ที่มา ข่าวสดออนไลน์
26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมนตรา พงษ์นิล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ประจำคณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Montra Pongnil เล่าถึงเหตุการณ์ร่วมประชุม ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยระบุว่า ในฐานะเป็นติ่งลุงเขา ผมเลยได้รับหนังสือเชิญให้ไปร่วมงานด้วย คนเยอะมว๊ากกก
กำหนดการก็มีพิธีเปิดโดยลุงมาเป็นประธานเปิดการประชุม แล้วก็มีการบรรยายโดยผู้ทรงคุณวุฒิของ สศช. ในร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนที่ 12 แล้วก็แบ่งกลุ่มย่อยเพื่ออภิปรายแผนย่อยแต่ละแผน ทั้งวัน
ผมรู้อยู่แล้วว่า ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นสมาชิกที่ถูกล็อกให้เข้าร่วมไว้แล้วจากเครือข่าย
ทราบไหมว่า
1. ประธานในพิธีเปิด ให้เวลาพูดประมาณ 1 ชั่วโมง ลุงแกล่อไปสองชั่วโมงกว่า ๆ (ไม่เชื่อดูคลิปที่ลิ้งค์มา) คือ อยากให้นึกภาพการพูดของลุงเขาช่วงคืนความสุขทุกวันศุกร์น่ะ เรา ๆ ท่าน ๆ คงเข้าใจความรู้สึกดีนะ อันนี้ยิ่งกว่า คือ จะปิดทีวีไม่ได้ไง จะลุกออก ก็มีการ์ดยืนอยู่ตรงประตูไง จะหลับเสียงก็จะคอยวนเวียนอยู่ในหัว นรกของจริง (กรีดร้องในหัวใจหนักมาก)
2. และไม่ได้ใช้เวลาแบบคืนความสุขแค่ไม่เกินชั่วโมงหรือชั่วโมงกว่า แต่มันคือ สองชั่วโมงกว่า ย้ำว่า สองชั่วโมงกว่า
ถ้าถามผมว่าเพลินไหม รบกวนย้อนไปอ่านข้อ 1 ว่า สไตล์การพูดของลุงแกเป็นยังไง คือ แกมีโพยไว้เป็นหัวข้อ ๆ ซึ่งก็ดึงมาจากร่างแผนฯ 12 นั่นแหละ แต่ทีนี้แกใส่สไตล์ของแกเข้าไปด้วย หลัง ๆ เริ่มอ้างชื่อ ประชาธิปไตยใหม่ กลุ่มต่อต้านเอามาด่าออกไมค์อีก ผสม ๆ กันไปกับการพล่าม อุ้ย ไม่ใช่ พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวบ่น เดี๋ยวด่า เดี๋ยวงอน เดี๋ยวถามผู้เข้าประชุมเหมือนเดิมว่ามีใครอยากให้ผมออก อยากให้ผมอยู่
3. สังเกตผู้เข้าร่วม แต่ละคนถ้าไม่ได้อยู่แถวหน้า (ผมก็นั่งหลัง ๆ) ถ้าไม่หลับ (ทั้งหลับจริงและแค่หลับตา) ก็กดมือถือเล่น แต่ไม่มีใครคุยกันให้เสียงดัง
เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ผมเชื่อมั่นได้ว่า ถ้าให้ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมประชุมแสดงความเห็นว่า ลุงเขาพูดอะไรอยู่ หากไม่เชียร์จนขนหน้าแข้งมันแพล่บ จะตอบอย่างแน่นอนว่า บ่นอะไรวะ น่าเบื่อชิบเป๋ง
4. ตอนประธานในพิธีเปิดเดินมานะ อย่างกับในหนังก็อทฟาเธอร์ ยังไงยังงั้นเลย บอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง ผมเพิ่งเคยเห็นว่า ผู้นำของประเทศนี้แม่งใช้บอดี้การ์ดโคตรเปลือง
5. หลังลุงเป็นประธานเปิดเสร็จ ซึ่งก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง พักเบรกเรียบร้อย ก็การบรรยายประมาณ เที่ยงเกือบบ่าย (ทุกคนยังไม่ได้กินข้าว) หลังบรรยายเสร็จ มีคนสะท้อนในที่ประชุมว่า ผู้จัดไม่สามารถบริหารเวลาได้ ทำให้ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง สรุป บรรยายจบดื้อ ๆ เพื่อปล่อยให้ผู้เข้าร่วมกินข้าวเทียงตอนบ่ายโมงกว่า
6. สรุปว่า แผนฯ 12 เป็นส่วนหนึ่งของแผน 20 ปีที่จะร่างออกมา ผมก็สงสัยนะว่า ถามคนรุ่นใหม่และคนในอนาคตที่จะเกิดมาซักคำไหมว่า เขาอยากได้แผนฉากทัศน์ประเทศไทยในอีก 20 ปีข้างหน้า ที่จะร่าง ๆ กันมาบ้างไหม บางที่เขาไม่อยากได้ก็ได้ แล้วทำไมเราซึ่งแต่ละคนก็อายุอานามเป็นผู้ใหญ่ไปจนถึงหัวหงอกจะถืออภิสิทธิ์ไปสร้างฉากทัศน์ 20 ปีให้คนรุ่นใหม่หรือรุ่นหลังที่จะเกิด ๆ มา ในขณะที่หลายคนในเวทีนี้อีก 20 ปีนั้น คงเป็นปุ๋ยไปแล้ว
7. หลังกินข้าวเที่ยง ก็แยกย้ายกันไปเข้าร่วมสัมมนากลุ่มย่อยในแต่ละแผน ผมอยู่แผน 1 คือ การพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์และการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม กลุ่มวิทยากรก็เสนอกันไปตามกรอบแผนนี้ที่ร่างไว้ในแผนฯ 12 แล้วก็ให้ผู้เข้าร่วมอภิปรายคนละ 3 นาที (โชว์เวลาขึ้นจอ) ส่วนใหญ่ที่เข้ามาร่วมสัมมนาก็เป็นผู้ใหญ่และคนชรา สมกับการก้าวเป็นสังคมผู้สูงอายุมาก
มาสะดุดใจกับประเด็นหนึ่งคือ การมองว่า เด็กวัยรุ่นแต่งตัวโป๊เป็นสิ่งไม่ดี รับค่านิยมตะวันตก ระเบียบวินัยลดลงศีลธรรมคุณธรรมลดลง และมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประมาณคนสองคนลุกขึ้นมาอภิปรายประเด็นนี้ ก็กล่าววิจารณ์เด็กสมัยนี้ในทำนองนี้เช่นกัน และเสนอให้มีการเอาวิชาคุณธรรมศีลธรรมกลับคืนสู่ห้องเรียน วิชาหน้าที่พลเมืองต้องเน้นระเบียบวินัยเพื่อให้เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ
แกก็อภิปรายและวิจารณ์เด็กสมัยนี้ว่าไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ไปนะ ถึงแม้ว่าเวลาในการอภิปราย 3 นาทีของแกจะหมดแล้ว คือผมงงอ่ะว่า แกใช้สิทธิ์อะไรปภิปรายเกินเวลา แล้วไม่มีการเบรกจากวิทยากร หรือเพราะแกเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีชื่อเสียงและอายุอานามก็มากแล้ว เลยเกรงใจแก แล้วผู้สูงอายุที่วิจารณ์เด็กว่าไม่ดีอย่างโง้นอย่างงี้แล้วอภิปรายเลยเวลาซะเอง มันคืออัลไล ย้อนแย้งชะมัด ทำอย่างกับรุ่นของตัวเองเป็นรุ่นที่เป็นพลเมืองดีที่สุดในสังคม รุ่นอื่น ๆ ไม่ดีรับค่านิยมตะวันตก ทำให้สังคมแหลกเหลว
8. ผมอยากลุกขึ้นอภิปรายเหมือนกัน แต่เก็บความต้องการนี้ไว้ในใจ เพราะรู้สึกว่า บรรยากาศและความเห็นของวงสัมมนาเป็นไปในแนวทางแบบวิทยากรและลุง ๆ ที่ลุกขึ้นมาอภิปราย คือ เห็นดีเห็นงามและไม่ท้วงอะไรกับการพูดเกินเวลาของแก ดังนั้นจะลุกขึ้นมาอภิปรายเพื่อตอบโต้หรือขอคิดต่างคงไม่มีประโยชน์ เลยนั่งฟังไปเพลิน ๆ เพื่อนเรียนรู้ว่า อ๋อผู้ใหญ่เขาคิดกันอย่างนี้นะ ชีวิตแกในสมัยของแกนี่ดี๊ดี โดยเฉพาะสมัยสฤษฏ์เนี่ย บ้านเมืองราบคาบด้วยอานุภาพพ่อขุนอุปถัมภ์จริง ๆ สโง้บสงบ น่ายู้น่าอยู่ ส่วนสมัยนี้เลวบัดซบมาก
จบเวที รับตังค์ค่าเดินทาง รีบกลับ กลัวตกเครื่อง นั่งคิดนอนคิดว่า เวทีนี้มันสะท้อนอำนาจนิยมอยู่ คนแก่ไม่อยากแก่ แต่อยากมีบทบาทชี้นำสังคม ทั้ง ๆ ที่มันเป็นความคิดตกยุค
เรื่องนี้ก็สะท้อนย้อนคิดถึง การส่งเสริมผู้สูงอายุในบ้านเรานะ คือ วิธีคิดที่เราวิจารณ์ว่า สมัยก่อนเราทอดทิ้งผู้สูงอายุและมองว่าเป็นภาระ แล้วเราก็จะส่งเสริมผู้สูงอายุให้มีคุณค่าความสำคัญและที่ยืนในสังคม ผมว่า วิธีการที่เราทำกันในการส่งเสริมผู้สูงอายุเนี่ย มันสำเร็จเกินคาดนะ ผู้สูงอายุในบ้านเรามีบทบาทและคุณค่าในสังคมมาก แต่มันมากล้นจนทำให้ความคิดของผู้สูงอายุที่ตกยุคยังมีบทบาทครองอำนาจนำในสังคมบ้านเราอยู่ จนผลิตผลออกมาเป็นรูปธรรมต่าง ๆ เช่น ในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย ในการปกครองประเทศ การมีรัฐบาลของคนดี อะไรเงี้ย
เราคงต้องอยู่กับบรรยากาศนี้ไปอีกนาน
ooo
https://www.youtube.com/watch?v=Tgfzhln6DDI
ทำเนียบ รัฐบาล
Published on Jul 22, 2016
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดการประชุมประจำปี 2559 ของ สศช. เรื่อง "ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564)" ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี 22 กรกฎาคม 2559