วันเสาร์, สิงหาคม 10, 2567

“หล่อเลี้ยงความหวัง” คือความท้าทายของพรรคประชาชน


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และ สส.บัญชีรายชื่อ นำทีม สส. อดีตพรรคก้าวไกล ย้ายมาที่พรรคประชาชน โดยยืนยันว่า สส. อดีตพรรคก้าวไกล และ สก. มาด้วยกันทั้งหมด โดยไม่มีงูเห่า

เปิดตัวพรรคประชาชน บ้านใหม่ สส. ก้าวไกล “เท้ง” ณัฐพงษ์ นั่งหัวหน้าพรรค

9 สิงหาคม 2024
บีบีซีไทย

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาชน บ้านหลังใหม่ของ สส. อดีตพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซึ่งชนะการเลือกตั้งด้วยกว่า 14 ล้านเสียง และถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากอดีตพรรคก้าวไกลและทีมงานเครือข่ายสมาชิกพรรค เดินทางมายังอาคารไทยซัมมิททาวเวอร์เพื่อประชุมพรรค และร่วมกันกำหนดตัวผู้บริหารและทิศทางนโยบายของพรรคใหม่

ในการประชุมครั้งนี้ ผู้บริหารพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ได้เข้าร่วมด้วย เนื่องจากเป็นพรรคเดิมของบ้านหลังใหม่ ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น “พรรคประชาชน” (People's Party)

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ ของอดีตพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เหตุที่พรรคได้ใช้ชื่อ พรรคประชาชนเพราะ “เราต้องการจะเป็นพรรคการเมือง โดยประชาชน เพื่อประชาชน และเดินหน้าสู่การสร้างประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน”

นายพริษฐ์ ได้แถลงผลการลงมติของที่ประชุม สส. พรรคประชาชน ช่วงเช้าวันนี้ (9 ส.ค.) โดยมีมติให้นายณัฐพงษ์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และนายศรายุทธ ใจหลัก เป็นเลขาธิการพรรค

สำหรับรายชื่อกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ซึ่งที่ประชุมวิสามัญของพรรคประชาชน มีมติแต่งตั้งจำนวน 5 ตำแหน่ง ในวันนี้ ได้แก่
  • นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค
  • นายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรค
  • น.ส. ชุติมา คชพันธ์ เหรัญญิกพรรค
  • นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทะเบียนพรรค
  • นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรค
นายพริษฐ์ กล่าวถึงภารกิจแรกของพรรคประชาชน คือ การเชิญชวนประชาชน และอดีตสมาชิกพรรคก้าวไกลกว่า 1 แสนคน ร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาชน

ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวแถลงว่า ภารกิจของเขาและพรรคต่อจากนี้ คือ สร้างรัฐบาลแห่งการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งปี 2570 โดยมีเป้าหมายที่สูงยิ่งขึ้น คือ ชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียว และยังมีหลายงานต้องทำตั้งแต่สร้างพรรค ปรับปรุงโครงสร้างพรรค หาเงินบริจาค และหานโยบายมัดใจประชาชน

“เป้าหมายขั้นต่ำของพวกเรา เราจะชนะเลือกตั้งโดยเป็นรัฐบาลพรรคเดียว”

การย้ายเข้าบ้านใหม่ในพรรคประชาชน ได้รับการยืนยันจากนายณัฐพงษ์ว่า สส. อดีตพรรคก้าวไกล ทั้ง 143 คน เข้ามาอยู่ในพรรคใหม่พร้อมกันทั้งหมด

“ตอนนี้เป็นบทพิสูจน์แล้ว เราย้ายมาในพรรคประชาชนได้ครบทั้งหมด นอกจาก สส. สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ก็ตามมาทั้งหมดด้วย เรื่องงูเห่าไม่น่าเป็นประเด็น” นายณัฐพงษ์ กล่าว



ด้านนายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ในบทบาทของเลขาธิการพรรค เขาจะเข้ามาดูสิ่งสำคัญที่สุดคือสร้างโครงสร้างพรรคและสมาชิกพรรคให้แข็งแรง

นายศรายุทธบอกว่า การสร้างพรรคที่แข็งแรงต้องใช้เวลา ต้องใช้คนจำนวนมาก และต้องสร้างพรรคให้เป็นสถาบันให้ได้ เพื่อทำงานการเมืองในท้องถิ่นและเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ

“เรามั่นใจว่าจะมีพรรคทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วก็ตาม” นายศรายุทธกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

ก่อนการแถลงผลการลงมติของสมาชิกพรรคประชาชน เพจเฟซบุ๊กของอดีตพรรคก้าวไกล ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น พรรคประชาชน ได้เปลี่ยนภาพโปรไฟล์และตราสัญลักษณ์ของพรรค โดยอธิบายว่า “สัญลักษณ์สามเหลี่ยมพีระมิดหัวกลับ แสดงถึงการยกประชาชนผู้เป็นรากฐานของประเทศไว้เหนือผู้ปกครอง เส้นประกบสามเส้น สื่อถึง เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ ลักษณะตัวอักษรชื่อพรรค เป็นงานสไตล์ Rectilinear ซึ่งเป็นเส้นตัด สะท้อนความเสมอภาคเท่าเทียมและทันสมัย”

ทั้งนี้ พรรคประชาชนเปิดรับสมัครสมาชิกและรับบริจาคทางเว็บไซต์แล้ว โดยล่าสุดในเวลา 13.00 น. วันนี้ มียอดเงินบริจาคราว 1 ล้านบาท จากผู้บริจาคกว่า 2,000 คน

นายพริษฐ์บอกว่า กิจกรรมการรณรงค์หลักเพื่อหาสมาชิกพรรคจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 10 ส.ค. นี้ ที่สเตเดียม วัน (Stadium One) ถนนบรรทัดทอง กรุงเทพฯ และจะกระจายไปทั่วประเทศต่อไป โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องได้สมาชิก 1 แสนคน และยอดเงินบริจาค 10 ล้านบาทให้เร็วที่สุด

เปิดที่มา “พรรคประชาชน” และเหตุที่เลือก กก.บห. 5 คน

นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงที่มาของชื่อพรรคประชาชนด้วยว่า มาจากอุดมการณ์ของพรรคที่ใช้มาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ คือ อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน โดยสโลแกนของพรรคในครั้งนี้คือ โดยประชาชน เพื่อประชาชน เพื่อสร้างประเทศที่มีอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ส่วนโลโก้พรรคที่มีสามด้านซึ่งมีหกเหลี่ยม สอดคล้องกับประกาศของคณะราษฎรทั้ง 6 ประการ รวมถึงสีประจำพรรคก็พยายามสืบสานอุดมการณ์พรรคต่อไป

“อุดมการณ์ ความเชื่อ นโยบายต่าง ๆ เราไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” หัวหน้าพรรคประชาชนระบุ

ส่วนการมติที่ประชุมที่แต่งตั้งกรรมการบริหารพรรค 5 คน ในวันนี้ นายณัฐพงษ์ ชี้ว่าเป็น “ข้อจำกัดทางกฎหมายที่จำเป็นต้องมี” และยืนยันว่า “ไม่ต้องการหลบเลี่ยงอันตรายทางการเมืองในอนาคต” เป็นเพียงแต่กระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พรรคใหม่อย่างไร้รอยต่อ

อย่างไรก็ตาม นายณัฐพงษ์ ย้ำว่ามีการหารือภายในพรรคว่าต้องออกแบบโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคอย่างไร ซึ่งยังเป็นสิ่งที่เปิดกว้าง และคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปลายเดือน ก.ย. ที่จะมีการประชุมพรรคอีกครั้งหนึ่ง

ทางด้าน น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้มีชื่อเป็น “ตัวเต็ง” หัวหน้าพรรค กล่าวด้วยว่า เธอเป็นผู้เสนอชื่อนายณัฐพงษ์ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ด้วยความมั่นใจว่านายณัฐพงษ์มีคุณสมบัติครบเครื่อง พร้อมสู้ศึกการเลือกตั้งในปี 2570 โดยย้ำว่า การเป็นหัวหน้าพรรค “ไม่ได้มีอยู่ในสมการความคิด” แต่จะขอเป็น “มือไม้” ที่จะสนับสนุนหัวหน้าพรรค และเน้นภารกิจในการทำงานลงลึกด้านนโยบาย งานหลังบ้าน เพื่อสร้างมาตรฐานให้กับ สส. ของพรรคต่อไป



ยืนยันไม่ลดเพดานแก้ ม. 112

สำหรับเรื่องการเสนอแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 นายณัฐพงษ์ บอกว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ทำให้พวกเขาต้องเซ็นเซอร์หรือปิดปากตัวเอง เพราะเสนอตามหลักการ “ไม่ได้ต้องการเซาะกร่อน บ่อนทำลายแต่อย่างใด” ดังนั้น ทางพรรคจะเดินหน้าทุกอย่างต่อโดยไม่ประมาท

“ที่ผ่านมาเราไม่เคยสื่อสารว่าเรามีการลดเพดานอะไร เรายืนยันแน่ชัดที่สุดว่าเราเสนอร่างกฎหมายแก้ไข ม. 112 เพื่อปรับปรุงกฎหมายนี้ไม่ให้มีปัญหา ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกลั่นแกล้งพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็ไม่ได้มีการสั่งห้ามการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ แน่นอนที่สุดเราต้องไม่ประมาท ทำทุกอย่างอย่างรอบคอบ”

“คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาล่าสุด จนนำมาสู่การยุบพรรคก้าวไกล เราเองต้องกลับมาศึกษาอย่างดี แต่ผมคิดว่าพวกเราก็จะผลักดันเดินหน้าปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในส่วนนี้ที่ปัจจุบันยังมีปัญหาอยู่”

นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงการสอบจริยธรรม สส. 44 คน ที่ลงชื่อขอแก้ไขมาตรา 112 ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วยว่า แม้การกระทำของ สส. แต่ละคนจะมีองค์ประกอบแตกต่างกัน เช่น การเรียกร้องแทนกลุ่มผู้ชุมนุม การเป็นประกัน แต่เกือบทุกคนได้ลงชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 จึงต้องพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป แต่ส่วนตัวไม่มีความกังวล และเห็นว่าเพื่อน สส. ทุกคนมีความพร้อมที่จะชี้แจงต่อ ป.ป.ช.

ทางด้านนายพริษฐ์ บอกว่า เรื่องมาตรา 112 เป็นหนึ่งในกว่า 300 นโยบาย ปัจจุบันพรรคเสนอกฎหมายเข้าสภาไปมากกว่า 46 ฉบับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกระจายอำนาจ การยกระดับขนส่ง การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน หรือการคุ้มครองแรงงาน ซึ่งเป็นสัญญาของพรรคการเมืองที่บอกว่าจะแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน

“อะไรที่เป็นปัญหา เราก็มองว่าเป็นปัญหาอยู่ แต่เราเข้าใจว่าพื้นที่การหาทางออกถูกทำให้แคบลงด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากเราอ่านคำวินิจฉัยอย่างละเอียด ศาลไม่ได้เขียนว่าห้ามพูดถึงการแก้ไข ม.112 เลย ยังมีพื้นที่เหลืออยู่ให้เราพูดถึงได้เพื่อหาทางออก” นายพริษฐ์ ระบุ


ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

ยังเปิดกว้างชื่อแคนดิเดตนายกฯ

นายณัฐพงษ์ บอกว่ารายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชนยังเปิดกว้าง ตามหลักการแล้วก็ควรเป็นหัวหน้าพรรค แต่เขารู้ตัวว่าตัวเองยังไม่ดีพร้อม แต่เขาพร้อมจะพัฒนาตนเองให้ดีที่สุด เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง และหากในท้ายที่สุดในตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนที่จะลงมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้ง ปี 2570 ก็พร้อมจะหลีกทางให้กับคนที่เหมาะสมกว่า

“ผมคิดว่าในตอนนี้ตัวผมยังไม่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับอดีตแกนนำพรรคทุก ๆ คน แต่ผมคิดว่ามีไม่แพ้คนอื่น คือการที่นำพาพวกเรามาอยู่ตรงนี้ เพื่อทำการเมืองใหม่ที่ดีกว่าเดิม และผมก็ทำงานหนักเหมือนพวกเราทุกคน ซึ่งจะนำพาพรรคชนะการเลือกตั้งได้” นายณัฐพงษ์ กล่าว

ณัฐพงษ์ตอบคำถามต่อสื่อมวลชนช่วงหนึ่ง โดยยอมรับว่าเขาได้รับคำแนะนำจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มาหลายข้อ ซึ่งนายธนาธรได้กล่าวว่า 'คุณเท้ง ถ้าจะมารับตำแหน่งสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ เหมาะสมต่อประชาชน คุณต้องพัฒนาตัวเอง ต้องเห็นนโยบายอีกหลายด้าน และต้องทำงานอย่างหนัก' ซึ่งเขาเห็นเช่นกันว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ถ้าจะเสนอตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในอนาคต


(จากซ้าย) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระหว่างเข้าร่วมงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 74 เมื่อปี 2563

เส้นทางการเมืองของ “เท้ง” ณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคประชาชน

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ มีชื่อเล่นว่า เท้ง อายุ 37 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยก่อนเข้าทำงานการเมือง เขาเคยเป็นผู้บริหาร บ.แอ๊บโซลูท เมเนจเม้นท์ โซลูชั่นส์ จำกัด ซึ่งดำเนินงานด้านระบบบริหารจัดการธุรกิจออนไลน์บนคลาวด์ (Cloud)

ในปี 2562 เขาได้รับการเลือกตั้งเป็น สส. กรุงเทพมหานคร เขต 25 จากพรรคอนาคตใหม่ และย้ายมาสังกัดพรรคก้าวไกลหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ และได้รับเลือกให้เป็น สส. บัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งปี 2566

หลังการเลือกทั่วไปครั้งล่าสุดจบลง นายณัฐพงษ์ยังเป็นผู้ก่อตั้งชุมชนออนไลน์บนดิสคอร์ด (Discord) ภายใต้ชื่อว่า “ก้าว Geek” เพื่อให้กลุ่มคนรุ่นใหม่และคนสายดิจิทัลใช้ทักษะและความถนัดมาช่วยกันผลักดันนโยบาย ขณะที่เขามีชื่อเป็นแคนดิเดตว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก่อนที่ก้าวไกลจะถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน แม้ว่าชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนกว่า 14 ล้านเสียง

ล่าสุดมีผู้เข้าร่วม ก้าว Geek ประมาณ 160,000 บัญชี (ข้อมูล ณ วันที่ 8 ส.ค. 2567)

ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการศึกษา จัดทำและติดตามงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร และล่าสุด ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาชน ซึ่งเป็นบทที่ 3 ของอดีตพรรคอนาคตใหม่

เปลี่ยนพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลเป็นบ้านหลังใหม่

สมาชิกพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เข้าประชุมสมาชิกพรรคประชาชนในวันนี้ด้วย

พรรคถิ่นกาขาวชาววิไลหรือชื่อเดิมคือพรรคถิ่นกาขาว จดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2555 ปัจจุบันมีนายตุลย์ ตินตะโมระ เป็นหัวหน้าพรรค และนายกฤติน นิธิเบญญากร เป็นเลขาธิการพรรรค

พรรคมีตราสัญลักษณ์เป็นรูปใบโพธิ์สีเขียว ล้อมรอบด้วยวงกลมสีแดง เหลือง น้ำเงิน และกลีบบัวสีชมพู

ส่วนนโยบายคือ การบัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ แต่ต้องไม่ปิดกั้นประชาชนในการเลือกนับถือศาสนาอื่นด้วย


โลโก้พรรคประชาชนที่ยังคงสัญลักษณ์สามเหลี่ยมและสีส้ม

สำหรับพรรคประชาชนยังคงสัญลักษณ์พรรคเป็นรูปสามเหลี่ยมสีส้ม ซึ่งสื่อถึงหลักเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ

“หล่อเลี้ยงความหวัง” คือความท้าทายของพรรคประชาชน

นายสหรัฐ สุขคำหล้า หรือ อดีตเณรโฟล์ค นักกิจกรรมทางการเมืองช่วงการชุมนุมเมื่อปี 2563-2564 และผู้ต้องหาคดี 112 ปัจจุบันเป็นผู้ช่วย สส. ขอนแก่น เขต 2 อดีตพรรคก้าวไกล บอกกับบีบีซีไทยว่า เขารอคอยสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาชนอย่างใจจดใจจ่อ

“เพราะผมอยากอยู่ในจุดที่ประวัติศาสตร์เริ่มต้นการต่อสู้ครั้งใหม่ อยากเป็นคนแรก ๆ ที่ไม่ได้ทิ้งพรรค ไม่ต้องให้พรรคมาหา หากผมอยู่กรุงเทพฯ ผมคงเดินทางไปสมัครด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ผมอยู่ขอนแก่น ก็จะสมัครออนไลน์ในบ่ายวันนี้”

โดยส่วนตัวนายสหรัฐไม่ต้องการให้พรรคประชาชนลดเพดานเรื่องการเสนอแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 เนื่องจากเขามองว่าการยุบพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องของระบอบใหม่และระบอบเก่าที่หาจุดเข้ากันไม่ได้

“ในปี 2562 เขายุบพรรคอนาคตใหม่เพราะกล่าวหาว่าคุณธนาธรถือหุ้นสื่อ ในตอนนั้นอาจารย์ปิยบุตรก็กลืนเลือดไม่ได้เสนอแก้ไข ม.112 ให้เป็นนโยบายพรรค ดังนั้น มันไม่ใช่เรื่อง ม.112 แต่ฝ่ายอำนาจเก่ายังมองไม่ออกว่า โลกใบใหม่ที่อนาคตใหม่บอกว่าจะสร้างมันเป็นอย่างไร ขอบฟ้าใหม่ที่ก้าวไกลเสนอมันหน้าตาแบบไหน พวกเขามองว่าพรรคของเราเป็นพวกปฏิวัติ ล้มล้าง” อดีตนักกิจกรรมทางการเมือง กล่าว


นายสหรัฐ สุขคำหล้า หรือ อดีตเณรโฟล์ค

เนื่องจากตัวเขาเองก็ถูกตั้งข้อหาในคดีมาตรา 112 จากกิจกรรมการชุมนุมทางการเมืองของคนรุ่นใหม่เมื่อหลายปีก่อน นายสหรัฐบอกว่าตนเองไม่ได้หวังว่าจะชนะในเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 และนิรโทษกรรมทางการเมืองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“แต่การวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ได้พรากความฝันและความหวังของผมไปแล้ว ผมยอมติดคุกด้วยอำนาจของฝั่งตุลาการ 3-5 ปี ผมยอมได้ และเมื่อผมกลับมา ผมจะกลับมาทำลายทุกอย่างที่เป็นขนบการกดขี่ที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ทั้งความหวัง และความฝันในโลกใบเก่าของพวกเขา มาวัดกันระหว่างคุณที่อายุ 70 ปีที่ดำรงอยู่ในอำนาจ กับผมที่อายุ 24 ปี ผมก็ขอให้ท่านอายุยืนยาวพร้อมเห็นโลกเก่าที่สร้างขึ้นมา ได้ถูกไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ที่น่าขยะแขยง และเข้าไปอยู่พิพิธภัณฑ์ของการกดขี่คนให้เป็นทาส” นายสหรัฐ บอกกับบีบีซีไทย

เขามองว่าความท้าทายต่อจากนี้ของพรรคประชาชนคือ จะสามารถหล่อเลี้ยงความหวังประชาชนให้กลายเป็นคะแนนเสียงในคูหาการเลือกตั้งทั่วไปในอีก 4 ปีข้างหน้าได้หรือไม่

“หากสมัยหน้าไม่ชนะขาด หากปี 2570 ไม่เกิดความหวัง ผู้คนก็จะรู้สึกว่าโลกใบเก่าไม่ได้แย่ ดังนั้นอยู่กับระบอบเก่าต่อไปก็ได้” อดีตเณรโฟล์ค กล่าว “กลับไปเลือกพรรคการเมืองเก่า ๆ ก็ได้ อย่างน้อยก็ได้ถนน ได้น้ำประปา ได้เงินหมื่น”

เขาเสนอว่าพรรคประชาชนควรสร้างความเปลี่ยนแปลงในการเมืองระดับท้องถิ่นให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลยังทำไม่สำเร็จ

“หากแก้ไขปัญหาในระดับท้องถิ่นได้ ประชาชนจะเห็นรูปธรรมของนโยบายทันที ซึ่งเกิดขึ้นไวกว่าการเมืองระดับชาติ” แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คาดหวังว่าพรรคประชาชนจะรักษามาตรฐานการทำงานในสภาอย่างที่อดีตพรรคก้าวไกลได้เคยทำไว้ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะการตรวจสอบรัฐบาลและการอภิปรายในรัฐสภา

ยังสนับสนุนต่อ ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อหรือโลโก้อีกกี่ครั้ง


นางนภัสสร บุญรีย์ มาให้กำลังใจอดีตพรรคก้าวไกล ในการประชุมเปิดตัวพรรคประชาชน วันนี้ (9 ส.ค.) ที่อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์

บริเวณชั้น 1 อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ มีผู้สนับสนุนอดีตพรรคก้าวไกลจำนวนหนึ่งมาปักหลักพร้อมป้ายให้กำลังใจ

นางนภัสสร บุญรีย์ อายุ 61 ปี สวมหมวกรูปใบหน้านายพิธา อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมกับชูป้าย “We love ก้าวไกล all the same” เดินทางมาพร้อมกับเพื่อน ๆ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า เธอบอกว่าการส่งกำลังใจผ่านข้อความและเครื่องแต่งกายสีสัม เป็นเพียงวิธีเดียวที่ประชาชนผู้สนับสนุนพรรคจะทำได้

“เรารักคุณทิม พิธามาก แต่วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ใส่หมวกนี้” เธอบอกยิ้ม ๆ “เดี๋ยวจะส่งให้พิพิธภัณฑ์แล้ว”

แต่เดิมนางนภัสสรเคยเป็นคนเสื้อแดงและสนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาก่อน จากนั้นเปลี่ยนใจมาสนับสนุนพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เนื่องจากเห็นต่างกับความเห็นของนายทักษิณ ชินวัตร บุคคลสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่บอกว่า มาตรา 112 ไม่ใช่ปัญหา

“อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณพูดในคลับเฮาส์ว่า ม.112 ไม่ใช่ปัญหา แต่ตัวป้าพยายามรณรงค์เรื่องนี้กับเพื่อน ๆ มาตลอดว่า ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและแก้ไข ม.112 เพราะเด็ก ๆ ติดคุกอยู่ตอนนี้ตั้งหลายคน ไม่ว่าจะเป็นทนายอานนท์หรือใครก็ตาม เพราะตัวกฎหมายมันมีปัญหา”

นอกจากนี้ จุดยืนของพรรคก้าวไกลที่ระบุว่าไม่จับมือกับพรรคสองลุง ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ในขณะนั้น ก็ทำให้เธอตัดสินใจเลือกก้าวไกลทั้งสองใบ และสมัครเป็นสมาชิกพรรคด้วย

“หลักการเขา (หมายถึงอดีตพรรคก้าวไกล) มันโดนจริต” นางนภัสสร บอก “โดยเฉพาะนโยบายแก้ไข ม.112 และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ไม่ว่าพรรคจะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโลโก้อีกกี่ครั้ง ก็จะยังเลือกและสนับสนุนต่อ หากพรรคยังคงรักษาหลักการต่อไป”


นางนภัสสรและเพื่อน ๆ

นางนภัสสรกับเพื่อน ๆ ตั้งใจไปสมัครสมาชิกพรรคประชาชนที่สเตเดียมวัน ในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.) ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนพรรค “สีส้ม” แล้ว เธอคิดว่ามันเป็นอีกทางหนึ่งที่บอกว่า “ประชาชนยังไม่หมดหวัง” หลังมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลเกิดขึ้น

เธอหวังว่าพรรคประชาชนจะชนะการเลือกตั้งในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งหนึ่งในนั้นจะมีคะแนนเสียงของเธออย่างแน่นอน แต่หากในตอนนี้พรรคประชาชนจะลดเพดานลงเพื่อสร้างพันธมิตรทางการเมืองมากขึ้น เพื่อเป็นคุณกับพรรคในกรณีที่ไม่ได้เก้าอี้ สส. 270 ที่นั่งขึ้นไป เธอก็เข้าใจถึงเหตุผลการผ่อนปรนท่าทีของพรรค

“ลดเพดานลงมาเราก็ไม่ว่าอะไร เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเราต้องทำอะไรต่อ” เธอพูดเป็นนัย “ความคิดแก้ไข ม.112 มันก็ยังอยู่ในใจเรา เรารู้อยู่แล้วว่าต้องเดินอย่างไรต่อ หากได้ 270-300 เสียง อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญหรืออยากแก้ไขทั้งฉบับก็ย่อมได้”

https://www.bbc.com/thai/articles/cvgrl24kkrxo