทธขนาดใหญ่ของไทยแห่งนี้ แม้กระทั่งลงในรายละเอียดถี่ยิบ

เรื่องราวเกี่ยวกับ น.ส.พัฒนา “ศพที่สอง สังเวย ม.๔๔” ได้รับการแปลแพร่หลายออกไปหลายภาษา นอกจากอังกฤษแล้วยังมีภาษาเยอรมันและสเปนด้วย

ใครมีเพื่อนต่างชาติ ต้องการแชร์ให้อ่านกันถ้วนทั่ว ไปเปิดดูได้ที่นี่ http://www.winnews.tv/news/13660