ตุ๊ดตู่นี่ชักจะเลอะเทอะเละเทะไปใหญ่
กว่าจะโผล่ไปดูน้ำท่วมเกือบไม่ทันน้ำลด มัวแต่เก้งก้างเปลี่ยนรองเท้าก้าวลงจากเรือ
ต้องให้ ทส.สามสี่คนช่วยประคอง แต่ที่หนักหนาก็การพูดจามั่วซั่วซ้ำซากอยู่นั่นแล้ว
เรื่องถวายสัตย์ไม่ครบ
“ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง” ก็ในเมื่อที่เขาท้วงติงกันนั่นไม่ใช่ประเด็นขั้นตอนเสียหน่อย
มันเป็นปัญหาเนื้อถ้อยกระทงความไม่ครบ ตกหล่น (ที่จริง ‘ตัดออก’)
ในเรื่องที่ควรบอกว่าจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องมีรัฐธรรมนูญด้วย
ถามได้ “เคยอ่านรัฐธรรมนูญกันมั้ย” คนที่ต้องถูกถามก็ตัวเองนั่นละ
ดึงดันจะเอาอย่างต้องการให้ได้ แล้วทั้งเลี่ยงทั้งเบี่ยงทั้งบิดเบือน
อ้างพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเห็นชอบ ล่าสุดไปพูดที่พิษณุโลกอ้างอีก “แล้วใครลงพระปรมาภิไธย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จบแล้วใช่มั้ย”
(https://www.posttoday.com/politic/news/599770,
https://www.facebook.com/100001454030105/posts/2511074505617659 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_1656333)
โน! ไม่ใช่เลย
ถ้าเป็นประเด็นพิธีกรรมและขั้นตอนอาจใช่ แต่นี่เป็นเรื่องเนื้อหาไม่ครบ ตบตาพระเจ้าอยู่หัวฯ
อีกต่างหาก เหมือนถวายพระแสงดาบในฝักลายกนกลงรักเลี่ยมทอง
แต่ภายในดาบหักเหลือครึ่งเดียวงี้ ถ้าเป็นยุคพระยาพิชัยต้องใช้ดาบทื่อๆ
นั่นละตัดหัวจนกว่าจะขาด
ที่ว่ามาก็แค่อุปมาอุปมัย
ในเมื่อประยุทธ์ชอบพูดบิดเบี้ยวไปอย่างน้ำขุ่นๆ เสียจนเคยตัว ถือดีว่ามีอำนาจล้นฟ้าละหรือ
นี่ถ้าเป็น ‘ท้อป’ วราวุธ
ศิลปอาชา เขาต้องบอกว่า ‘ใช้สมองหน่อย’
อย่าแค่เอาหัวไว้ทัดหู โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วมนั่นละ
บอกว่าที่ไหน “น้ำท่วมแล้วท่วมอีกก็ให้กักเก็บน้ำไว้เลย
แล้วไปทำประมง” พูดเอาง่ายเข้าว่า ไม่ได้คิดถึงสภาพความเป็นจริง
ในเมื่อพื้นที่ไหนลุ่มมากจนน้ำท่วมไม่หยุดหย่อน
ถ้าไม่มีปัญญาถมที่ให้สูงกว่าระดับน้ำได้ก็ต้องเลิกเพาะปลูกอยู่แล้ว
ปัญหาคราวนี้อยู่ที่น้ำท่วมโดยไม่ปกติเนื่องจากพายุโซนร้อน
แล้วระบบการเตือนภัยและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่มี ไร่นาของเกษตรกรจึงเสียหาย ชาวบ้านต้องระเห็ดขึ้นไปรอความช่วยเหลือกันอยู่บนหลังคา
ถ้า ครม. ของประยุทธ์ “คิดทุกวันจะแก้ปัญหาน้ำท่วมให้ประชาชนอย่างไร”
แล้วยังแก้ไม่ได้ละก็ เข้าข่ายคำคมของ ‘ท้อป’
แล้วละ
เรื่องนี้ไหนๆ เอ่ยถึงแล้ว ต้องวกเข้าไปหน่อย
เพราะดูเหมือนมันเป็นสัญญาน ‘ไก่จิกกันในข้อง’
อีกแล้ว อันเกิดจากอดีต ส.ส.สอบตกของพรรคพลังประชารัฐคนหนึ่งอ้างตน “จำเป็นต้องกระตุ้น
และรัฐมนตรีไม่ควรทุจริตเนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีนโยบายปราบปรามการทุจริต”
และไม่บังเอิญที่รัฐมนตรีคนนั้นอยู่พรรคร่วมรัฐบาล
(ชาติไทยพัฒนา) ถึงจะข้างเดียวกันแต่คนละขั้วกับ ธีทัชฐ์ เกียรติลดารมย์
อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขตบางขุนเทียน ที่ไปร้องเรียนกับ สิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม.
ของพรรค พปชร. ว่าอธิบดีกรมอุทธยานซื้อตำแหน่ง
“เป็นเงิน ๖๐๐ ล้านบาท
โดยจ่ายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ๓๐๐ ล้านบาท ให้กับวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะจ่ายอีกครึ่งหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า”
โดนเข้าซึ่งหน้าอย่างนั้น ‘ท้อป’ สวนทันควันในวันเดียวกันเลย บอก “ผมได้โยกย้ายแต่งตั้งปลัดกระทรวง
อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ
และอธิบดีกรมน้ำบาดาล เรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่มีเรื่องร้องเรียนอะไรเลย”
แต่นี่เป็นเรื่อง “เกี่ยวกับกรมอุทยาน
ที่ไม่ได้มีการโยกย้ายอะไรเลย แล้วถ้าเป็นจริง อธิบดีเหลืออีกหกเดือน
ต้องหาเงินเดือนละ ๑๐๐ ล้าน” มาจ่าย “ถ้าใช้สมองคิด ก็จะเห็นได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
ก็ไม่รู้ละเบื้องลึกมีลับลมคมนัยอะไรแค่ไหน
(https://www.matichon.co.th/politics/news_1655834
และ https://thestandard.co/varawut-silpa-archa-corruption/)
แต่เบื้องหน้านี่แสดงให้เห็นว่า
ลำพังนักการเมืองในคอก คสช.๒ นี่ งูเงี้ยวเขี้ยวขอทั้งนั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟัดกันระหว่างพลังประชารัฐกับพรรคร่วมรัฐบาล ยิ่งในสภาพที่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ได้เวลาโชว์กึ๋นเสียที