เสร็จสรรพเข็นเรือแป๊ะไปเกยโคก แหม่แม๊ะ กัปตันชักจะของขึ้น
บริภาษณ์เกือบเป็นซีรี่ส์ อัดดะ นาย+ก และนา (ง) ยก ‘ในดวงใจ’ ของใครๆ หลายคน
บิ๊กตู่ซัดว่า ใช้มาตรา ๔๔ ถอดยศ “เพราะเขาบอกว่าไม่ต้องการ เขาบอกว่าอยากถอดไปได้ก็ถอดไปใช่ไหม...
ตนไม่ได้สูงกว่า เพียงแต่อย่าเอาสิ่งที่ไร้ค่าของเขามาพูดกับตน ตนไม่ฟัง”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1441706611)
ยังมีอีกเป็นชุด หันไปแซะน้องสาว “คนเป็นนายกฯ ไม่ใช่ว่ามีคนเขียนโพยมาให้อ่านแล้วก็จบ แถมยังอ่านผิดอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นลูกน้องตนก็เป็นได้”
(http://hilight.kapook.com/view/126186)
จ้วงจวกเลยไปถึงเรื่องจำนำข้าวและรถคันแรก
“ส่วนการจัดการข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเป็นเรื่องที่หนักที่สุด เพราะถ้าไม่หยุดตั้งแต่วันนี้ต้องเสียหายอีกมาก...
เช่นเดียวกับโครงการรถคันแรก ที่มีการบิดเบือนโครงสร้างราคา และทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณ ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท จนทำธุรกิจเสียหาย”
(http://hilight.kapook.com/view/126177)
ทั้งหลายทั้งมวลมีส่วนมาจากการเจาะต่อมปรี๊ดแตกโดยสามสี่คลิปของอดีตนายกฯ คนพี่ แสดงความเห็นต่อกรณีที่ถูกถอดยศตำรวจว่า
“คนที่จะโกรธแทนผม อย่าไปโกรธ ช่างเถอะครับ เป็นเรื่องขำ เหมือนเด็กอ่ะ ผมมองพวกนี้เป็นเด็ก ตำแหน่งใหญ่แต่พฤติกรรมเหมือนเด็ก เรื่องอะไรก็ไม่รู้ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องใหญ่ๆ ไม่ทำ เรื่องสำคัญของบ้านเมือง เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนไม่ทำ ทำแต่เรื่องเล็กๆ และก็เอาเรื่องเล็กๆ มาเป็นผลงาน...
ความรับผิดชอบของคนเป็นผู้นำต้องเอาบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ตอนปฏิวัติตอนแรกบอกจะปรองดอง ตอนนี้เป็นการล้างเผ่าพันธุ์ซะแล้ว ล้างไม่หมดหรอก...
อย่างตนเป็นคนพูดรู้เรื่อง ทำไมไม่พูด เหยียบมันทีละทีสองที เหยียบแม่โป้งที เหยียบขาที ดูมันจะร้องไหม ตนก็ไม่ร้องแต่ขำ อยากเหยียบอีกเหยียบมาเลย...
เราอยู่ต่างแดนสามารถทำนายชีวิตตัวเองได้เพราะกติกาเขาชัดเจน กฎหมายเป็นกฎหมายระเบียบเป็นระเบียบ เขาไม่มองว่าสีอะไร เขาด่าเราแทบเป็นแทบตายชอบแล้ว แต่พวกเราหมิ่นนิดเดียวเอาเข้าคุกไม่รอลงอาญา มันไม่ปรองดองสักระบบแล้วเมื่อไหร่จะจบ”
(เนื้อความที่คัดมานี่ต้อง ‘ขอบอกขอบใจ’ ไทยโพสต์เป็นกรณีวิเศษ คงไม่มีสื่อไหนเก็บถ้อยคำแสบๆ ของทักษิณได้ละเอียดกว่านี้อีกแล้ว)
ปิดท้ายทั่นผู้ณรรมหันมาเล่นอดีตนายกฯ คนพี่จังๆ อีกหน “ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำผิดกฎหมายหลายคดี ทำเรื่องเสียหายหลายประการ
และเป็นคนหลงตัวเอง ไม่เคยหักห้ามกลุ่มคนเสื้อแดงที่คอยสนับสนุน ให้ยุติการจาบจ้วงเบื้องสูง”
(http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=644642)
อ่า นี่กลับมาสูตรเก่าอีกละซี โหนเบื้องสูงในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านอย่างนี้ มีหลายคนอ่านไต๋ออก
Thanapol Eawsakul : “ในทางจิตวิทยาผมคิดว่าการใช้ ม. ๔๔ ในการถอดยศทักษิณของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นมีผลต่อคำพูดคำจา ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรัฐประหารไม่มากก็น้อย
ก่อนหน้านั้นแม้จะเคยใช้หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยใช้ในลักษณะเช่นนี้ ครั้งนี้แหละที่ใกล้เคียงการเป็น ‘รัฐฐาธิปัตย์’ มากที่สุด
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ประยุทธ์หลีกเลี่ยงที่จะวิจารณ์ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะ ‘นายเก่า’ มาตลอด ๑๖ เดือน
แต่หลังจากนั้น กลับมี ‘ออร่า’ ขึ้นมา”
ทางด้าน สศจ. ลงลึกรายละเอียดวิเคราะห์ “เป็นส่วนหนึงของการเล่นงานทักษิณ-ยิ่งลักษณ์หนัก คือประเภทที่สำนวนฝรั่งเรียกว่า gloves off (ถอดนวมชก) โดยมีเรืองการใช้ ม.๔๔ ถอดยศ ชนิด ‘ตัดหน้า’ การวินิจฉัยของในหลวง...
ที่น่าสนใจคือ ไม่กี่เดือนก่อน ประยุทธ์พูดแบบ ‘ปริศนา’ (คำของ ‘ผู้จัดการ’) โจมตีทักษิณกรณีสถาบันกษัตริย์ แต่ไม่เอ่ยชื่อ (ดูข่าวนี้http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx…)
...ประเทศไทยมีอยู่สองอย่างที่พวกเขาต้องการยึดแต่ยังยึดอำนาจไม่ได้ คือ ทหาร และสถาบันฯ ถ้าเขาทำลายสองอย่างนี้ได้ ประเทศไทยถูกยึดแน่นอน
แต่คราวนี้ระบุตรงๆ เลยว่าทักษิณหนุนการหมิ่นสถาบันฯ...
อาการ ‘ถอดนวมชก’ กับทักษิณในช่วงใกล้ๆ นี้ จะเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพในหลวงนี้หรือไม่? คือเห็นได้ชัดว่า น่าจะมีพระพลานามัยที่ไม่มั่่นคง (unstable) มากกว่าที่ผ่านๆ มา (ป่วยติดกันยาว ๓ เดือน พอเหมือนจะรักษาให้ใกล้ปกติ ออกมาพบ ครม.ได้ ลงมาข้างล่างได้ แต่เพียงไม่กี่วันก็ทรุดอีก)”
Somsak Jeamteerasakul ได้สรุปรวมรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการไว้อย่างน่าที่จะนำมาเผยแพร่ในที่นี้ เพื่อที่พสกนิกรจะได้ประมวลความจริงอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ต่อสถานะแห่งองค์พระประมุขของชาติ
“หลังจากที่ทรงไม่ปรากฏพระองค์ต่อสาธารณะยาวติดต่อกันเป็นสถิติ ราว ๓ เดือน วันที่ ๑๐ สิงหาคม ก็มีแถลงการณ์ออกมาว่า ช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ระดับน้ำในสมองของพระองค์สูงผิดปกติ แต่หลังจากแพทย์ได้รักษาแล้ว ก็ ‘ลดลงใกล้เคียงกับปริมาณเดิม’
หลังจากนั้น วันที่ ๒๓ สิงหาคม ก็มีภาพพระองค์ปรากฏให้เห็นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือน เมื่อทรงให้ประยุทธ์นำ รมต. ใหม่สาบานตัว (http://www.dailynews.co.th/royalnews/343554)
และเพียงสัปดาห์ต่อมา ในหลวงก็ปรากฏพระองค์อีก คราวนี้เสด็จลงมาจากชั้น ๑๖ เพื่อทอดพระเนตรเจ้าพระยา เมื่อวันที่ ๑ กันยายน (http://www.dailynews.co.th/royalnews/345419)
แต่ปรากฏว่า ตามแถลงการณ์ที่เพิ่งออกเมื่อไม่กีวันนี้ หลังจากการเสด็จลงมาทอดพระเนตรเจ้าพระยาดังกล่าวเพียงสองวัน ก็มีอาการประชวรเป็นไข้สูง แพทย์ต้องใช้เวลารักษา ๔ วัน (๓ ถึง ๗ กันยา) ไข้จึง ‘ลดลงเกือบเป็นปกติ’
เมื่อวานนี้ ได้เริ่มจัดให้มีการลงนามถวายพระพรอีกเป็นครั้งแรก หลังการเสด็จมาศิริราชครั้งหลังสุดนี้ แต่ย้ายการลงนามมาที่พระบรมมหาราชวัง (http://www.dailynews.co.th/women/346949)”
คำ ‘รัฏฐาธิปัตย์’ ‘ออร่า’ และ ‘ถอดนวมชก’ ย่อมแสดงถึงสถานะแห่งความมั่นคง มั่นใจ เป็นมั่นเหมาะของผู้ถือครองอำนาจ
ประเทศไตแลนเดียมาถึงจุดนี้แล้วละหรือ
บริภาษณ์เกือบเป็นซีรี่ส์ อัดดะ นาย+ก และนา (ง) ยก ‘ในดวงใจ’ ของใครๆ หลายคน
บิ๊กตู่ซัดว่า ใช้มาตรา ๔๔ ถอดยศ “เพราะเขาบอกว่าไม่ต้องการ เขาบอกว่าอยากถอดไปได้ก็ถอดไปใช่ไหม...
ตนไม่ได้สูงกว่า เพียงแต่อย่าเอาสิ่งที่ไร้ค่าของเขามาพูดกับตน ตนไม่ฟัง”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1441706611)
ยังมีอีกเป็นชุด หันไปแซะน้องสาว “คนเป็นนายกฯ ไม่ใช่ว่ามีคนเขียนโพยมาให้อ่านแล้วก็จบ แถมยังอ่านผิดอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นลูกน้องตนก็เป็นได้”
(http://hilight.kapook.com/view/126186)
จ้วงจวกเลยไปถึงเรื่องจำนำข้าวและรถคันแรก
“ส่วนการจัดการข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเป็นเรื่องที่หนักที่สุด เพราะถ้าไม่หยุดตั้งแต่วันนี้ต้องเสียหายอีกมาก...
เช่นเดียวกับโครงการรถคันแรก ที่มีการบิดเบือนโครงสร้างราคา และทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณ ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท จนทำธุรกิจเสียหาย”
(http://hilight.kapook.com/view/126177)
ทั้งหลายทั้งมวลมีส่วนมาจากการเจาะต่อมปรี๊ดแตกโดยสามสี่คลิปของอดีตนายกฯ คนพี่ แสดงความเห็นต่อกรณีที่ถูกถอดยศตำรวจว่า
“คนที่จะโกรธแทนผม อย่าไปโกรธ ช่างเถอะครับ เป็นเรื่องขำ เหมือนเด็กอ่ะ ผมมองพวกนี้เป็นเด็ก ตำแหน่งใหญ่แต่พฤติกรรมเหมือนเด็ก เรื่องอะไรก็ไม่รู้ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องใหญ่ๆ ไม่ทำ เรื่องสำคัญของบ้านเมือง เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนไม่ทำ ทำแต่เรื่องเล็กๆ และก็เอาเรื่องเล็กๆ มาเป็นผลงาน...
ความรับผิดชอบของคนเป็นผู้นำต้องเอาบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ตอนปฏิวัติตอนแรกบอกจะปรองดอง ตอนนี้เป็นการล้างเผ่าพันธุ์ซะแล้ว ล้างไม่หมดหรอก...
อย่างตนเป็นคนพูดรู้เรื่อง ทำไมไม่พูด เหยียบมันทีละทีสองที เหยียบแม่โป้งที เหยียบขาที ดูมันจะร้องไหม ตนก็ไม่ร้องแต่ขำ อยากเหยียบอีกเหยียบมาเลย...
เราอยู่ต่างแดนสามารถทำนายชีวิตตัวเองได้เพราะกติกาเขาชัดเจน กฎหมายเป็นกฎหมายระเบียบเป็นระเบียบ เขาไม่มองว่าสีอะไร เขาด่าเราแทบเป็นแทบตายชอบแล้ว แต่พวกเราหมิ่นนิดเดียวเอาเข้าคุกไม่รอลงอาญา มันไม่ปรองดองสักระบบแล้วเมื่อไหร่จะจบ”
(เนื้อความที่คัดมานี่ต้อง ‘ขอบอกขอบใจ’ ไทยโพสต์เป็นกรณีวิเศษ คงไม่มีสื่อไหนเก็บถ้อยคำแสบๆ ของทักษิณได้ละเอียดกว่านี้อีกแล้ว)
ปิดท้ายทั่นผู้ณรรมหันมาเล่นอดีตนายกฯ คนพี่จังๆ อีกหน “ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำผิดกฎหมายหลายคดี ทำเรื่องเสียหายหลายประการ
และเป็นคนหลงตัวเอง ไม่เคยหักห้ามกลุ่มคนเสื้อแดงที่คอยสนับสนุน ให้ยุติการจาบจ้วงเบื้องสูง”
(http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=644642)
อ่า นี่กลับมาสูตรเก่าอีกละซี โหนเบื้องสูงในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านอย่างนี้ มีหลายคนอ่านไต๋ออก
Thanapol Eawsakul : “ในทางจิตวิทยาผมคิดว่าการใช้ ม. ๔๔ ในการถอดยศทักษิณของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นมีผลต่อคำพูดคำจา ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรัฐประหารไม่มากก็น้อย
ก่อนหน้านั้นแม้จะเคยใช้หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยใช้ในลักษณะเช่นนี้ ครั้งนี้แหละที่ใกล้เคียงการเป็น ‘รัฐฐาธิปัตย์’ มากที่สุด
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ประยุทธ์หลีกเลี่ยงที่จะวิจารณ์ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะ ‘นายเก่า’ มาตลอด ๑๖ เดือน
แต่หลังจากนั้น กลับมี ‘ออร่า’ ขึ้นมา”
ทางด้าน สศจ. ลงลึกรายละเอียดวิเคราะห์ “เป็นส่วนหนึงของการเล่นงานทักษิณ-ยิ่งลักษณ์หนัก คือประเภทที่สำนวนฝรั่งเรียกว่า gloves off (ถอดนวมชก) โดยมีเรืองการใช้ ม.๔๔ ถอดยศ ชนิด ‘ตัดหน้า’ การวินิจฉัยของในหลวง...
ที่น่าสนใจคือ ไม่กี่เดือนก่อน ประยุทธ์พูดแบบ ‘ปริศนา’ (คำของ ‘ผู้จัดการ’) โจมตีทักษิณกรณีสถาบันกษัตริย์ แต่ไม่เอ่ยชื่อ (ดูข่าวนี้http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx…)
...ประเทศไทยมีอยู่สองอย่างที่พวกเขาต้องการยึดแต่ยังยึดอำนาจไม่ได้ คือ ทหาร และสถาบันฯ ถ้าเขาทำลายสองอย่างนี้ได้ ประเทศไทยถูกยึดแน่นอน
แต่คราวนี้ระบุตรงๆ เลยว่าทักษิณหนุนการหมิ่นสถาบันฯ...
อาการ ‘ถอดนวมชก’ กับทักษิณในช่วงใกล้ๆ นี้ จะเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพในหลวงนี้หรือไม่? คือเห็นได้ชัดว่า น่าจะมีพระพลานามัยที่ไม่มั่่นคง (unstable) มากกว่าที่ผ่านๆ มา (ป่วยติดกันยาว ๓ เดือน พอเหมือนจะรักษาให้ใกล้ปกติ ออกมาพบ ครม.ได้ ลงมาข้างล่างได้ แต่เพียงไม่กี่วันก็ทรุดอีก)”
Somsak Jeamteerasakul ได้สรุปรวมรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการไว้อย่างน่าที่จะนำมาเผยแพร่ในที่นี้ เพื่อที่พสกนิกรจะได้ประมวลความจริงอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ต่อสถานะแห่งองค์พระประมุขของชาติ
“หลังจากที่ทรงไม่ปรากฏพระองค์ต่อสาธารณะยาวติดต่อกันเป็นสถิติ ราว ๓ เดือน วันที่ ๑๐ สิงหาคม ก็มีแถลงการณ์ออกมาว่า ช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ระดับน้ำในสมองของพระองค์สูงผิดปกติ แต่หลังจากแพทย์ได้รักษาแล้ว ก็ ‘ลดลงใกล้เคียงกับปริมาณเดิม’
หลังจากนั้น วันที่ ๒๓ สิงหาคม ก็มีภาพพระองค์ปรากฏให้เห็นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือน เมื่อทรงให้ประยุทธ์นำ รมต. ใหม่สาบานตัว (http://www.dailynews.co.th/royalnews/343554)
และเพียงสัปดาห์ต่อมา ในหลวงก็ปรากฏพระองค์อีก คราวนี้เสด็จลงมาจากชั้น ๑๖ เพื่อทอดพระเนตรเจ้าพระยา เมื่อวันที่ ๑ กันยายน (http://www.dailynews.co.th/royalnews/345419)
แต่ปรากฏว่า ตามแถลงการณ์ที่เพิ่งออกเมื่อไม่กีวันนี้ หลังจากการเสด็จลงมาทอดพระเนตรเจ้าพระยาดังกล่าวเพียงสองวัน ก็มีอาการประชวรเป็นไข้สูง แพทย์ต้องใช้เวลารักษา ๔ วัน (๓ ถึง ๗ กันยา) ไข้จึง ‘ลดลงเกือบเป็นปกติ’
เมื่อวานนี้ ได้เริ่มจัดให้มีการลงนามถวายพระพรอีกเป็นครั้งแรก หลังการเสด็จมาศิริราชครั้งหลังสุดนี้ แต่ย้ายการลงนามมาที่พระบรมมหาราชวัง (http://www.dailynews.co.th/women/346949)”
คำ ‘รัฏฐาธิปัตย์’ ‘ออร่า’ และ ‘ถอดนวมชก’ ย่อมแสดงถึงสถานะแห่งความมั่นคง มั่นใจ เป็นมั่นเหมาะของผู้ถือครองอำนาจ
ประเทศไตแลนเดียมาถึงจุดนี้แล้วละหรือ
