วันเสาร์, กันยายน 19, 2558
ไม่ทราบว่าทั่นผู้นำมา NY ครานี้ เคยได้ยิน Alien Tort Claim Act of 1789 บ้างหรือเปล่า?
โดย Doungchampa Spencer-Isenberg
เหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ ที่ท่านผู้นำจะเดินทางเข้ามาที่องค์การสหประชาชาติ
มีเพื่อนๆ หลายท่าน โพสต์ว่า ทำไม ท่านผู้นำ ถึงเดินทางเข้ามาใน US ได้ แต่ไม่มีการอธิบายอะไรให้ทราบกัน (แถมมีการ "หลอก" ว่า รัฐบาล US ไม่ได้กังวลใจอะไรเลย ไม่อย่างนั้น ท่านผู้นำ จะเดินทางเข้ามาที่ New York ได้อย่างไร)
ดิฉันเคยโพสต์ไว้ในคอมเม้นท์เล็กๆ ก่อนหน้า จึงขอนำมาอธิบายให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ดังต่อไปนี้:
1. ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ท่านผู้นำไม่ได้เดินทางมาที่ US โดยตรง เพราะการเข้า US ถือว่าเป็นเพียงแต่การผ่าน (Transit) เพื่อที่จะเข้าสู่จุดหมายปลายทางคือที่ UN เท่านั้นเอง
ทางคณะอาจจะ apply เรื่องเกี่ยวกับ Transit Visa ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็หมายความว่า เดินทางมา "เหยียบ" พื้นที่ของ US ได้อย่างถูกต้อง โดยทางฝ่าย US ให้ความยินยอมในฐานะการให้เดินทางผ่าน (Transit) เพื่อเข้ามาสู่พื้นที่ของ United Nations กันได้หมดทั้งกลุ่ม
และตอนขากลับ ก็ใช้ "transit visa" อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเดินทาง "ผ่าน" จากพื้นที่ของ UN ไปสู่สนามบิน New York กัน
2. พื้นที่ของ UN ไม่ใช่พื้นที่ของ US แต่เป็นพื้นที่ของมนุษย์ทุกๆ คน
3. ถ้ากล่าวถึงกำหนดการเดินทาง (Itinerary) จริงๆ ถือว่า จุดหมายปลายทางคือ สำนักงาน UN ซึ่งเทียบเท่ากับรัฐอิสระแห่งหนึ่ง
4. เมื่อท่านผู้นำลงจากสนามบินที่ New York City ก็อาจจะมีรถจากการทูต หรือจากสถานทูตไปรับ ซึ่งถือกันว่า ยังอยู่ใน "ความคุ้มครองทางการทูต"
5. ถ้าท่านผู้นำจะเดินทางต่อไปยังสถานทูต / สถานกงศุลไทย ก็สามารถทำได้ เพราะเป็นเรื่องของสิทธิทางการทูต ไม่มีใครเข้ามายุ่ง และไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายของ US แต่อย่างใด
ข้อสำคัญคือ ตนเองต้องขึ้นยานพาหนะทะเบียนสีฟ้า (Diplomatic vehicles) และก็ถือว่าเป็น Diplomatic convoy เข้าไปสู่บ้านทูตไทยได้ ถ้าท่านไม่ออกมาเพ่นพ่านตามร้านอาหารไทย ฯลฯ ทุกอย่างก็จะ OK ไม่อย่างนั้น ก็คงจะกลายเป็นฝันร้ายสำหรับ รปภ กัน...
--------------------------------------------
ถึงแม้สำนักงาน UN จะตั้งอยู่ใน New York City ก็ตาม แต่การปฎิบัติแล้ว เทียบเท่ากับเป็นรัฐอิสระแห่งหนึ่ง เหมือนกับ กรุงวาติกัน ซึ่งเป็นรัฐอิสระ แต่ต้องเดินทางผ่านเข้ากรุงโรม (อิตาลี) ก่อน หรือไม่ ก็เป็นแบบที่คนสัญชาติ American เดินทางไปเวียดนาม ต้องต่อเครื่องที่ เซี่ยงไฮ้ (ประเทศจีน) ดังนั้น ไม่ต้องมีวีซ่าเข้าจีน เนื่องจากเป็นแค่ Transit เพราะจุดหมายปลายทางไม่ใช่อยู่ที่ประเทศจีน แบบนี้เป็นต้น
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่สมัย กัดดาฟี่ และ อามูนิจาด (อิหร่าน) เมื่อตอนที่เดินทางมาที่ United Nations
และท่านผู้นำของเกาหลีเหนือก็สามารถใช้วิธีการนี้ได้เช่นเดียวกัน เพราะเป็นสิทธิทางการทูต เพียงแต่ท่านคิมปฎิเสธที่จะมา เมื่อครั้งที่ได้รับการรับเชิญเท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น ประเทศต่างๆ ถึงมีเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติกัน แม้แต่ ของ US เอง เรียกกันว่า US Ambassador to the United Nations รู้สึกว่า ของไทยจะใช้คำว่า เอกอัครราชทูตคณะผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ หรืออะไรแบบนี้อ่ะค่ะ
--------------------------------------------
---------------------------------------------
---------------------------------------------
แต่หัวใจของโพสต์นี้ คือ โพสต์ที่ "ชุมชนแห่งเสรีภาพ" นำมาลงไว้
เรื่องที่น่าคิดจริงๆ คือ อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าท่านผู้นำหรือ "คณะของท่าน" มีกำหนดการ "ออกมาเดินเพ่นพ่าน" นอกเขตของ United Nations หรือ ออกมาชอปปิ้งกัน ตามสถานที่ที่ถือว่า อยู่ในเขตบังคับใช้กฎหมายหรือ Jurisdictions ของ US?
"คณะผู้ติดตาม" มีวีซ่าเข้า US หรือเปล่า? "คณะผู้ติดตาม" เป็นใครกันบ้าง? แจ้งให้กับทางการ US ตรวจสอบก่อนหรือเปล่า? เป็นหน้าที่ของทางฝ่าย US ในการอารักขาและรักษาความปลอดภัยหรือไม่?
และมันยังมีเรื่องของ Presidential Proclamation ที่ประธานาธิบดีโอบาม่าลงนามไว้ เกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนเข้ามาพ่วงอีกหนึ่งด้วย (ถึงแม้จะอยู่ในระดับ Proclamation แต่มันก็ยังมีน้ำหนักอยู่)
เรื่องที่จะ "มีคำถาม" ก็คือ เรื่อง Human Rights Abuses นั้น มันไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองทางการทูต, ไม่มี Diplomatic Immunity เพราะเป็นการละเมิดกฎกติกาหลายอย่าง เนื่องจากว่า ประเทศไทย ลงนามให้สัตยาบันเรียบร้อยแล้ว กับ "กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง" หรือ International Covenant on Civil and Political Rights (ICCPR)
---------------------------------------------
ดังนั้น บุคคลทางการทูตคนใด ที่วางแผนให้ท่านผู้นำและคณะที่เดินทางมาด้วย "ออกมาเดินเพ่นพ่าน" ในพื้นที่ที่ไม่ใช่ของ U.N. ก็ควรจะรับทราบไว้่ด้วย เพราะ Jurisdiction ของท่านผู้นำนั้น มีอยู่อย่างจำกัด และมีน้อยมากๆ
เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าจะ apply แต่ท่านผู้นำเท่านั้น แต่มันยังครอบคลุมไปถึง คณะของท่าน ที่เดินทางพร้อมมากับท่านทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็น ภรรยา, ผู้ช่วย, เลขานุการ ฯลฯ
จึงอยากเห็นบุคคลอย่างเช่น นายสรรเสริญ หรือ โฆษกที่พูดจากันหน้าไมค์โครโฟนเหล่านี้ เดินทางมาด้วยจริงๆ เนื่องจากพวกนี้ คือ "เป้าหมาย" เหมือนกันหมด
---------------------------------------------
เพราะ ถ้าพวกเขาตัดสินใจไป "Shopping" กันที่ Time Square หรือ Manhattan เมื่อไร นั่นก็หมายความว่า ท่านเข้ามาในเขตบังคับใช้กฎหมาย (Jurisdiction) ของ US แล้ว (ระวังเรื่องการใช้รถทางการทูต ไป shopping แบบสุ่มสี่สุ่มห้าก็แล้วกัน... เพราะกล้องถ่ายรูปต่างๆ มันไม่ "หลอก" ใครต่อใครแน่นอน) และ ถ้า "ลูกน้อง" ของท่านคนใด ละเมิดเรื่องนี้แล้ว มันสามารถพ่วงไปถึงทุกๆ คนได้
และการที่จะเอา รปภ มาห้าม ไม่ให้คนถ่ายรูปใน US นั้น ทำไม่ได้แน่นอน เพราะท่านกำลังละเมิด First Amendment Right ภายใต้เขตบังคับใช้กฎหมายของ U.S. กันอยู่
เรื่องที่แน่ใจคือ ไม่มีใครไปรบกวนท่านหรือพวกท่านในเวลานั้นหรอก เพราะเขากำลัง "เก็บหลักฐาน" เพื่อ "มัด" แบบ "ดิ้นไม่หลุด" อยู่ เห็นเขาเงียบๆ ปล่อยให้พวกท่านไป Shopping อย่างสำราญใจนั้น ไม่ใช่ว่า เขาไม่สนใจอะไร
แต่ในทางตรงข้าม หลักฐานต่างๆ มันจะกลับมา "ยืนยัน" เอง...
และมั่นใจมากๆ ว่า คงมีบุคคลทางกฎหมายอีกหลายๆ คน กำลังจ้องแบบ "ตาเป็นมัน" อยู่ ...
---------------------------------------------
เมื่อคณะผู้ติดตามไม่มี Visa เข้ามาใน US แต่ทำการตามใจตนเอง ด้วยการติดตาม พ่วงไปกับกลุ่ม Diplomats หรือ นักการทูต เพื่อจะไปท่องเที่ยวหรือช้อปปิ้งกัน นอกเขตของ United Nations' Jurisdiction ก็เชิญทำกันได้ตามสบายนะคะ
แต่ถ้าข่าวหลุดออกมาในโลกดิจิตอลเมื่อไร เมื่อนั้น สถานะทางการทูตจะมีปัญหาตามมาแน่นอน เกี่ยวกับเรื่อง การใช้ diplomatic immunity ให้กับกลุ่มและพรรคพวกของตนเอง เนื่องจาก กลุ่มที่มาด้วยนั้น ไม่มีวีซ่าเดินทางเข้ามาใน US แต่อย่างใด...
ส่วนผู้ไป "ต้อนรับ" ท่านผู้นำนั้น ก็คงจะทราบเป็นอย่างดีแล้วว่า ตนเอง มีสถานะอะไร อยู่ที่ไหน กฎหมายอะไรที่ใช้บังคับกัน อันนี้เป็นสิทธิ์ของท่านโดยตรง
---------------------------------------------
บุคคลในคณะของท่านผู้นำ น่าจะลองไปค้นคว้าเรื่อง Alien Tort Claim Act (ATCA) กันไว้ก่อน ก็จะดีไม่น้อย เพราะมันมีสาระว่า ทำไม คนต่างชาติถึงถูกฟ้องได้ในศาลของ US ได้?
และจากนั้น (ตามที่ทาง ชุมชนแห่งเสรีภาพ กล่าวไว้) หน้าที่ของพวกท่าน คือ การมา Defense เคสในศาลที่นี่ ท่านต้องพิสูจน์ได้ว่า การกระทำทุกอย่างของท่านนั้น ไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด
ดูเอาเองก็แล้วกันว่า ATCA นั้น นำมาใช้กันแล้วกี่ประเทศตามรูปที่ลงไว้...
หวังว่า ท่านคงจะไม่ Cancel ทริปนี้ เพราะใครต่อใคร เขาฝากความหวังกันไว้เป็นอย่างเต็มเปี่ยมว่า มันหาโอกาสยากจริงๆ ที่ท่านจะเดินทางออกมานอกประเทศแบบนี้ ......
---------------------------------------------
และเมื่อท่านเดินทางออกมาแล้ว ก็ขอให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยว่า คนที่อยู่ข้างหลังนั้น จะปฎิบัติการอย่างไรเมื่อท่านไม่อยู่....
อย่าลืมว่า เมื่อ 9 ปีที่แล้ว มีท่านผู้นำคนหนึ่ง ถูกหักหลัง หลังจากเดินทางออกนอกประเทศ มายังสถานที่เดียวกันกับ ท่านผู้นำ เสียด้วย...
ท่านเชื่อใจหรือไว้ใจ คนที่อยู่ข้างหลังได้มากน้อยประการใด... และเมื่อท่านออกมาแล้ว ดิฉันคิดว่า มันเป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะมีประเทศอื่นๆ "อ้าแขน" รับพวกท่านไว้....
ไม่ใช่เป็นแบบว่า ในสัปดาห์หน้า จะมีข่าวลือกันเรื่อง "รัฐประหารซ้อน" กระหึ่มก่อนเวลาที่คณะท่านผู้นำจะออกเดินทาง....
หวังว่า "ประวัติศาสตร์" คงจะไม่ "ซ้ำรอย" ....
Happy Saturday ค่ะ
Doungchampa Spencer-Isenberg