วันพฤหัสบดี, กันยายน 05, 2562

คำของ 'ท้อป' ศิลปอาชา "ใช้สมองหน่อย อย่าแค่เอาหัวไว้ทัดหู" ใช้ได้กับผู้นำที่ไม่เคยโชว์กึ๋น

ตุ๊ดตู่นี่ชักจะเลอะเทอะเละเทะไปใหญ่ กว่าจะโผล่ไปดูน้ำท่วมเกือบไม่ทันน้ำลด มัวแต่เก้งก้างเปลี่ยนรองเท้าก้าวลงจากเรือ ต้องให้ ทส.สามสี่คนช่วยประคอง แต่ที่หนักหนาก็การพูดจามั่วซั่วซ้ำซากอยู่นั่นแล้ว เรื่องถวายสัตย์ไม่ครบ

“ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง” ก็ในเมื่อที่เขาท้วงติงกันนั่นไม่ใช่ประเด็นขั้นตอนเสียหน่อย มันเป็นปัญหาเนื้อถ้อยกระทงความไม่ครบ ตกหล่น (ที่จริง ตัดออก) ในเรื่องที่ควรบอกว่าจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องมีรัฐธรรมนูญด้วย

ถามได้ “เคยอ่านรัฐธรรมนูญกันมั้ย” คนที่ต้องถูกถามก็ตัวเองนั่นละ ดึงดันจะเอาอย่างต้องการให้ได้ แล้วทั้งเลี่ยงทั้งเบี่ยงทั้งบิดเบือน อ้างพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเห็นชอบ ล่าสุดไปพูดที่พิษณุโลกอ้างอีก “แล้วใครลงพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จบแล้วใช่มั้ย”


โน! ไม่ใช่เลย ถ้าเป็นประเด็นพิธีกรรมและขั้นตอนอาจใช่ แต่นี่เป็นเรื่องเนื้อหาไม่ครบ ตบตาพระเจ้าอยู่หัวฯ อีกต่างหาก เหมือนถวายพระแสงดาบในฝักลายกนกลงรักเลี่ยมทอง แต่ภายในดาบหักเหลือครึ่งเดียวงี้ ถ้าเป็นยุคพระยาพิชัยต้องใช้ดาบทื่อๆ นั่นละตัดหัวจนกว่าจะขาด

ที่ว่ามาก็แค่อุปมาอุปมัย ในเมื่อประยุทธ์ชอบพูดบิดเบี้ยวไปอย่างน้ำขุ่นๆ เสียจนเคยตัว ถือดีว่ามีอำนาจล้นฟ้าละหรือ นี่ถ้าเป็น ท้อป วราวุธ ศิลปอาชา เขาต้องบอกว่า ใช้สมองหน่อย อย่าแค่เอาหัวไว้ทัดหู โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วมนั่นละ

บอกว่าที่ไหน “น้ำท่วมแล้วท่วมอีกก็ให้กักเก็บน้ำไว้เลย แล้วไปทำประมง” พูดเอาง่ายเข้าว่า ไม่ได้คิดถึงสภาพความเป็นจริง ในเมื่อพื้นที่ไหนลุ่มมากจนน้ำท่วมไม่หยุดหย่อน ถ้าไม่มีปัญญาถมที่ให้สูงกว่าระดับน้ำได้ก็ต้องเลิกเพาะปลูกอยู่แล้ว

ปัญหาคราวนี้อยู่ที่น้ำท่วมโดยไม่ปกติเนื่องจากพายุโซนร้อน แล้วระบบการเตือนภัยและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่มี ไร่นาของเกษตรกรจึงเสียหาย ชาวบ้านต้องระเห็ดขึ้นไปรอความช่วยเหลือกันอยู่บนหลังคา ถ้า ครม. ของประยุทธ์ “คิดทุกวันจะแก้ปัญหาน้ำท่วมให้ประชาชนอย่างไร” แล้วยังแก้ไม่ได้ละก็ เข้าข่ายคำคมของ ท้อปแล้วละ

เรื่องนี้ไหนๆ เอ่ยถึงแล้ว ต้องวกเข้าไปหน่อย เพราะดูเหมือนมันเป็นสัญญาน ไก่จิกกันในข้องอีกแล้ว อันเกิดจากอดีต ส.ส.สอบตกของพรรคพลังประชารัฐคนหนึ่งอ้างตน “จำเป็นต้องกระตุ้น และรัฐมนตรีไม่ควรทุจริตเนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีนโยบายปราบปรามการทุจริต”

และไม่บังเอิญที่รัฐมนตรีคนนั้นอยู่พรรคร่วมรัฐบาล (ชาติไทยพัฒนา) ถึงจะข้างเดียวกันแต่คนละขั้วกับ ธีทัชฐ์ เกียรติลดารมย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขตบางขุนเทียน ที่ไปร้องเรียนกับ สิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. ของพรรค พปชร. ว่าอธิบดีกรมอุทธยานซื้อตำแหน่ง

“เป็นเงิน ๖๐๐ ล้านบาท โดยจ่ายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ๓๐๐ ล้านบาท ให้กับวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะจ่ายอีกครึ่งหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า”
 
โดนเข้าซึ่งหน้าอย่างนั้น ท้อป สวนทันควันในวันเดียวกันเลย บอก “ผมได้โยกย้ายแต่งตั้งปลัดกระทรวง อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และอธิบดีกรมน้ำบาดาล เรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่มีเรื่องร้องเรียนอะไรเลย”

แต่นี่เป็นเรื่อง “เกี่ยวกับกรมอุทยาน ที่ไม่ได้มีการโยกย้ายอะไรเลย แล้วถ้าเป็นจริง อธิบดีเหลืออีกหกเดือน ต้องหาเงินเดือนละ ๑๐๐ ล้าน” มาจ่าย “ถ้าใช้สมองคิด ก็จะเห็นได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” ก็ไม่รู้ละเบื้องลึกมีลับลมคมนัยอะไรแค่ไหน


แต่เบื้องหน้านี่แสดงให้เห็นว่า ลำพังนักการเมืองในคอก คสช.๒ นี่ งูเงี้ยวเขี้ยวขอทั้งนั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟัดกันระหว่างพลังประชารัฐกับพรรคร่วมรัฐบาล ยิ่งในสภาพที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ได้เวลาโชว์กึ๋นเสียที

สถานที่จะต้องแสดงวิสัยทัศน์และบุคคลิกภาพ ในมาดผู้นำการบริหารบ้านเมืองให้น่าเลื่อมใส ก็เบี่ยงไปเบี่ยงมาเลี่ยงแล้วเลี่ยงอีก แทนที่จะตอบข้อซักถามของ ส.ส.ในสภาด้วยเหตุและผล โน่นไปยืนเกาะโพเดี้ยมพูดให้ชาวบ้านที่เกณฑ์มานั่งฟังแทน ง่ายดี