วันศุกร์, พฤศจิกายน 06, 2563

รมว.ศธ.เร่งขับเคลื่อน "ลูกเสือ-ประวัติศาสตร์(ด้านเดียว ?) สนองพระราชดำริ" มุ่งสร้างคุณธรรม(ศักดินา ?)พื้นฐาน ให้เกิดในเด็กและเยาวชนไทย



Charnvit Kasetsiri
18h · 

'มันผู้ใดยึดกุม 'ปัจจุบัน' ไว้ได้
ก็ยึดครอง 'อดีต' ไว้เปนของตน
มันผู้ใดยึดครองไว้ซึ่ง 'อดีต'
ก็ยึดกุม 'อนาคต' ไว้ได้อีกเช่นกัน
แปลจาก George Orwell
....


ศธ.360 องศา
Yesterday at 3:10 AM ·

รมว.ศธ.เร่งขับเคลื่อน "ลูกเสือ-ประวัติศาสตร์-การศึกษาสนองพระราชดำริ" มุ่งสร้างคุณธรรมพื้นฐานเด็กและเยาวชนไทย

"หากเด็กและเยาวชนไทยได้เรียนรู้วิธีการเหล่านี้ได้ ก็จะเห็นถึงความรัก ความสามัคคี ความปรองดอง และความเสียสละของบรรพบุรุษ สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ มีคุณธรรมพื้นฐาน เป็นประโยชน์ในการดำรงอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ช่วยให้ประเทศชาติมีความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน"

https://moe360.blog/2020/11/04/4112563/

(https://www.facebook.com/MOE360degree/photos/a.3276013902481108/3370833716332459/)
...
Charnvit Kasetsiri
18h ·

What is History?
"ประวัติศาสตร์ อาจมีในหลายด้าน"
รัฐราชการไทย เคยสั่งสอนเราว่า คนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต (จริงหรือ)
รัฐราชการไทย เคยสั่งสอนเราว่า พระเจ้าตากสิน สติวิปลาศ (จริงหรือ)
รัฐราชการไทย พร่ำสั่งสอนเราว่า ไทยไม่เคยเปนเมืองขึ้น (จริงหรือ)
ครับ ปวศ.ฉบับรัฐราชการ ต้องตรองแล้ว ตรองอีก อย่ารีบเชื่อ
Copy/credit from Damrong Kraikruan & George Orwell
"Who controls the present controls the past,
Who controls the past controls the future.
'มันผู้ใดยึดกุม 'ปัจจุบัน' ไว้ได้ ก็ยึดครอง 'อดีต'
ไว้เปนของตน
มันผู้ใดยึดครองไว้ซึ่ง 'อดีต' ก็ยึดกุม 'อนาคต' ไว้ได้อีกเช่นกัน'
สรุป อย่าไว้ใจ ประวัติศาสตร์ ฉบับรัฐราชการ ที่ประทับตรากระทรวง ทบวง กรม โดยไม่ตั้งคำถาม ครับ
ลองอ่าน ข้อคิดข้อเขียน ของดำรง ใคร่ครวญ ดังต่อไปนี้
"ว่าด้วยวิชาประวัติศาสตร์
ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทยในปัจจุบัน ผมเห็นผู้คนถกเถียงกันเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยกันอย่างเข้มข้น
เราถกเถียงกันเรื่องอดีต มากพอ ๆ กับเรื่องราวในปัจจุบัน
ผมเห็น "ผู้ใหญ่" หลายคนตักเตือนสั่งสอนเยาวชนให้ไปอ่านประวัติศาสตร์ ให้รู้จักบุญคุณของบุคคลในประวัติศาสตร์ ฯลฯ
บางคนก็โพสต์เลยว่าในอดีตใครทำอะไรบ้างที่เป็นคุณูปการต่อชาติไทย (หรือคนที่กล้าหน่อยก็อาจจะระบุถึงบุคคลที่ทำตรงกันข้ามด้วย)
ในฐานะนักเรียนประวัติศาสตร์และอ่านหนังสือประวัติศาสตร์มามากพอสมควร ผมบอกได้เลยว่า เรื่องนี้มิได้ "unique" สำหรับประเทศไทยเท่านั้น
ทุกสังคมที่มีความขัดแย้ง มีความตึงเครียดภายใน มีสงครามกลางเมือง ในประเทศที่มีระบบการเมืองที่เป็นเผด็จการ ฯลฯ ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ "contentious" เสมอ
เหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่า ในสังคมเหล่านี้ รัฐบาลและฝ่ายต่อต้านรัฐบาล (หรือคู่ขัดแย้ง) ต่าง "ใช้" ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง
ดูจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นตัวอย่างก็ได้
ในสังคมเผด็จการ (จะในรูปแบบใดก็ตาม) รัฐบาลจะ "ใช้" วิชาประวัติศาสตร์อย่างเข้มข้น "เพื่อสร้างพลเมือง" (ตามแนวทางของรัฐ) คู่ขนานไปกับวิชาหน้าที่พลเมือง
พูดง่าย ๆ ก็คือ ก่อนที่จะบอกให้พลเมืองต้องประพฤติปฏิบัติตนอย่างไร ก็ต้องหาเหตุผลมารองรับเสียก่อน
ประเทศที่จะหลุดพ้นจากระบอบเผด็จการ จึงมักต้องอาศัยกลไกที่รู้จักกันในนาม Truth and Reconciliation เพื่อชำระสะสางประวัติศาสตร์กันเสียก่อน
กลไกนี้เกิดขึ้นในหลายประเทศในละตินอเมริกา แอฟริกา และบางประเทศในยุโรป
ในประเทศเหล่านี้ วิชาประวัติศาสตร์มิใช่ "ศาสตร์ว่าด้วยความจริงในอดีต" หรือระเบียบวิธี (methodology) ในการสอบสวนหาความจริงในอดีต
หากแต่เป็นเรื่องราว (accounts) ที่ร้อยเรียงกันมาแล้วเพื่อผลทางการเมืองเป็นสำคัญ โดยเฉพาะเพื่อสร้างความชอบธรรมของตนเอง
โดยมักผสมความจริงกับความเท็จ หรือความจริงด้านเดียว (half truth) เข้าไป แล้วประพันธ์ร้อยเรียงให้ดูสมเหตุสมผลจนยากที่บุคคลที่มิใช่นักประวัติศาสตร์หรือบุคคลที่ไม่ค่อยมีเวลาจะไปค้นคว้าตรวจสอบจะสามารถแยกแยะว่าเรื่องใดเป็นเรื่องจริง เรื่องใดเป็นเรื่องเท็จ
หลายคนในสังคมเช่นนี้อาจจะไม่เคยทราบเลยว่าเรื่องที่ตนทราบและฝังหัวมาตลอดชีวิตนั้น เป็นเรื่องเท็จ หรือประเภท "not quite"
โดยเฉพาะเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่รับรู้มาจากตำราเรียน ในภาพยนตร์ ในวิทยุโทรทัศน์ หรือจากบุคคลที่เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกับอำนาจรัฐ
เพราะเป้าหมายเบื้องต้นของวัตถุ (materials) หรือบุคคลเหล่านี้ก็ "เพื่อสร้างพลเมืองตามแนวทางของรัฐ" อยู่แล้ว
ข้อนี้ทำให้หวนระลึกถึงข้อคิด/ข้อเตือนใจที่เป็น "อกาลิโก" (timeless) จาก George Orwell นักคิดนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลกในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ที่เขียนเตือนพวกเราเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไว้ว่า
"Who controls the present controls the past. Who controls the past controls the future."
ดังนั้น ผมจึงอยากให้พวกเราถือเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เราได้เรียนรู้หรืออ่านมาแบบ "ฟังหูไว้หู" ไว้ก่อน อย่าเพิ่งมั่นใจมาก หรืออย่าเพิ่งไปแนะนำสั่งสอนคนอื่นให้ไปอ่านประวัติศาสตร์
เว้นแต่คุณจะมีเวลาได้ไปสอบสวนทวนความจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ จนมั่นใจมากขึ้นแล้ว
ด้วยความเคารพครับ