วันศุกร์, มิถุนายน 12, 2563

‘เจ๊รัง’ เอาอย่าง ‘อี๊เอ๋’ "เบี่ยงเบนความสนใจของมหาชน จากเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวาน" บ่น ก๋วยเตี๋ยวสภาไม่ร้อน

ใครๆ ก็ร้อง ให้ตายสิส.ส.รัฐบาลไทย มีอะไรต่ออะไรควรต้องใส่ใจเยอะแยะ ไหนจะพรรค พปชร.กำลังจะแตก นี่ก็ ปชป.เอาบ้าง เริ่มมีการรณรงค์จะ ไล่จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลงจากหัวหน้า เอาเดอะม้าร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับ

ทางพลังประชารัฐเขามี ปารีณาเป็นตัวเบี่ยงเบนความสนใจของมหาชน จากเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างกรณีประธานชวน หลีกภัย ยอมส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะของ ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าเคยต้องคดีที่ออสเตรเลีย ยังเป็นรัฐมนตรีได้ไง

คราวนี้ ส.ส. ฉี่ฉุนของประชาธิปัตย์เล่นบท อี๊เอ๋ ขณะที่ประเทศใกล้ฉิบหาย โลกก็วุ่นวายยังไม่พ้นโควิดดี มี จ๊อร์จ ฟลอยด์มาแข่ง แถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ #saveวันเฉลิม มาแทรก เมื่อยูเอ็นสั่งกัมปูเจียสอบไวๆ แจ้งผลในสองอาทิตย์
รังสิมา รอดรัสมี ส.ส.สมุทรสงครามขอเป็นข่าวกับเขาบ้าง แจ้งที่ประชุมสภาผู้แทนฯ แอร์ห้องประชุมเย็นมากเกินไป หนาว ช่วยลดหน่อย ซ้ำโรงอาหารสภา ก๋วยเตี๋ยวไม่ร้อน เดี๋ยว ส.ส.ท้องอืดกันตายห่ เพราะไม่อนุญาตให้ใช้แก๊สหุงต้มแทนไฟฟ้า

อ้อ แล้วก็โรงอาหารนั่นไม่มีเครื่องดูดควันนะทั่นประธาน กลิ่นเข้าไปถึงในห้องประชุม ทั้งกะปิและปลาเค็มยั่วยวน สูดแล้วไม่มีสมาธิพิจารณาพระราชบัญญัติอะ โอ๊ย แถมลานจอดรถก็ยุงเยอะเหลือเกิน ขอเจ้าหน้าที่ไปช่วยฉีดยาไล่หน่อยเหอะ

ว่าไปแล้วคุณภาพคับหลอดของ ส.ส.หญิงประชาธิปัตย์นางนี้ วนเวียนอยู่กับเรื่องสวัสดิการรัฐสภา ครั้งที่พรรคเพื่อไทยเป็นประธานก็ไปดึงเก้าอี้ออกซะ เดาเอานะคงจะเห็นว่านั่งสบายเกินไป ไม่ค่อยฟังเสียงโวยวายของฝ่ายค้านตอนนั้น (ปชป.)

ก่อนหน้านั้นเธอว์ก็โวยวายเรื่องห้องน้ำสภาฯ สกปรก ชำรุด ขนาดชักโครกต้องใช้เชือกฟางผูกไว้ แบบนั้นขาดสุขภาพอนามัย ทำให้เป็นห่วงสวัสดิภาพของตำรวจรัฐสภากว่าร้อยคน ต้องใช้ห้องน้ำห้องเดียวร่วมกัน ซ้ำร้ายห้องนอนตำรวจคับแคบเกินไป (?)


เอานะพี่น้อง ต้องตั้งสติดีๆ อย่าได้หลงกล อี๊เอ๋ หรือ เจ๊รัง ทำให้ติดเทร็นด์ทวิตเตอร์เชียวล่ะ เพราะรัฐบาลชุด คสช.๒ นี่ชอบ ลักหลับไม่ทำให้เคลิบเคลิ้มก็ซู่ซ่า ‘aroused’ อย่างใดอย่างหนึ่ง ดูแต่ CPTPP นั่นไร เผลอแป๊บ กกร.แอบออกมติจะไปร่วมกับเขาแล้ว

“เห็นควรสนับสนุนให้ไทยเข้าร่วมเจรจากับกลุ่มประเทศ CPTPP เดือนสิงหาคม ๒๕๖๓” อ้างว่าจะได้รู้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หากไม่เข้าท่าก็ไม่เอาได้ “เรื่องพันธุ์พืชที่หลายฝ่ายเป็นห่วงนั้น ยังไม่ได้ไปเจรจา ดังนั้นจึงไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน”
นี่ละยุคสืบทอดอำนาจ เขาชอบอ้างกันอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านวิจารณ์กันทั่วอึงคนึง “ปัญหาที่จะทำให้ไทย เสียประโยชน์ อยู่ในกลุ่มประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาล้วนๆ เป็นประเด็นเกี่ยวกับสิทธิบัตรพันธุ์พืชและสิทธิบัตรยา” เพจ BrandThink ชี้ไว้

มีกลไกที่ชื่อ Compulsory Licensing (นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า CL) ซึ่งอธิบายง่ายๆ ก็คือ รัฐทุกรัฐมีสิทธิ์ชอบธรรมในการงดการคุ้มครองสิทธิบัตรอะไรก็ได้ถ้าจำเป็น” แต่ถ้าเข้าเป็นภาคีจะใช้กลไกนี้ไม่ได้ เพราะ CPTPP เปิดช่องให้บริษัทผู้ผลิตฟ้องรัฐถ้าใช้ ซีแอล

อีกอย่างก็เรื่องอนุสัญญาคุ้มครองพันธุ์พืช UPOV 1991 ซึ่งขยายเวลาคุ้มครองสิทธิบัตรออกไปเป็น ๒๐ ปี เพจนี้เขาเอาเรื่องกัญชามายกตัวอย่าง “ถ้าเราจะเอากัญชาไปแปรรูปทุกครั้ง เราต้องไปขออนุญาติเจ้าของสายพันธุ์ก่อน ซึ่งในทางปฏิบัติคนแปรรูปก็ต้องแบ่งเงินรายได้” ให้


ที่พวกกรรมการร่วมภาคเอกชน ไม่ว่าหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม หรือสมาคมธนาคารไทย เอออวยจะไปร่วมประชุมกับซีพีทีพีพีเดือนสิงหา “เป็นประโยชน์สำหรับการปรับตัวของประเทศ” หลังจากเศรษฐกิจทรุดมาต่อเนื่อง จีดีพีหด ส่งออกหาย ฟังไม่ขึ้น

เพราะการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยจะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อการค้าการขายในระดับชาวบ้านบนท้องถนนกลับมาเกิดใหม่ CPTPP จะทำให้ เจ้าสัวยิ่งถีบตัวเป็น จ้าวชีวิตผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร และพ่อค้าปลีก ยิ่งไปกว่าก่อน พวกสุขสบายมีแต่คนที่เจ้าสัวชื่นชมนักหนาขณะนี้แหละ