ฝนมาแล้ว วันนี้ (๑๗ มีนา) มีรายงานน้ำท่วมตามท้องถนนกรุงเทพฯ หลายแห่ง สามปีที่แล้วเป็นอย่างไร ตลอดสามปีที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนั้น
(ภาพประกอบจาก sirinnn @sirinth42487784 แจ้ง จส.๑๐๐ ว่า “รามคำแหง ๖๕ ทะลุออกลาดพร้าว ๑๒๒ ค่ะะะ ท่วมหนักมาก”)
วันนี้เช่นกัน นักวิชาการสถาบันคลังสมอง ไปบรรยายในการประชุมวิชาการของกรมการข้าว ถึงสถานการณ์ข้าวไทยในตลาดส่งออก บอกว่าปีนี้เฉาแน่ ราคาจะอยู่ที่ตันละ ๗ พันถึง ๗,๗๐๐ บาท ไม่มีทางเกิน ๘ พันแน่ๆ
นายสมพร อิศวิลานนท์ ให้เหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ราคาข้าวไม่ยอมขึ้นตลอดยุคที่ คสช.ครองเมือง ไม่ใช่เพราะชาวนาไม่ยอมปลูกหมามุ่ยแทน
ครั้นจะหันไปปลูกสตรอแบรี่ พวกเขาเห็นความช่างพูดของหัวหน้าคสช. และลิ่วล้อแล้วระเหี่ย
แท้จริงผลผลิตข้าวกลับมากกว่าปริมาณที่ต้องการราว ๕ ล้านตัน (มีตลาดเพียง ๒๕-๒๗ ล้านตัน ดันปลูกได้ ๓๐-๓๒ ล้านตัน) ชี้ให้เห็นว่านโยบายให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ชาวนาที่ลดการปลูกข้าวแล้วไปปลูกพืชน้ำน้อยแทน ไม่ได้ผล
สาเหตุหนึ่งที่ราคาข้าวไทยในตลาดโลก ตกลงมาเหลือตันละ ๗๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งที่เมื่อก่อนราคาเป็นพัน ไม่ใช่เพราะเวียตนามถูกกว่า และขายมากกว่า เป็นที่นิยมสูงสุดในตลาดโลกขณะนี้
แต่เป็นเพราะข้าวหอมมะลิไทยเดี๋ยวนี้หมดเสน่ห์ มนต์ขลังหดหาย “เนื่องจากพบว่าขณะนี้ข้าวหอมมะลิของไทยมีกลิ่นหอมลดลง”
ผู้บรรยายชี้ให้เห็นด้วยว่า “กลิ่นหอมที่หายไป ทำให้ไทยไม่ได้ค่าพรีเมียมข้าว” ราคาถึงได้ตก
แม้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ จะชี้ทางแก้ไข ให้พัฒนาสายพันธุ์ (ต้านโรค รับมืออากาศแปรปรวน) และแปรรูปเพิ่มมูลค่า กรณีหลังนี่หวังว่าจะเป็นทางเยียวยาการเป็นเบี้ยรองบ่อน “ตลาดข้าวนึ่งเสียให้กับอินเดียเป็นผู้ส่งออกแทน”
ส่วนที่ผู้บรรยายแนะว่า “ทางออกในตอนนี้คือภาครัฐต้องหาตลาดใหม่เพิ่มขึ้น อาทิ กลุ่มประเทศแอฟริกา เนื่องจากตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนเริ่มบริโภคข้าวลดลง”
(http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=132088&t=news)
อันนี้ไม่แน่ใจนักนะ ก็ในเมื่อข้าวไทยขายได้น้อยลง ถูกตัดราคา เพราะมีผู้ค้าอื่นมาแย่งตลาด ก็เพราะความต้องการในตลาดโลกมีอยู่แค่นี้ จะให้ไปหาตลาดใหม่ที่ไหนอีก ดาวอังคารเหรอ
การแนะนำให้ปลุกพืชทดแทน และเปลี่ยนไปทำการผลิตแขนงอื่น น่ะถูกต้องแล้ว ข้อสำคัญอยู่ที่ต้องอำนวยทางเลือกใหม่ พร้อมทั้งวิธีการซึ่งทำได้จริง ไม่ใช่สักแต่พูดว่าหมามุ่ยแล้วปล่อยชาวนาเสี่ยงคัน ไปขวนขวายหาหนทางกันเอาเอง
เห็นบิ๊กตือคุยนักคุยหนาว่า “ม.๔๔ ทำให้ชาติเจริญ” ลองเอามาใช้ชุบชีวิตเศรษฐกิจไทยดูบ้างเป็นไร ชาวไร่ชาวนาจะได้มีโอกาสกินคาเวียร์โดยไม่ต้องบินไปดูงานฮาวาย
ไหนว่าทั่นหัวหน้ารอบรู้เรื่องเกษตร ได้รับเชิญไปพูดเรื่อง “การขับเคลื่อน Thailand 4.0 ด้านเกษตร อาหาร และเทคโนโลยี่ชีวภาพ” เช้าวันนี้ที่ ม.เกษตรฯ
งานนี้ท่าจะฟู่ฟ่าฟืดฟาดมาก นอกจากคัทเอ๊าท์ทางการมหาวิทยาลัยปักไว้ข้างหน้าต้อนรับแล้ว ยังมีผุ้ไม่ประสงค์จะออกตัวนำแผ่นป้ายผ้าขนาดใหญ่ไปติดไว้บนสะพานลอยถนนงามวงศ์วาน ข้อความว่า
“Thailand 4. สูญญ” และ “รัฐบาลคนดี ยุคภาษีอาน”
ขนาดพวกเพื่อน ไผ่ ดาวดิน อยากดูลีลาของทั่น จึงชวนกันไปฟัง หนุ่ย อภิสิทธิ์ — with Bow Nuttaa Mahattana and Korakot Sangyenpan เขียนเล่าว่า
“ว่าจะพา 'ไผ่' มานั่งฟัง พล.อ.ประยุทธิ์ พูดสักหน่อย แต่เค้าบอกว่าคนเต็มเข้าไม่ได้ เลยถ่ายรูปกับป้าย เท่านั้นแหละ!!! ตำรวจ สันติบาล สิบกว่าคนเดินตามมาขอถ่ายรูปด้วยเลย
คนเต็มเร็วมาก ก็เล่นเกณฑ์นิสิตมาจากทุกสโมสรนิสิต สโมสรละ 50 แล้วบางวิชาก็บังคับนิสิตมา แล้วให้ถ่ายรูปตัวเองกับประยุทธิ์ไปส่ง
...มีน้องถามว่า เขารู้เรื่องเกษตรและอาหารด้วยหรอ 555 เขารู้ทุกเรื่องแหละ ยกเว้นเรื่องจริง”