
ข่าวล่าแจ้งว่า “เมื่อเวลา ๒.๐๔ น. (๒๗ ก.ค.) ว่า นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ มารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองนราธิวาส และได้รับการประกันตัว โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา”
(จากรายงานของฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ประกาศข่าวภาคสนามรายการข่าว 3 มิติ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1218932464793329&set=a.442646002421983.103853.100000297602449)
“คนฟ้องก็ไม่ใช่ใครที่ไหน #ร้อยโท (ปัจจุบันพันตรี) เป็นคนเเจ้งความ” ผู้เกี่ยวโยงการตาย ขอมาเป็นผู้เสียหายเอง
เจ้าตัวโพสต์เฟชบุ๊คขอบคุณนายตำรวจน้อยใหญ่ ตั้งแต่ทีมจับกุม สน.มักกะสัน ที่ “ไม่จับใส่กุญแจมือ ไม่เข้าห้องขัง” สภ.เมืองนราธิวาส “ให้ความอนุเคราะห์ดำเนินการให้เเม้จะมาถึงที่นี่เลยเที่ยงคืนแล้วก็ตาม” ผู้กำกับฯ “ก็อยู่ดูตลอด แถมตอนเช้าผู้การฯ จ.นราธิวาส ยังโทรมาสอบถามโดยตรงอีก...”
และ “ขอบคุณ รมว.พม.ท่านอดุลย์ แสงสิงแก้วที่ท่านสั่งการโดยตรงให้ความอนุเคราะห์เมตตา”
(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1097610706996319&set=a.170698819687517.40153.100002421998410&type=3&theater)
โอว์ ต้องกด ‘ว้าว’ เพราะเรื่องเหล่านี้ที่ไหนในโลกเขาถือเป็นภาระหน้าที่ พันธกรณี courtesy และมนุษยธรรม (ดา) แต่ว่าในกะลาแลนด์ต้อง ‘สำนึก’ ในบุญคุณ
ก็เพียงเปลาะเดียวที่ผ่อนคลาย ในคดีที่ไม่ควรเป็นคดีด้วยซ้ำไป
เจ้าตัวอีกแหละ ‘set the records straight’ ทำความจริงให้ปรากฏ “เมย์ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้นเมย์ก็พร้อมให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบเช่นกัน
หากเมย์ทำผิดจริง เมย์ก็ยินดีรับโทษตามกฎหมายค่ะ แต่ถ้าพิสูจน์แล้วไม่ผิด เจอฟ้องกลับทั้งทางแพ่งและอาญา #นอกเหนือจากคดีพลทหารวิเชียรฯ”
“นริศราวัลถ์ เป็นหลานสาวของพลทหารวิเชียร เผือกสม ซึ่งถูกทำโทษจนเสียชีวิตในค่ายทหารจังหวัดนราธิวาสเมื่อปี ๒๕๕๔ และเมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (๒๖ ก.ค. ๕๙) เธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มักกะสัน ๓ นายเข้าควบคุมตัวในที่ทำงาน โดยแสดงหมายจับข้อหาหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ทหารและความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”
ที่ทำงานของเธอคือ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคม ตำแหน่งงานนักสังคมสงเคราะห์
ในสังคม ประเทศ และท้องที่ซึ่งผู้คนมีวุฒิภาวะพอที่จะทำให้เจ้าพนักงานรู้จักยั้งคิด เขาจะมีการตรวจคำฟ้องแล้ว ‘ไม่รับ’ เพราะมันขัดกับหลักกฎหมาย และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความสมเหตุสมผล ไม่ว่าตรรกะ ทัศนคติ และ จิตสำนึกมนุษย์ที่ต่างกับดิรัจฉาน
หรืออย่างน้อยไถ่ถามขอความเห็นองค์กรเกี่ยวข้องเสียก่อน (หากกลัวถูกทหารสั่งย้ายสายฟ้าแลบ) แบบตำรวจพิจิตรถาม กกต. ว่าจะให้จับฝูงลิงที่ดึงแผ่นบัญชีรายชื่อผู้ออกเสียงประชามติไปฉีกเล่นไหมนั่นละ (ฮาหน่อยไม่เป็นไร)

แม้นว่าระเบียบการ พิธีกรรมตามบัญญัติ จะต้องประทับรับฟ้อง (จากทหาร) ไว้ก่อน ก็ต้องปรับแก้ให้ได้มาตรฐานสากลเสียแต่วันนี้ ไม่งั้นก็จะเกิดกลิ่นเน่าไปหมดทั้งข้อง
และนี่กลิ่นโชยไปถึงนอกข้องแล้วอย่างรวดเร็ว เมื่อ Human Rights Watch เรียกร้องให้หยุดไล่ล่าเอาคืนเสียที ต่อครอบครัวที่ไขว่คว้าหาความยุติธรรม (https://www.hrw.org/…/thailand-torture-victims-outspoken-ni…)
และ Jonathan Head @pakhead แห่งบีบีซี อดีตนายกสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทย ทวี้ตว่าเป็น “การใช้ข้อหาอาญาดรื่อง ‘หมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่’ ไปในทางที่ผิด โดยคณะทหารไทยที่ไม่อยากทำการสอบสวนพฤติกรรมข่มเหงในองค์กรของตนเอง”
ย้อนความสักนิดว่า น.ส.นริศราวัลถ์ เป็นหลานน้าของพลทหารวิเชียร เผือกสม บัณฑิตปริญญาโทที่ไปสมัครเป็นทหารหลังจากละเพศบรรพชิตหมาดๆ ระหว่างรับราชการเป็น ไอ้เณร ที่นราธิวาสได้ไม่นานก็ต้องจบชีวิตเพราะโดนกลุ่มทหารรุ่นพี่ทั้งนายร้อย นายสิบ และไอ้เณรด้วยกัน ๑๐ คนรุมซ้อมเสียจนร่างกายทนอาการบาดเจ็บไม่ไหว
ขณะนั้นหลานสาวผู้นี้กำลังเรียนขั้นปริญญาตรีอยู่ที่ธรรมศาสตร์ ไม่สามารถยอมรับความป่าเถื่อนแบบอมนุษย์ในแวดวงทหารไทยได้ จึงทำเรื่องร้องเรียนตามสถานที่ราชการต่างๆ แม้ถูกกีดกัน กลั่นแกล้ง ก็ไม่ลดละเป็นเวลาหลายปี
จนกระทั่งทางการจำต้องสอบสวนและดำเนินคดี ลงเอยที่พิพากษาความผิดทหารเหี้ย_มทั้งสิบ ให้ประนีประนอมจ่ายค่าสินไหมทดแทน ๖.๕ ล้านบาทในคดีแพ่ง ส่วนคดีอาญาปัดไปให้ศาลทหารซึ่งดองคดีรอ ปปท. ชี้มูลมาจนกระทั่งบัดนี้
Sirote Klampaiboon (ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์) เขียนถึงเรื่องนี้ว่า “ใครที่คิดว่าข่าวจับเด็กจับผู้หญิงอาทิตย์ที่แล้วเป็นจุดต่ำสุดของประเทศไทย วันนี้มีจุดต่ำกว่าเดิมเกิดขึ้นได้อีก”

โดยเขาเปรียบเทียบกับคดีของสิบโทกิตติกร สุธีพันธุ์ ที่เสียชีวิตจากการถูกซ้อมในค่ายทหารเหมือนกัน (แต่จังหวัดสุรินทร์) เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ที่ทหารอ้างว่าเขา ‘หนาวตาย’ “สวนทางกับสภาพศพที่ทนายพบว่ามีรอยฟกช้ำ”
“เมื่อวานนี้ศาลจังหวัดสุรินทร์วินิจฉัยแล้วว่าสิบโทกิตติกรไม่ได้นอนหนาวตาย เขาตายในสภาพกระเพาะอาหารแตก ศรีษะมีร่องรอยถูกทำร้ายรุนแรง และพลทหารในค่ายทหารสุรินทร์เป็นคนทำร้ายจนตาย”
“ความป่าเถื่อนระดับย่อยๆ แบบนี้เป็นภาพสะท้อนของอำนาจระดับใหญ่” ศิโรตม์สรุป
(https://www.facebook.com/sirote.klampaiboon/posts/1134576356612457)
คงไม่ต้องอ้อมค้อม ‘อำนาจใหญ่’ มันไปหยุดที่ คสช. และคณะรัฐประหาร รวมทั้งลิ่วล้อหลากหลายรูปทรง
ลงท้ายเราจะทำอะไรได้ล่ะ จะเอาแบบศิโรตน์ว่าบ้างไหม “อะไรที่เปิดช่องให้ระบบอัปยศแบบนี้อยู่ต่อได้ ผมไม่เอา ไม่รับ และไม่สนับสนุนทั้งนั้นครับ ตายแล้วเกิดใหม่อีกกี่ชาติก็จะพูดแบบนี้”

ถ้างั้นต้องฟังนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานร่างรัฐธรรมนูญฉบับหมกเม็ดอำนาจ คสช. ที่หลุดออกมา แล้ว นสพ.แนวหน้ารีบคว้าเอามาโพนธนาทันควันว่า “หากร่าง รธน.ไม่ผ่าน 'บิ๊กตู่' ไปเร็ว”
“ที่มีคนพูดว่าอยากให้ลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) อยู่ไปอีก ก็ให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการปล่อยข่าวที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
เพราะเมื่อร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ลุงตู่จะยิ่งไปเร็ว เพราะคนเหล่านั้นจะเดินขับไล่”
เอานะ ไม่ต้องรอเกิดใหม่ชาติไหน วันเสียงแตกนี่แหละสุกได้ที่ ขับไล่ด้วยบัตรคะแนน ballots ‘ไม่รับ’ ไม่ให้ผ่าน จะได้ไปเร็ว