ถาม: อาจารย์สุลักษณ์ คิดเห็นยังไงกับการที่ หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล โพสเฟซบุ๊กเขียนเป็นนัยว่า นิสิตจุฬาฯ ที่ไม่หมอบกราบ และออกมาขึ้นมาโค้งคำนับในพิธีถวายสัตย์ฯ เป็นมะเร็งร้าย
.
ส.ศิวรักษ์: นี่เป็นสมัยประชาธิปไตยนะ หม่อมเจ้าไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ที่จะวิเศษกว่าคนธรรมดาสามัญ จะเอาการเป็นหม่อมเจ้ามาเล่นงานคนธรรมดาสามัญทำให้เสื่อมเสียถึงพระราชวงศ์ หม่อมเจ้าองค์นี้ควรจะสังวรระวังกริยามารยาทและต้องเคารพพระบรมเดชานุภาพที่รัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระราชโองการให้ยกเลิกหมอบยกเลิกคลาน นิสิตคนนั้นก็ทำตามพระราชโองการ แล้วหม่อมเจ้าองค์นี้ไม่รู้เลยหรือ หลับตาพูดส่งเดชได้ยังไง
__________
ส.ศ.ษ.
๑๘/๐๗/๒๕๕๙
.....
การที่นิสิตจุฬาฯ เขาหมอบกราบพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕ (ที่สวรรคตไปแล้ว) มันเป็นคนละเรื่องกันกับการหมอบกราบขณะที่พระองค์ยังมีพระชนมชีพอยู่
ถูกต้องครับ รัชกาลที่ ๕ มีรับสั่งไม่ให้มีการหมอบกราบต่อพระองค์ ซึ่งขณะนั้นพระองค์ยังทรงมีพระชนมชีพอยู่ และเป็นพระบรมราชโองการเพื่อเป็นแบบธรรมเนียมการปฏิบัติต่อเจ้านายชั้นสูงและขุนนางโดยทั่วไป ในการว่าราชการและในพระราชพิธีต่างๆ พระบรมราชโองการนั้นได้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติและประเพณีสืบต่อๆ กันมาจวบจนถึงปัจจุบัน และเป็นที่ทราบโดยทั่วกัน
นาย ส. ศิวรักษ์ ไม่ต้องมากล่าวย้ำความจำกระผม แต่เรื่องการที่นิสิตจุฬาฯ หมอบกราบเพื่อถวายบังคมพระบรมรูปนั้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในองค์พระมหากษัตริย์ที่มีต่อสถาบัน (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ในขณะที่ได้สวรรคตไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่เป็นการที่หมอบกราบกรานขณะที่ยังมีพระชนมชีพอยู่ มีแต่คนที่จิตใจสกปรกเท่านั้นที่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่สมควร และอ้างพระบรมราชโองการแบบตะพึดตะพือ โดยไม่ได้ดูกาลเทศะและสถานที่ นี่ละที่เขาเรียกว่า นาย ส. ศิวรักษ์ ที่เขียนด่าว่าผม ผิดในกาลเทศะและสถานที่ไปแล้ว อาจจะแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน แก่เฒ่าแต่ไร้ประโยชน์อันใด กินข้าวจนแก่เฒ่า อายุมากเพราะอยู่นาน แต่ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลย
คนไทยเทิดทูนดวงพระวิญญาณและความดีของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงมีให้กับชาติบ้านเมือง
เพราะในธรรมเนียมปฏิบัติอันเป็นประเพณีที่งดงามของสังคมไทยนั้น การกราบไหว้พระมหากษัตริย์หรือบรรพบุรุษผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว คนไทยเขาถือเป็นจริยาวัตร เป็นความงดงามยิ่งของวัฒนธรรมไทย และในสามัญสำนึกของคนไทยทุกคน พร้อมที่จะรำลึกและเทิดทูนดวงพระวิญญาณของพระองค์โดยจิตอันบริสุทธิ์
ม.จ. จุลเจิม ยุคล
ooo
[ "ตอบ" หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ]
ผมได้ฟังถ้อยคำของหม่อมเจ้าจุลเจิมแล้ว รู้สึกสงสารหรือเวทนาก็ได้ คนที่พูดอะไรหยาบคายยืนยาวนั้น แสดงถึงจุดอ่อนของตัวเองอย่างชัดเจน ทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าก็ไม่รู้ ศัพท์ที่เขาใช้กับพระเจ้าแผ่นดินนั้นเขาใช้ "สวรรคต" ไม่ใช่ "สิ้นพระชนม์"
และการที่ใครจะกราบพระศพก็ดี กราบพระบรมรูปก็ดี เป็นสิทธิที่เขาอยากจะกราบ หรือใครเขาอยากจะเคารพเช่น โค้งคำนับก็ดีเป็นสิทธิ ไม่ควรมีการบังคับกัน เพราะการแสดงความเคารพนั้นต้องออกมาจากจิตใจ ไม่ใช่ถูกบังคับให้ทำ
.
ผมอยากจะเรียนให้ทราบว่า สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์นี่เองที่ให้นักเรียนนายร้อยจปร. ไปกราบพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕ ในวันสวรรคต แต่ก่อนนี้ นักเรียนนายร้อยจปร. ก็มาวางพวงหรีด ตะเบ๊ะ คำนับเหมือนคนทั่ว ๆไปก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นการกราบนี้ มันเป็นผลทางการเมือง ควรเข้าใจและคนที่เขาไม่กราบนั้นไม่ใช่แปลว่าเขาไม่เคารพ อย่าไปพูดว่าใครไม่กราบนี่ กระด่างกระเดื่อง ไม่รักในหลวง อันนี้เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
.
หม่อมเจ้าซึ่งเป็นพระอนุวงศ์น่าจะตระหนักเรื่องนี้ อย่าเที่ยวไปด่าคนที่เขาไม่เห็นด้วย เตือนมาด้วยความหวังดีก็โกรธขึงซะแล้ว เช่นนี้จะไม่รู้จักเติบโต จะไม่รู้จักใช้มนสิการ พระพุทธเจ้าตรัสว่า กัลยาณมิตรนั้นคือบุคคลที่พูดในสิ่งที่เราไม่อยากจะฟัง ฟังแล้วมาไตร่ตรองดู
.
เพราะฉะนั้น หม่อมเจ้าจุลเจิมพูดให้ผมฟัง ผมก็ฟังด้วยความเคารพแล้วไตร่ตรองดู แล้วก็สงสารหม่อมเจ้าจุลเจิมเป็นที่ตั้ง ผมไม่ต้องการใช้คำผรุสวาทโต้ตอบ
ขอให้หม่อมเจ้าจุลเจิมจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
_______________
ส.ศิวรักษ์
๑๙/๐๗/๒๕๕๙