วันอาทิตย์, ธันวาคม 03, 2566

'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' ชี้วาระสำคัญของกลุ่มชนชั้นนำและกลุ่มผู้มีอำนาจ ไม่ใช่การพัฒนาประเทศ ไม่ใช่การมีชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน วาระของพวกเขาคือการรักษาระบบและระเบียบปัจจุบันไว้เพื่อให้เสวยสุขได้ตลอด

‘พีมูฟ’ จัดเสวนา “สู่อนาคตประชาธิปไตย สู่สังคมที่เป็นธรรม“
ภาพจาก The Reporters


The Reporters
9h ·

POLITICS: ‘ธนาธร’ ร่วมเสวนา 13 ปี พีมูฟ สู่สังคมที่เป็นธรรม ชี้ ความไม่เป็นธรรม และความเหลื่อมล้ำ เกิดจากกลุ่มผู้มีอำนาจมีวาระของประเทศเพียงแค่รักษาอำนาจของตัวเอง แนะ ปชช. จับตา ปี67 เน้นเรื่อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ - นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง - การกระจายอำนาจ และปัญหาเรื่องที่ดิน
วันนี้ (2 ธ.ค. 66) ในงานเสวนา 13 ปี พีมูฟ สู่สังคมที่เป็นธรรม ในหัวข้อ “สู่อนาคตประชาธิปไตย สู่สังคมที่เป็นธรรม“ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงมุมมองสังคมที่เป็นธรรม โดยยอมรับว่า การเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมในทุกวันนี้ยังจำเป็น เพราะขบวนการประชาสังคมมีความเป็นอิสระ และข้อจำกัดที่น้อยกว่าพรรคการเมือง โดยบทบาทของกระบวนการประชาสังคม ยังมีเรื่องความไว้วางใจที่มากกว่าพรรคการเมือง เนื่องจากการจะเคลื่อนไหวต่างๆ ของพรรคการเมืองก็มักจะถูกถามถึงแรงจูงใจทางการเมืองที่มากก่อนสำนึกในการช่วยเหลือประชาชน
สำหรับการสะท้อนบทบาทของกลุ่มพีมูฟนั้น นายธนาธร กล่าวว่า สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 บทบาท ดังนี้
1. การคัดค้าน เช่นการคัดค้านโครงการ และปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ
2. การบรรเทา ซึ่งเมื่อมีการคัดค้านแล้ว จนเกิดการต่อสู้ การบรรเทาจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านในการบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน
3. การสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหา ให้เห็นว่าไม่ใช่ปัญหาของกลุ่มใดกลุ่มนึง แต่เป็นปัญหาของคนทั้งประเทศ
4. การผลักดันปัญหาที่มากกว่ารายประเด็น คือการผลักดันปัญหาในด้านเชิงโครงสร้าง เห็นได้จากการต่อสู้ในข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ที่ไปชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งที่ไม่ใช่ปัญหาของพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่เป็นภาพรวมของประเทศ
นายธนาธร กล่าวต่อว่า การมีกระบวนการทางสังคม นอกจากจะช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ยังสร้างสังคมอีกด้วย ที่เริ่มจากกลุ่มเกษตรกรก่อนจะเริ่มรวมตัวจนกลายเป็นกลุ่มต่างๆ ซึ่งตนเองก็เป็นหนึ่งในสายพานดังกล่าวที่เติบโตขึ้นมา และทำให้เกิดธนาธรในวันนี้ ที่มาจากการคลุกคลี การสัมผัสของนักต่อสู้เหล่านี้ จนเกิดเป็นสัจธรรมทางการเมือง
ส่วนความไม่เป็นธรรม และความเหลื่อมล้ำในสังคม ตนมองว่า โครงสร้างอำนาจ หรือผู้ที่ถืออำนาจอยู่ ที่เป็นพันมิตรกัน ระหว่างชนชั้นนำทางจารีต กับผู้นำกองทัพ และนายทุนขนาดใหญ่ในสังคมไทย พวกเขามีวาระประเทศไทยเป็นของตนเอง โดยวาระของประเทศพวกเขา ”ไม่ใช่เรื่องของการพัฒนาประเทศ หรือการมีชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน วาระประเทศของพวกเขา ไม่ใช่การสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรือง วาระประเทศของพวกเขา ไม่ใช่การส่งเสริมการจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม แต่วาระประเทศของพวกเขานั้นคือการรักษาระบบระเบียบปัจจุบันไว้เพื่อให้เขาเสวยสุขได้ตลอดไป เพื่อให้ครองอำนาจทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การเมืองได้ต่อไป“
ขณะที่วาระของพวกเขา ไม่มีประชาชนอยู่ในนั้น ดังนั้นพวกเขาถึงไม่แคร์ต่อการทุจริตคอรัปชั่น และไม่แคร์เรื่องของความเหลื่อมล้ำ และปัญหาการมีที่อยู่อาศัย เพราะไม่ใช่วาระของพวกเขา อีกทั้งเรื่องการทุจริตหรือการการใช้เส้นสายในระบบราชการ จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษากฎระบบระเบียบของพวกเขาอย่างนี้ต่อไป หากเป็นการแต่งตั้งด้วยผลงาน แล้วพวกเขาจะเอาคนของตัวเองขึ้นมาได้อย่างไร
ฉะนั้น การแต่งตั้งโดยใช้เส้นสาย ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมของระบบ แต่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ระบบอยู่ได้ เพราะพวกเขาไม่ต้องการการแต่งตั้งที่ยึดโยงกับคุณธรรม หรือผลงาน
อย่างไรก็ตามกลุ่มชนชั้นนำ การจะทำเพื่อบรรลุวาระประเทศไทยของพวกเขา คือการสร้างกลไกที่ใหญ่ที่สุด หรือ ระบบรัฐราชการรวมศูนย์ เพื่อคงระบบนี้ไว้ เช่น การผลิตซ้ำวาทกรรมทางความคิดที่รับใช้โครงสร้างทางอำนาจในปัจจุบัน รวมถึงระบบค่านิยมในปัจจุบัน และการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ทั้งนี้ นายธนาธร ยังได้เสนอแนะต่อกลุ่มพีมูฟ และผู้รักความเป็นธรรมในประเทศไทย ในสิ่งที่จะเกิดขึ้นว่า สนามที่ต้องเจอ คือสนามรัฐธรรมนูญ, การกระจายอำนาจ, การนิรโทษกรรม และเรื่องที่ดิน ที่จำเป็นจะต้องปักธงให้ได้
โดยประเด็นแรก เรื่องรัฐธรรมนูญ ที่ยังคงไม่ลงรอยกันอยู่ คือ หมวด 1 หมวด 2 ของรัฐธรรมนูญจะทำอย่างไร และการได้มาของ สสร. มาจากไหน โดยข้อเสนอของพรรคก้าวไกล คือการทำให้มี 3 คำถามในประชามติ เพื่อไม่ให้เกิดการล้มการสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน
สำหรับคำถามแรกคือเห็นด้วย เรื่องของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชนหรือไม่ คำถามตอบมาคือเห็นด้วยหรือไม่ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ยกเว้น หมวดหนึ่งหมวดสอง และเห็นด้วยหรือไม่ ที่ สสร. จะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ประเด็นที่ 2 คือ การนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ที่ไม่รวมกับการกระทำจนทำให้เกิดคนตาย และการทุจริต โดยประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า จะรวมคดี ม.112 ด้วยหรือไม่ ซึ่งตนขอเสนอว่าการนิรโทษกรรม ควรมีคดีที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน และการทวงคืนผืนป่าเข้าไปด้วย
ประเด็นต่อมา คือการกระจายอำนาจ โดยในปีหน้าจะมีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการกระจายอำนาจ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะต้องมีการแก้ไข
ประเด็นสุดท้าย คือเรื่องที่ดิน ตนคิดว่าเรื่องนี้
ในรัฐบาลหลายคน มีความต้องการมากในการทำ บางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องที่ดิน โดยกลไกหลัก ที่ขัดขวางการทำเรื่องที่ดินมากที่สุดในตอนนี้ คือ รัฐราชการ
นายธนาธร ยังเสนอทิ้งท้ายว่า ควรจะมีการจัดประชุมและเลือกประเด็นที่ง่าย และได้รับผลกระทบเยอะ และราชการเสียน้อย เพื่อให้เกิด QuickWin และสะสมชัยชนะเล็กๆ ที่แก้ได้โดยระดับรัฐมนตรี ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน มาขับเคลื่อนผ่านกลไกต่างๆ เช่น กรรมาธิการ ภาคประชาสังคมที่รวมตัวกัน หรือกรรมการสิทธิ์ ที่ขับเคลื่อนพร้อมกันในปี 2567
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ธนาธร

ภาพจาก The Reporters