วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 14, 2559

คำว่า ‘สมีอิสระ’ กลับมาเป็นขี้ปากชาวเน็ตอีกครั้ง หลังจากบุรุษห่มผ้ากาสาวพัตรนามเดิม สุวิทย์ ทองประเสริฐ ‘ทำดีแต่ผิดกฏหมาย'





คำว่า ‘สมีอิสระ’ กลับมาเป็นขี้ปากชาวเน็ตอีกครั้ง หลังจากบุรุษห่มผ้ากาสาวพัตรนามเดิม สุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตจ่าทหารผู้จัดสร้างและอยู่อาศัยที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม อ้างว่า

“มูลนิธิธัมมะพุทธะอิสระ...ของวัดอ้อน้อย...ร่วมกับบริษัทพฤษเวช...ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาสมุนไพร ยาสีฟัน และยารักษาโรคให้กับวัดอ้อน้อย...นำเงินไปซื้อที่ดินป่าสงวนฯ ที่ถูกบุกรุกโดยชาวบ้าน...

เพื่อปลูกป่าฟื้นฟูธรรมชาติ โดยเมื่อครบ ๑๐ ปีก็จะคืนพื้นที่ตรงนี้ให้กับกรมป่าไม้ เพราะเป็นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ...


จ่ายเงินให้แล้ว (๓ ล้าน) นำมาปลูกป่าให้รัฐบาลและแผ่นดิน มีทหาร กรมป่าไม้ ครู และนักเรียนมาช่วยเอากล้าไม้ต้นไม้ขึ้นไปปลูก”

พระสุวิทย์ยังบอกด้วยว่า “คนที่นำภาพไปเผยแพร่จึงต้องถามว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า เพราะตนกำลังทำความดีให้กับแผ่นดิน”

(http://www.matichon.co.th/news/209717)

ท่อนฮุก ‘ทำดีให้แผ่นดิน’ นี่ละทำให้เป็นเรื่อง เพราะถ้าทำผิดกฎหมายสิ่ง ‘ดี’ ย่อมไม่เกิด และจะกลายเป็นทำ ‘ริ’ yum ไป

ในเมื่อ ‘ผู้ตรวจการกรมป่าไม้’ ชี้ว่า “เรื่องพุทธะอิสระไปครอบครองพื้นที่บ้านวังผาปูน หมู่ ๑๕ ต.แม่วิน อ.แม่วาง จำนวน ๓๑๕ ไร่ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ขาน - แม่วาง และมีการสร้างสิ่งปลูกสร้าง ๑ หลัง

ซึ่งตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ พบว่ามีชาวบ้านเคยเข้าไปแสดงสิทธิเป็นผู้ครอบครองทำกิน แต่ที่ดินดังกล่าวไม่สามารถออกโฉนดได้ เนื่องจากอยู่ในเขตป่าสงวน ให้เพียงการทำกินด้านการเกษตรของชาวบ้าน ห้ามซื้อขายกันเด็ดขาด”

(http://www.dailynews.co.th/crime/508782)

กระนั้นนายสมศักดิ์ เร่งเพียร ผู้ตรวจการฯ ก็ดีใจหาย เปิดช่องไว้ว่า “หากทางพระพุทธอิสระจะเข้าไปปลูกป่าตามแนวคิดที่บอกว่า จะไปปลูกป่าเป็นเวลา ๑๐ ปี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล...

ก็ต้องมาตกลงกันให้เป็นไปตามโครงการ แต่ไม่อนุญาตให้สร้างอาคารใด ๆ”

ก็หวังแต่ว่าท่านผู้ตรวจฯ อธิบดีฯ และผู้ว่าฯ จะ “ตกลงกัน” ตามกฎหมายของจริง





พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา ๑๔ ชี้ชัด “ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือ ครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน” เว็บไซ้ท์ ispacethailand.org เขาขุดมาให้ดู

(พรบ.เต็มที่นี่ http://forestfire.dnp9.com/…/…/web/mainfile/bB5ZyGDRrY4t.pdf)

การทำประโยชน์รวมถึง “ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวน” ด้วย

บทความ ‘ไอสเปซ’ ยังแนะด้วยว่าถ้าพูดกันเรื่องปลูกป่าถวาย ก็ต้องไปดูมาตรา ๒๐ “ซึ่งระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวต้องถูกประกาศเป็นป่าสงวนฯ เสื่อมโทรม ตามมาตรา ๑๖ และต้องมีหนังสืออนุญาตให้เข้าฟื้นฟูปลูกป่าให้แก่บุคคลโดยอธิบดีกรมป่าไม้”

(http://www.ispacethailand.org/%E0%B8%81%E0%B8%B2%…/9053.html)

นั่นคือการพิจารณาเรื่องนี้ต้องดูประเด็น ‘ผืนดิน’ ดังกล่าว ได้รับการประกาสให้เป็นพื้นที่ป่าสงวนฯ เสื่อมโทรมแล้วหรือยัง และได้มีการออกหนังสือรับรองให้พระสุวิทย์ก่อนเข้าไปฟื้นฟูสภาพป่าหรือเปล่า

“หากไม่มีการกระทำเช่นนี้ย่อมขัดต่อกฎหมาย และต้องถูกดำเนินคดีตามมาตรา ๓๑ มีโทษจำคุก ๖ เดือนถึง ๕ ปี ปรับตั้งแต่ ๕,๐๐๐ ถึง ๕๐,๐๐๐ บาท”

ตรงนี้แหละที่ลุ้นกันอยู่ว่าทางการ ตั้งแต่กรมป่าไม้ขึ้นไปถึงกระทรวงเกษตรและ คสช. จะแถออกไปแง่ไหน เพราะฟันธงได้อยู่แล้วว่า ขึ้นชื่อ ‘สมีอิสระ’ อย่างไรเสียก็ต้อง ‘หลุด’ อีกแหละ