วันศุกร์, กรกฎาคม 29, 2559

คุกคามประชาชน : จับลุงวัย 63 ปี แปะใบปลิวโหวตโนที่ห้างในชม. - ส่ง ชายอายุ 47 เข้าเรือนจำคดีตะโกนชวนคนไม่ไปโหวต คนสนิทยันไม่ได้ตะโกน หรือห้ามประชาชนไม่ให้ไปลงประชามติ เจ้าตัวประกาศอดข้าว




ภาพใบปลิวที่พบว่ามีการแปะหน้ารถในห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า เชียงใหม่ (ภาพจากผู้จัดการออนไลน์)


นอนคุกแล้ว 4 วัน! ลุงวัย 63 ปี แปะใบปลิวโหวตโนที่ห้างในชม. ถูกแจ้งผิดพ.ร.บ.ประชามติ


By tlhr2014@gmail.com
กรกฎาคม 28, 2016

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน


จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ก.ค.59 เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเข้าจับกุมตัวนายสามารถ ขวัญชัย อายุ 63 ปี กรณีต้องสงสัยเป็นผู้เสียบใบปลิวโหวตโน พร้อมข้อความ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” โดยมีรูปสัญลักษณ์ชูสามนิ้ว บริเวณที่จอดรถของห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า จังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนได้มีการแจ้งข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 พร้อมกับขออำนาจศาลจังหวัดเชียงใหม่ฝากขังระหว่างการสอบสวนไปเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ทำให้ผู้ต้องหายังถูกคุมขังในเรือนจำจนถึงปัจจุบัน

สำหรับเหตุในกรณีนี้ รายงานข่าวจากผู้จัดการออนไลน์ระบุว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ค.59 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าช่วงระหว่าง เวลา 15.00-17.00 น. ได้มีการแจกจ่ายใบปลิวโหวตโน ที่ระบุข้อความว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ 7 ส.ค. VOTE NO” พร้อมมีรูปสัญลักษณ์ชูสามนิ้ว โดยแจกในลักษณะเอกสารแผ่นพับ เสียบไว้บริเวณที่ปัดน้ำฝนของรถยนต์ที่จอดอยู่ภายในที่จอดรถชั้นใต้ดินของห้างฯ ประมาณ 10 คัน

จากนั้น ในวันที่ 23 ก.ค.59 รายงานข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมตัวนายสามารถได้ที่บ้านพัก ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 474/2559 โดยมีการตรวจยึดกระเป๋าหนังสีดำ จำนวน 1 ใบ แผ่นผับข้อความ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ 7 ส.ค. VOTE NO” จำนวน 405 แผ่น รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน เสื้อผ้า รองเท้า รวมของกลางจำนวน 6 รายการ โดยของกลางทั้งหมดถูกนำส่งให้พนักงานสอบสวน

นายสามารถเปิดเผยผ่านเพื่อนที่เข้าเยี่ยมในเรือนจำว่า ในช่วงเช้าวันที 23 ก.ค.ได้มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กว่า 60 นาย เดินทางไปยังบ้านของตน โดยเข้าตรวจค้นบ้านและแสดงหมายจับของศาล พร้อมระบุว่าเป็นเรื่องการไปติดใบปลิวโหวตโน ก่อนเจ้าหน้าที่จะตรวจยึดเอกสาร กระเป๋าสะพาย เสื้อผ้า และโทรศัพท์มือถือของตนเอาไว้ และมีการนำตัวไปที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมกับมีการให้มานั่งในการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ช่วงเย็นวันนั้น




ภาพขณะเจ้าหน้าที่แถลงข่าวเรื่องการจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวกับการลงประชามติในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.59 (ภาพจากผู้จัดการอออนไลน์)


นายสามารถระบุว่าการแถลงข่าวถูกนำไปรวมกับผู้ต้องหากรณีส่งจดหมายแสดงความเห็นเรื่องประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีการจับกุมมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งที่กรณีทั้งสองไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ตนไม่ทราบเรื่องการส่งจดหมายแสดงความเห็นตามตู้ไปรษณีย์แต่อย่างใด และใบปลิวโหวตโนในกรณีของตน ก็เป็นคนละอันกับจดหมายแสดงความเห็นเรื่องร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว

หลังการแถลงข่าวได้มีการนำตัวตนไปที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 (1) วรรคสองและวรรคสาม นายสามารถได้ให้ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าข้อความในเอกสารใบปลิวไม่ได้มีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ ทั้งระหว่างการแจ้งข้อหาและสอบปากคำ ไม่ได้มีทนายความหรือญาติอยู่ด้วยแต่อย่างใด

นายสามารถระบุว่าตนถูกคุมขังอยู่ที่สภ.เมืองเชียงใหม่ จนวันที่ 25 ก.ค.59 เจ้าหน้าที่ได้มีการนำตัวตนไปขออำนาจศาลจังหวัดเชียงใหม่ในการฝากขังระหว่างการสอบสวน ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหา เขาจึงถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา และยังไม่มีใครเข้าเยี่ยมจนถึงวันนี้

เบื้องต้น ทราบจากเจ้าหน้าที่ศาลว่าต้องใช้หลักทรัพย์ในการขอประกันตัวเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท ทางเพื่อนของนายสามารถจึงจะประสานงานหาหลักทรัพย์และดำเนินการขอประกันตัวผู้ต้องหาต่อไป

นายสามารถ ขวัญชัย ปัจจุบันอายุ 63 ปี ประกอบอาชีพช่วยครอบครัวขายภาพโมเสคที่ร้านค้าในจังหวัดเชียงใหม่ ข้อมูลจากเพื่อน ระบุว่านายสามารถเข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดงในฐานะมวลชนอิสระ เคยร่วมเป็นพยาบาลอาสาในการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์เมื่อปี 2553 อีกทั้ง นายสามารถยังมีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวานและความดัน ต้องทานยาเป็นประจำเพื่อดูแลเรื่องอาการเบาหวาน ทำให้อาจประสบความยากลำบากในการดูแลโรคประจำตัวขณะถูกคุมขังนี้

ทั้งนี้ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 มาตรา 61(1) วรรคสอง ระบุความผิดเรื่อง “การเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง” โดยในวรรคสามระบุโทษจำคุกไว้ไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

Not Free and Fair การรณรงค์ที่ต้องจ่ายด้วยเสรีภาพ: ประมวลสถานการณ์การละเมิดสิทธิก่อนออกเสียงประชามติ

ooo


ส่ง 'วิชาญ' เข้าเรือนจำอุบลฯ คดีตะโกนชวนคนไม่ไปโหวต ผิด พ.ร.บ.ประชามติ เจ้าตัวประกาศอดข้าว





วิชาญ ภูวิหาร

ที่มา ประชาไท

Thu, 2016-07-28 19:56

หลังตำรวจส่งตรวจสภาพจิต ต่อด้วยฝากขัง 12 วัน 'วิชาญ คณะธรรมยาตราฯ' คดี ตะโกนชวนคนไม่ไปโหวต ผิด พ.ร.บ.ประชามติ เจ้าตัวประกาศอดข้าว คนสนิทยันไม่ได้ตะโกน หรือห้ามประชาชนไม่ให้ไปลงประชามติ ระบุไม่มีเงินประกันตัว หลักทรัพย์สูงถึง 2 แสน

28 ก.ค.2559 ความคืบหน้ากรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม วิชาญ ภูวิหาร อายุ 47 ข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 61 วรรค 2 เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าเขายืนตะโกนเชิญชวนประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อสินค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร ไม่ให้ออกไปลงประชามติ

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามความคืบหน้าไปยัง แก้วแสงบุญ ธรรมให้ดี รองหัวหน้าพรรคการนำใหม่ประชาชนปฏิวัติสันติ (พรรคตามธรรมชาติ) เขากล่าวว่า วิชาญถูกนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลางอุบลราชธานีแล้ว เนื่องจากไม่ได้ขอประกันตัว เพราะหลักทรัพย์สูงมากถึง 200,000 บาท ซึ่งพวกเขาไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว

แก้วแสงบุญ ระบุว่า ตัววิชาญขณะที่ถูกควบคุมตัวที่ห้องขัง สภ.พิบูลมังสาหารนั้นได้ประกาศอดข้าว แต่ไม่ทราบว่าเมื่อเข้าเรือนจำแล้วยังอดข้าวต่อไปหรือไม่

แก้วแสงบุญ ยืนยันว่า วิชาญไม่ได้มีการตะโกนไม่ให้คนไปประชามติ เพียงแต่ไปขายข้าวกล่องและทางพรรคการนำใหม่ฯ ก็ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญเนื่องจากไม่สร้างประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม วิชาญไม่ได้ห้ามประชาชนไม่ให้ไปลงประชามติ เพียงประกาศจุดยืนของพรรคฯ ว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งไม่ได้มีการชูเอกสารอย่างที่ถูกล่าวหา แต่เอกสารจุดยืนของพรรคนั้นถูกพับอยู่ในกระเป๋าอยู่แล้ว เนื่องจากสมาชิกพรรคฯ ไปไหนก็จะมีเอกสารการทำงานติดตัวไว้ แต่เนื่องจากตำรวจเข้าจับกุม วิชาญจึงได้เอาหลักฐานการทำงานของเขาให้ตำรวจอีกที








ตามคำร้องขอฝากขังระบุว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2559 เวลาประมาณ 7.30 น. ขณะ ด.ต.ภพชัย จันทร์สืบ กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรอยู่ที่ถนนพิบูลทางขึ้นตลาด อ.พิบูลมังสาหาร พบ. วิชาญปั่นจักรยานที่ตลาดสด จากนั้นได้พูดจากกับประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาดว่าตนเองเป็นสมาชิกพรรคการนำใหม่ประชาชนปฏิวัติสันติ พร้อมกับชูเอกสารและพูดจาปลุกระดมให้ประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาดให้ไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติ และพูดจาไม่เห็นด้วยกับที่มาของรัฐธรรมนูญ ด.ต.ภพชัย จึงได้แจ้งให้ พ.ต.ท.พีระศักดิ์ สุระมะณี ทราบ พ.ต.ท.พีระศักดิ์ กับพวกจึงเดินทางเข้าตรวจสอบ พบผู้ต้องหากำลังพูดจาปลุกระดมประชาชนที่ตลาดพร้อมกับแสดงเอกสารประกอบ ไม่ให้ประชาชนไปลงประชามติ จึงควบคุมตัวมาที่ สภ.พิบูลมังสาหาร

พร้อมระบุด้วยว่า จากการสอบถามเบื้องต้น วิชาญ พูดจาและมีลักษณะคล้ายกับคนจิตบกพร้อง จึงส่งตัวไปตรวจที่ รพ.พระศรีมหาโพธิ์ ผลการตรวจของแพทย์พบว่า วิชาญ มีอาการปกติดี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา แจ้งสิทธิผู้ต้องหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่ง พนง.สอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมาย

ขณะที่ วานนี้ (27 ก.ค.59 ) สมาน ศรีงาม แกนนำคณะธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวด้วยว่า อดข้าวในคุก โดยวีรบุรุษเขาพระวิหาร ธรรมยาตราฯ สภาประชาชนฯ วิชาญ ภูวิหาร ให้ คสช. พล.อ.ประยุทธ์ ยกเลิกประชามติเผด็จการที่เป็นร่างนโยบายไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญที่ผิดรัฐธรรมนูญ 2557 ที่จะพัง คสช. พล.อ.ประยุทธ์ และชาติประชาชน โดยเฉพาะมาตรา 178 และ ร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลี่ยมฯ แล้ว หันมาสร้างประชาธิปไตยตามแนวทางพระมหากษัตริย์ เพื่อให้ คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จะมีชัยชนะสำเร็จในการแก้ปัญหาชาติประชาชน จะเป็นรัฐบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของชาติประชาชน ขอถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา ขอถวายชีวิตแด่พระเจ้าอยู่หัว และขอลสะชีวิตเพื่อความผาสุกของประชาชนคนไทยทุกคน

สำหรับ วิชาญ เป็น รองประธานคณะธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทยในกรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา และสมาชิกพรรคการนำใหม่ประชาชนปฏิวัติสันติ เมื่อปี 2556 ได้ร่วมกับกลุ่มธรรมยาตราปืนรั้วข้ามเข้าไปในเขตทหารกัมพูชาที่เข้าพระวิหาร เพื่ออดข้าวประท้วงกรณีศาลโลกตัดสินให้กัมพูชามีสิทธิเหนือพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบตัวปราสาทเขาพระวิหารมาแล้วด้วย และเมื่อวันที่ 28 ก.ค.2558 ผู้จัดการออนไลน์ เคยรายงานด้วยว่า วิชาญ ร่วมกลุ่มนี้ โดยมี สมาน ศรีงาม เป็นแกนนำกลุ่มธรรมยาตราและสภาประชาชน เดินเท้าจากเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษมุ่งหน้าเข้ากรุง เพื่อถวายฎีกาในหลวง ทวงคืนแผ่นดินไทยเขาพระวิหาร




ภาพวิชาญ (คนที่ 2 จากซ้าย) รวมกับกลุ่ม สมาน (คนที่ 3 จากซ้าย) อดข้าวประท้วงกรณีศาลโลกตัดสินให้กัมพูชามีสิทธิเหนือพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบตัวปราสาทเขาพระวิหาร เมื่อปี 56



เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
ตร.-ทหารค้นบ้านหนุ่มอุบลฯสวมเสื้อ 'VOTE NO' - จับหนุ่มตะโกนชวน 'NO VOTE' ส่งจิตแพทย์