เพราะเปรมชัยแท้ๆ ทำให้โครงการลาดตระเวณผืนป่าตะวันตกของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า
เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างขึ้น
โครงการนี้มีกำหนดตั้งแต่มกราคม ๒๕๖๐
ถึงธันวาคม ๒๕๖๑ โดยจัดหน่วยลาดตระเวณคุ้มครองป่าทั่วทุก ๖ จังหวัดในเขต “ตั้งแต่จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์
กำแพงเพชร และตาก”
บทความเรื่อง “ผู้พิทักษ์ป่า
:เราเฝ้าป่าไว้ให้คนไทยทั้งชาติ”
https://taejai.com/th/d/save_forest/?utm_source=twitter&utm_campaign=save_forest ระบุ
“ผืนป่าแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งป่าไม้ที่มีเกือบครบทุกประเภทป่าที่มีอยู่ในเมืองไทย
และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่สำคัญในเมืองไทย เช่น ช้าง กระทิง วัวแดง
ควายป่า สมเสร็จ เสือโคร่ง ฯลฯ
รวมถึงชุมชนที่อยู่รอบผืนป่าตะวันตก ๔๐๐
กว่าชุมชนที่มีปัญหาภัยคุกคาม เช่น การล่าสัตว์ป่า ตัดไม้ ฯลฯสาเหตุส่วนใหญ่นั้นล้วนมาจากคน”
จึงต้องใช้ ‘คน’ ที่เป็นคณะเจ้าหน้าที่เดินท่องไปในผืนป่าเพื่อการตรวจสอบ
ปกป้อง “ต้องไปใช้ชีวิตอยู่กลางป่า กินนอนอยู่ท่ามกลางเห็บและทาก
ต้องเผชิญหน้ากับพราน คนรุกป่า บางครั้งถึงกับยิงต่อสู้กัน”
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้รับผิดชอบขับเคลื่อนโครงการนี้
“ซึ่งการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวยังขาดความพร้อมเรื่องเสบียงอาหาร ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงที่ชุดลาดตระเวนเป็นผู้รับผิดชอบตนเอง
ทั้งการเดินลาดตระเวนเป็นงานที่ต้องเสี่ยงอันตรายจากผู้กระทำผิดกฎหมาย
และจากการเดินลาดตระเวนในป่าโดยไม่มีสวัสดิการ/สวัสดิ์ภาพอื่นใด” มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
จึงได้จัดการรณรงค์ “เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการบริจาคทุนทรัพย์สนับสนุนการจัดซื้อข้าวสารและอุปกรณ์ในการเดินลาดตระเวน”
นี้เป็นเบื้องต้น
ก็ได้รับการตอบสนองอย่างดี
บรรลุผลแล้วถึง ๑๑๒% ภายใน ๒๑ วัน ทำให้ยอดบริจาคขณะนี้เป็นจำนวนเงิน
๔๔๗,๘๐๙ บาท จากเป้าหมาย
๔๐๐,๐๐๐ บาท
แต่กระนั้นโครงการเพื่อปกปักรักษา
และอนุรักษ์ผืนป่าธรรมชาติ ยังต้องดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด การรับบริจาคยังคงเปิดอยู่สำหรับผู้มีกำลังทรัพย์พร้อมกับจิตศรัทธา
สามารถบริจาคเพิ่มกันได้หลายช่องทาง รวมทั้งผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
ผู้สนใจเข้าไปมีส่วนร่วมกันได้ที่เว็บ
‘เทใจ’ taejai.com ตามลิ้งค์ที่ให้ไว้ต้นข้อเขียนนี้
สำหรับข่าวคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีที่นายเปรมชัย
กรรณสูต ถูกตั้งข้อหาบุกรุกป่าล่าสัตว์คุ้มครอง และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนนั้น
หลังจากเจ้าตัวอ้างว่าเพียงเข้าไปพักผ่อน ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง เนิ่นนานเป็นเวลา
๓๐-๔๐ ปีมาแล้ว
ปรากฏ
‘ไทยรัฐทีวี’ ค้นพบข้อมูลและหลักฐานภาพถ่าย ชี้ชัดว่านายเปรมชัยและคณะเพิ่งเข้าป่าล่าสัตว์เมื่อเดือนธันวาคม
๒๕๕๙ นี่เอง
ลูกน้องโพสต์ไว้ว่า
“ไปเที่ยวกับนาย” คนถาม “พี่ไปทำอะไร” ตอบว่า “เที่ยวป่าล่าสัตว์”
นอกจากนั้นกระแสอนุรักษ์ป่ากลับมาแรงอีกครั้ง
พร้อมทั้งการตื่นรู้ถึงความลักลั่นสองมาตรฐานในการปฏิบัติงานราชการไทยยุค คสช.
เมื่อมีการคุ้ยพบว่า
น.ส.กาญจนา
นิตยะ อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว
เคยปฏิเสธทีมถ่ายทำรายการอนุรักษ์ธรรมชาติของ ‘ติ๊ก’ เจษฎาภรณ์ ผลดี เมื่อปี
๒๕๕๔ มาปีนี้ กุมภาพันธ์ ๖๑ เป็น ผอ.สำนักอนุรักษ์ฯ กลับอนุญาตนายเปรมชัย ‘ไม่ชำนาญทาง’ เข้าไปท่องเที่ยวล่วงล้ำเขตคุ้มครองป่าทุ่งใหญ่ฯ
อันทำให้นายวิเชียร
ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ทุ่งใหญ่ฯ ตะวันตก ผู้นำกำลังเข้าจับกุมนายเปรมชัย
แล้วต่อมาประกาศสู้ไม่ถอย ไม่กลัวใคร ได้รับความนิยมชมชอบอย่างโด่งดังยิ่ง ท่ามกลางปรัชญามวลชนแบบ
‘Romanticizing’
คนดี-คนกล้า (ไม่ต้องเก่งก็ได้) ในสังคมไทย
ขนาดพระพี่นางเธอ
(ในรัชกาลที่ ๑๐) เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาฯ เข้าไปโพสต์ข้อความในหน้าอินสตาแกรมข่าวเกี่ยวกับนายวิเชียรของไทยรัฐว่า
“nichax สู้ สู้ คุณวิเชียร ชิณวงษ์”
พี้คไปกว่านั้น คนดังในสังคมอย่าง วิกรม กรมดิษฐ์
ที่เมื่อไม่นานมานี้ตกเป็นข่าวอื้อฉาวกรณีสะสมนกเงือกสัตว์ป่าพันธุ์สงวนและคุ้มครอง
ก็ยังร่วมยกย่องนายวิเชียรตามกระแส ‘รักปักใจ’
คนดีในสังคมไทยไปด้วย