วันศุกร์, กันยายน 06, 2562

เจอเหตุโปรเฟ็สเซ่อโฆษก ‘โชว์งั่ง’ หมายอวด 'สมถะ' กลบงบฯ คสช.๒ เพิ่ม (ขาดดุล) แต่ 'failed'

นี่คิดเอาเองนะ เหตุที่โปรเฟ็สเซ่อโฆษก โชว์งั่งโพสต์รูปข้าวกะเพราไข่ดาวในกล่องพล้าสติกที่นายกฯ กินบนเครื่อง อวด สมถะทำให้เสียหน้าว่าไม่ รักษ์โลกเลยโดนนายด่า “ทีหลังอย่าให้เห็นอีก”

เสร็จต้องออกมาขอโทษขอโพย หนู “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” นั่นน่ะ เพื่อกลบเกลื่อนงบกรณีประมาณกลาโหมเพิ่ม ที่ประชาชนร้องว้าก็เป็นได้ ลูกไม้วิชามาร คสช. อย่างนี้ลิ่วล้อต้องเรียนไวสิ

ผ่านแล้วมติ ครม. คสช.๒ ของประยุทธ์ สำหรับปี ๒๕๖๓ วงเงิน ๓.๒ ล้านล้าน เพิ่มจากปีที่แล้ว ๒ แสนล้านบาท “อีกทั้งยังเป็นการตั้งงบขาดดุลบัญชี ๔๖๙,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีก่อนที่ตั้งงบขาดดุล ๔๕๐,๐๐๐ ล้านบาท”

ทั้งนี้อ้างว่า “เป็นการจัดสรรตามยุทธศาสตร์สำคัญ ๖ ด้าน” จึงได้มีหน่วยงานที่ได้งบประมาณเพิ่มตามนโยบายสืบทอดอำนาจระนาว เช่น กลาโหม คลัง มหาดไทย พัฒนาสังคม ดิจิทัล เกษตรฯ ฯลฯ และสำคัญขาดไม่ได้คือ งบกลาง
 
ที่นายกฯ จะควักใช้ได้ทันทีเหมือนมีเงินสดติดกระเป๋า ปีนี้ถึง ๕ แสนล้านกว่า เพิ่มขึ้น ๔๗,๒๓๘ ล้านบาท นอกเหนือจากที่มหาดไทยได้สองทาง นอกจากงบฯ ปกติ ๓.๕ แสนล้านแล้ว มีงบฯ ปกครองท้องถิ่นอีก ๕.๕ หมื่นล้านด้วย

โดยเฉพาะสำหรับปี ๖๓ มีงบ “รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง” (ที่ คสช.๑ ถลุงไปตลอด ๕ ปีที่ผ่านมาแล้วยังไม่ได้ใส่กลับ) ถ้วนๆ อีก ๖๒,๗๐๙ ล้านบาทด้วย นอกนั้นก็มีงบฯ สำหรับ ส่วนราชการในพระองค์ที่สะดุดตาพสกนิกรพอควร ปีนี้ได้ ๗,๖๘๕ ล้านบาท

เหตุที่มีความสนใจต่องบฯ ส่วนนี้เกิดขึ้นน่าจะเพราะว่า พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ นี่ทรงเป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก (๓,๕๐๐ ล้านดอลลาร์) ตามการจัดอันดับของฟอร์บเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งในรัชสมัยของพระชนกนาถก็ทรงรวยขนาดนี้แหละ

แต่ว่าตอนนั้นมีการจัดบัญชีก้ำกึ่งอยู่นิดหน่อย บางส่วนในทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เหมือนว่ากระทรวงคลัง (แผ่นดิน) เป็นเจ้าของร่วม แต่มารัชสมัยนี้ คสช.จัดการโอนให้เป็น ส่วนพระองค์ หมดแล้ว จึงมีประชากรบางส่วนที่ไม่ค่อยรู้ตื้นลึกหนาบาง งงๆ กันบ้าง
 
ไม่ทราบว่า “แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง” ในงบฯ สำหรับส่วนราชการในพระองค์ที่ปีนี้เพิ่มมากกว่าปีที่แล้ว ๑๓ เปอร์เซ็นต์ (ตัวเงิน ๘๘๕ ล้านบาท) นั้นจำเป็นต้องแยกออกมาจากงบฯ ความมั่นคงของกระทรวงที่ได้เพิ่มหลายพันล้านด้วยเหตุใด

อย่าง กลาโหมที่งบฯ ปี ๖๓ อยู่ที่เกิน ๒.๓ แสนล้าน กองทัพบกเอาไปมากสุด ๑.๑๓ แสนล้าน เพิ่มจากปี ๖๒ สองเปอร์เซ็นต์กว่าๆ โดยไปเติมให้แผนงานความมั่นคง ๑๕,๙๓๐ ล้าน ศักยภาพป้องกันประเทศ ๓๒,๙๖๐ ล้าน

แล้วยังมีที่เพิ่มให้แผนงานซ้ำซ้อน เช่น “แผนยุทธศาสตร์เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลัก” ๓๓๖ ล้าน กับ “แผนงานยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง” อีก ๓,๖๕๙ ล้าน อย่างนี้เป็นต้น

มีข้อชวนสังเกตุต่อการที่กองทัพและสำนักราชวัง มีความพัวพันกันอยู่ในด้านความมั่นคง ให้ต้องตั้งงบฯ ซ้ำซ้อนบางอย่าง บังเอิญมีบทความของสื่อนอกจากอังกฤษบอกว่า กองทัพไทยยุคนี้แนบสนิทกับราชวังยิ่งกว่าสมัย ร.๙ เสียอีก

ดิ เอ็คคอนอมิสต์ ไม่รู้มโนหรือเปล่านะ ว่า “อำนาจของประยุทธ์เหนือกองทัพบกที่เขาเคยกำกับกำลังจางลงไป โดยมี คิงมหาวชิราลงกรณ์ เข้ามาแทนที่ ทรงมีอิทธิพลเหนือ คนในเครื่องแบบ ทั้งชายและหญิงอย่างรวดเร็วมาก”
 
บทความชื่อ “Relations between Thailand’s army and king are becoming one-sided.” บอกว่า อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.จะเกษียณปีหน้า ผู้บัญชาการคนต่อไปจะต้องมาจากทหารรักษาพระองค์ (วงศ์เทวัญ) ร.๑ แน่ๆ

ดิ เอ็คคอนอมิสต์อ้างนักวิชาการมหาวิทยาลัยนเรศวร พอล เชมเบอร์ ว่า “วันของประยุทธ์ลดน้อยลงไปทุกทีแล้ว” และ “เมื่อสิ่งที่หนีไม่พ้นเกิดขึ้น การรัฐประหารครั้งต่อไปโดยทัพบก จะอยู่ภายใต้บัญชาการของพระมหากษัตริย์”


ส่วนราชการที่ได้รับงบประมาณชนิดที่ชาวบ้านหูตาลุก น่าจะเป็นกระทรวงใหม่ที่กลายสภาพมาจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เดี๋ยวนี้เรียกกระทรวงอุดมศึกษา...เติมท้ายด้วย นวรรตกรรมได้รับการตั้งงบให้ ๑๔๐,๔๔๔ ล้านบาท

นอกจากจะได้เพิ่มจากเดิมเกือบ ๓ พันล้านแล้ว มีข้อน่าฉงนตรงที่กระทรวงนี้รวบเอาสถาบันอุดมศึกษามาอยู่ในครอบทั้งหมด แต่มีมหาวิทยาลัย ๕๓ แห่งถูกปรับลดงบประมาณลง มหิดลโดนไปเป็น พันล้าน อีก ๒๓ สถาบันโดนหั่นกันในหลัก ร้อยล้านจุฬา ธรรมศาสตร์ เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา บูรพา โดนกันถ้วนหน้า

ขณะที่หน่วยงานด้านนิติบัญญัติและตุลาการก็ถูกลดงบประมาณกันระนาวเหมือนกัน สำนักเลขาธิการสภาลด ๑๘ เปอร์เซ็นต์กว่า เลขาธิการสภาผู้แทนฯ ลด ๑๓ เปอร์เซ็นต์ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และอื่นๆ งบฯ รวมลดลง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ครึ่ง

มีแต่ศาลรัฐธรรมนูญได้เพิ่ม ๒๕.๘๓% น่าจะเป็นเพราะงานยุบพรรคการเมืองฝ่ายค้านหนักหนาเอาการอยู่