วันอาทิตย์, มีนาคม 05, 2560

สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นแต่โคลนตม อีกคนตาบอดตาใส มองอะไรดีไปหมด





สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นแต่โคลนตม อีกคนตาบอดตาใส มองอะไรดีไปหมด

อันนี้พูดถึงปฏิกิริยาต่อนักวิเคราะห์มีบุญ ที่ออกมาพูดเล่นๆ เอาจริงเรื่อง ‘เรือโยง’ กับ ‘ต้นเตี้ย’ ซึ่งสองโฆษก ตะหาน (โ) บกเหมือนกัน คนหนึ่งหน้าม้ารัฐบาล อีกคนตัวแทนรัฐประหาร ออกอาการต่างกัน

ป่านนี้หลายๆ คนคงได้ฟังท่วงทำนองลิลิตละเลงของศาสตราจารย์วิธีพิเศษ ธีรยุทธ์ บุญมี กันบ้างแล้ว (ดังรายละเอียดในเอกสารแจกล่วงหน้าหนึ่งวัน ที่นี่ http://www.isranews.org/…/…/54455-2017-03-03-05-09-12-1.html)

ทำให้ฝ่ายสลิ่มกับสายเนชั่นฮือฮากันใหญ่ว่าเจ๋ง ก็น่าจะจริง ม่ายงั้นคงไม่ต้องให้ทั้ง พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด และพ.อ.ปิยพงษ์ กลิ่นพันธุ์ แถลงแย้ง-แถลงย้ำ ในวันเดียวกัน

โฆษก ‘ห่านอู’ จัดเต็ม แนะว่า “อย่าติเรือทั้งโกลน ติโขนยังไม่ทรงเครื่อง” และ “ประเทศไทยสูญเสียโอกาสจากคำพูด แต่ไม่ได้ลงมือทำมามาก เช่นเดียวกับการตำหนิในสิ่งที่ยังไม่เห็นผล”

“ความเห็นที่จะเป็นประโยชน์มากที่สุด คือการนำเสนอวิธีการหรือรายละเอียดที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ ไม่ใช่การนำเสนอเพียงหลักการหรือทฤษฎีที่ไม่ลงลึกถึงปัญหา”

(http://www.matichon.co.th/news/484562)

ซึ่งก็ตรงกับที่ Atukkit Sawangsuk (สื่อไม่ตอแหล ‘unpretentious media’ ที่ต้องงดออกอากาศ ๑๐ วัน เพราะ คสช. ไม่พอใจ กสทช. เลยจัดให้) วิจารณ์ไว้แล้ว

“ทั้งหมดนี้ ธีรยุทธไม่สามารถชี้ทางออกอะไรเลย (กลับไปเสนอให้บูรณาการเรือ รถ รถไฟ จักรยาน แมงกะไซค์ ๕๕๕) และยังคงฝากความหวังไว้กับ ‘ตู่ต้นเตี้ย ตู่เตี้ยลง’ ให้ปรองดอง ให้ปฏิรูป ให้ปราบคอร์รัปชั่นเรียกศรัทธา ฯลฯ

ซึ่งตลก เพราะที่เขียนมาทั้งหมดก็บอกชัดๆ ว่าล้มเหลว โดยไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล แต่เป็นปัญหาเชิงระบบ ‘วิถีอนุรักษ์และจารีตนิยม’ ยังจะฝากความหวังอะไร”

พร้อมทั้ง ‘ข้อสังเกตุ’ ที่ว่า “ธีรยุทธ์ไม่พูดถึง และไม่ยอมรับพลังประชาธิปไตยเลย” ทำให้ “ดูไปดูมา ธีรยุทธ์ (นั่นแหละที่กลายเป็น) เรือโยง (‘พายวน’ ตัวจริง)

“ก็แค่จะชิงกระโดดหนีเรือแป๊ะ ในจังหวะที่เห็นแล้วว่าจมแหงๆ” นี่เขาว่าตามทฤษฎี ‘เห็บกระโดด’ ที่ Thanapol Eawsakul ก็เห็นด้วย จึงย้ำว่า

“คุณูปการอันหนึ่งของธีรยุทธ บุญมี เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๐ คือการออกมาย้ำเตือนถึงอาการ ‘ขาลง’ ของรัฐบาลคณะรัฐประหารแค่นี้จริง ๆ

และทั้งหมดก็ไม่ใช่เพื่อประชาธิปไตย ระบบนิติรัฐ หรือสิทธิเสรีภาพที่โดนทำลายโดยคณะรัฐประหาร แต่ว่าอย่างน้อย เห็บตัวนี้ก็ได้กระโดดออกมาแล้ว”

(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1406635622736606&set=a.188049254595255.50981.100001705461683&type=3&theater)

การ ‘พายวน’ ของธีรยุทธ์ ทำให้นักวิชาการอีกคน ไชยันต์ รัชชกูล คณะรัฐศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยพะเยา ต้องบ่น

Chaiyan Rajchagool: “ผมพยายามตั้งใจฟังว่า ศ. ธีรยุทธ บุญมี แห่งสถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ มธ. จะเสนอประเด็นอะไร พยายามตามเฉพาะประเด็นและพยายามไม่คิดถึงอดีตของธีรยุทธ แต่ผมฟังไม่เข้าใจ ไม่เห็นว่ามีอะไรจะเสนอ หรือว่าสมองผมไม่ทำงานดีพอ ใครช่วยอธิบายขยายความหน่อยซีครับ”

ทว่า สุชาติ สวัสดิ์ศรี เจ้าของกระทู้อธิบายไว้แล้วมิติหนึ่งว่า “ที่ ‘เสื้อกั๊ก’ บอกว่า ๓ ปี คนไทยได้แต่ความสบายใจนั้น...

สำหรับผม เกือบๆ ๓ ปีที่ผ่านมานี้ ผมมีแต่ความไม่สบายใจ ไหนจะศาลทหาร ไหนจะ ม.๔๔ ไหนจะ ม.๑๑๒ ไหนจะกฎหมายไซเบอร์ปิดกั้นเสรีภาพ ไหนจะกฎหมายยกเลิกผังเมืองให้ ‘ต่างด้าว’ เช่าแผ่นดินได้ ๙๙ ปี...

ไหนจะมติ ครม.เรื่องระเบิดเกาะกลางแม่นํ้าโขง ไหนจะยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ที่คิดล่วงหน้าแทนคนรุ่นต่อไปว่า ‘กูแน่’ และไหนๆ อีกมากที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน...

ถ้าเพียง ‘เสื้อกั๊ก’ จะออกมา ‘สำนึกพลาด’ เท่านั้น เขาก็จะได้เท่ต่อไปอย่างมีคุณค่า แต่นี่เข้ามาอย่างแบบไม่สำนึกอะไรทั้งนั้น เรื่องการใช้กฎหมายตามอำเภอใจ หรือ Rule by Law ในกรณี ‘ไผ่ ดาวดิน’ ก็ไม่เห็นแยแสแม้แต่คำเดียว

แล้วแบบนี้จะไม่ให้ ‘น้องแน๊ต’ แซงหน้า เพราะจริงใจมากกว่าได้อย่างไร”



อันนั้นศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์เขาเปรียบเปรย “โมโหว่ะ ดูหนังแผ่นของ ‘น้องแน๊ต’ ยังสบายใจกว่า อย่างมากก็หลั่งอสุจิเท่านั้น ไม่ใช่หลั่งเลือดเหมือนปี ๒๕๑๙, ๒๕๓๕ และ ๒๕๕๓”

(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1910886355854533&set=a.1385633111713196.1073741828.100007995606560&type=3&theater)

ถึงกระนั้นก็ไม่พ้นมีคนชื่นชม ‘เสื้อกั๊ก’ จนได้ ไม่ใช่ใครที่ไหนโฆษกของคณะรัฐประหารที่ธีรยุทธ์เคย ‘ยกยอ’ ด้วยทฤษฎี ‘มะม่วงหล่น’ ของเขา

นอกจากตอบประเด็นที่ถูกวิจารณ์ว่าการปฏิรูปไม่ค่อยก้าวหน้า “เลย ก็คงไม่ใช่” แล้ว พ.อ.ปิยพงษ์ ยังแก้ต่างถึงเรื่อง “ที่มีการเตือนรัฐบาลว่าอย่าฝืนอยู่เกินโร้ดแม็พ” ว่า

“ตอนนี้ต้องเข้าใจว่าเรามีงานที่สำคัญเร่งด่วนเพิ่มเติม ดังนั้นก็อาจจะกระชับหรือยืดเวลาออกไปบ้างเล็กน้อย แต่ยืนยันไม่มีเจตนาถ่วงรั้ง...

บางครั้งอาจไม่ตรงใจหรือไม่เป็นไปตามที่ใครคาดหวัง แต่คสช.ก็ขอรับฟังเพื่อนำไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์”

(http://www.matichon.co.th/news/484575)

ถ้อยทีถ้อยสนอง สอดคล้องกันดีเหลือเกิน ถ้าทำแบบนี้กับข้อเรียกร้องขององค์การสหประชาชาติและสิทธิมนุษยชนสากลเสียตั้งแต่แรกๆ ป่านนี้อาจจะพอชลอเวลาขาลงได้อีกหน่อย

ทั้งที่ “หลายคนมองมานานแล้ว ก่อนนี้ อ.โกร่งก็เขียนบทความ สัญญาณเศรษฐกิจขาลง การเมืองขาลง...เพียงแต่การที่ธีรยุทธออกมาพูด ทำตัวเป็นเห็บกระโดด มันช่วยตอกย้ำว่ามองตรงกันทุกฝ่าย”

แต่ถ้า คสช. จำต้องลงจากหลังเสือจริงๆ มันจะนำไปสู่อะไร ข้อนี้ขอนำความคิดของ อธึกกิต แสวงสุข มาทิ้งท้ายไว้เป็นอุทธาหรณ์

“ขาลงไม่ได้อยู่แค่ คสช. ประยุทธ์ ประวิตร หรือรัฐบาล แต่มันรวมทั้งระบอบ ทั้งสังคม คือทั้งระบอบอำนาจ คสช. แม่น้ำ ๕ สาย ระบบราชการ ศาล องค์กรอิสระ ไปจนถึงสื่อ คนดีมีศีลธรรม แม้แต่ศาสนา...

จากผลกรรมที่พวกไม่เอาประชาธิปไตยไม่เอาเหตุผลทำไว้ แต่กลายเป็นวิบัติกับคนไทยทุกคน”