เมื่อวานมีข่าวใหญ่สำหรับผู้ห่วงใยการใช้งบประมาณของประเทศสองเรื่อง เรื่องแรกคือรองนายกด้านความมั่นคงยืนยันเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำจากจีน
เรื่องที่สองคือรองนายกคนเดียวกันบอกว่าอาจซื้อรรถถังจากจีนเพิ่มด้วย และดูเหมือนท่านจะไม่เข้าใจว่าคนไทยที่ไม่สบายใจกับเรื่องนี้มีมากจริงๆ
วันนี้คอลัมนิสท์อาวุโส "แม่ลูกจันทน์" แห่งไทยรัฐตั้งคำถามที่คนไทยจำนวนมากอยากถาม นั่นคืองบซื้อเรือดำนำสามลำ 36,000 ล้านบาท เอาไปทำทางด่วนให้คนใช้ได้วันละ 100,000 คน เอาไปทำโรงพยาบาลบริการประชาชนได้ปีละ 1 ล้านคน และเอาไปทำอุโมงค์ระบายน้ำให้คนกรุงเทพได้ 3 อุโมงค์ และคำถามคืออะไรให้ประโยชน์กับประชาชนมากกว่ากัน?
จริงๆ ถ้ารองนายกอยากซื้อทั้งรถถังทั้งเรือดำน้ำก็ง่ายนิดเดียว ตอนนี้กลาโหมได้งบปีละสองแสนกว่าล้าน กองทัพบกกวาดงบก้อนนี้ไปเกือบครึ่ง ถ้ารถถังและเรือดำน้ำสำคัญจริงๆ ลองตัดงบกองทัพบกไปให้กองทัพเรือก็ได้ เท่านี้ท่านก็ได้ซื้ออย่างที่อยากซื้อ ทัพเรือก็ได้เรือดำน้ำอย่างที่อยากได้ เสียสละงบกองทัพบกปีละ 4-5 พันล้าน ให้เหล่าทัพด้วยกันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ดีกว่าเบียดเบียนเงินทองจากประชาชนที่ยากจนลงทุกวัน
ว่าแต่กองทัพบกพร้อมหรือไม่ที่จะเสียสละเพื่อกองทัพเรือ? #WakeUpNews#VoiceTV21 #sirotek #ซื้อเรือดำน้ำ
Sirote Klampaiboon (ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์)
ooo
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
โดย "แม่ลูกจันทร์"
โบราณว่าน้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ
ในเมื่อ“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม
ประกาศยืนยันจะซื้อเรือดำน้ำจีน 3 ลำ เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บราชนาวีไทย
ใครหน้าไหนจะกล้าหือกล้าอือ
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่ารัฐบาลไทยจะจัดซื้อเรือดำน้ำชั้น “หยวน” ของจีนแบบจีทูจี จำนวน 3 ลำ
ในราคามิตรภาพ ลำละ 1.2 หมื่นล้านบาทขาดตัว
รวมเป็นเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท ผ่อนชำระได้ 10 ปี
เป็นอันว่ากองทัพเรือไทยจะมีเรือดำน้ำมาดำผลุบดำโผล่ โชว์แสนยานุภาพทางทะเลสมใจนึกบางลำพู
ถึงแม้ทะเลฝั่งอ่าวไทยเป็นทะเลตื้น แต่ฝั่งทะเลอันดามันเป็นทะเลลึก เอาเรือดำน้ำไปดำขึ้นดำลงได้อย่างสะดวกโยธิน
ใครขืนแหยมล่วงล้ำน่านน้ำไทยจะเจอเรือดำน้ำ 3 ลำไล่ตะเพิดกระเจิดกระเจิง
“แม่ลูกจันทร์” ไม่ค่อยแน่ใจว่าเรือดำน้ำของจีน จะแข็งแรงทนทานและมีประสิทธิภาพล้ำยุคอย่างที่ฉายหนังโฆษณา
แต่เมื่อรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงออกมายืนยันว่าของเค้าดีจริงๆ และคณะกรรมการกองทัพเรือ
ได้ลงมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้เลือกเรือดำน้ำจีน เพราะราคาเหมาะสม เทคโนโลยีก้าวหน้า ติดตั้งอาวุธครบครัน
แถมรับประกันการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี 15 ปี
“แม่ลูกจันทร์” ก็ไม่ประสงค์เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
ข้อสำคัญ “บิ๊กป้อม” ย้ำว่างบ 3.6 หมื่นล้านบาท ถ้าไปซื้อเรือดำน้ำที่ผลิตจากประเทศอื่นจะซื้อได้ลำเดียว
แต่งบ 3.6 หมื่นล้านบาท ซื้อเรือดำน้ำหยวนของจีนได้ 3 ลำ
อนึ่ง ในยุครัฐบาล คสช.มีข้อจำกัดไม่สามารถเลือกซื้ออาวุธได้อย่างเสรีเหมือนยุครัฐบาลประชาธิปไตย
เมื่อเราซื้ออาวุธจากอเมริกาไม่ได้ ก็ต้องหันไปซื้ออาวุธจากจีนซึ่งราคาย่อมเยาและคุณภาพดี
มันก็จริงอย่างที่ พล.อ.ประวิตรท่านชี้แจง
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าเรือดำน้ำเป็นสิ่งที่กองทัพเรืออยากจะมีมาหลายสิบปี
ถ้าไม่ซื้อเรือดำน้ำในยุครัฐบาลนี้...ก็คงต้องแห้วไปอีกนาน
เพราะรัฐบาลจากการเลือกตั้งจะไม่ยอมอนุมัติให้จัดซื้อด้วยเหตุ 2 ประการ
1,เรือดำน้ำมีราคาแพงหูฉี่เกินความจำเป็น
2,งบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำ 3.6 หมื่นล้านบาท เอาไปทำโครงการอื่นได้อีกมากมาย เช่น...
เอาไปสร้างทางด่วนสายใหม่แก้ปัญหารถติดได้อีก 1 แสนคันต่อวัน
หรือเอาไปสร้างโรงพยาบาลขนาดใหญ่บริการประชาชนผู้เจ็บป่วยได้อีก 1 ล้านคนต่อปี
หรือเอาไปสร้างอุโมงค์ยักษ์ได้อีก 3 อุโมงค์ แก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯได้ครบวงจร
แต่มองอีกมุม...การลงทุนเสริมสร้างศักยภาพป้องกันประเทศด้านความมั่นคงก็จำเป็น
ในเมื่อกองทัพบก กองทัพอากาศ ก็ได้งบจัดซื้อโน่นซื้อนี่กันมากมาย ถ้าไม่ให้กองทัพเรือซื้อเรือดำน้ำก็ไม่ยุติธรรม
สรุปว่า ในเมื่อรัฐบาลกับกองทัพเรือเห็นชอบร่วมกันให้จัดซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ ราคา 3.6 หมื่นล้านบาทจากจีน
“แม่ลูกจันทร์” ไม่คัดค้านให้ขุ่นข้องหมองใจ
แต่ถ้าซื้อเรือดำน้ำจีนมาใช้แล้วไม่เจ๋งแจ๋วอย่างที่โฆษณาสรรพคุณอย่ามาบ่นก็แล้วกัน.
"แม่ลูกจันทร์"
http://www.thairath.co.th/content/655944
โบราณว่าน้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ
ในเมื่อ“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม
ประกาศยืนยันจะซื้อเรือดำน้ำจีน 3 ลำ เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บราชนาวีไทย
ใครหน้าไหนจะกล้าหือกล้าอือ
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่ารัฐบาลไทยจะจัดซื้อเรือดำน้ำชั้น “หยวน” ของจีนแบบจีทูจี จำนวน 3 ลำ
ในราคามิตรภาพ ลำละ 1.2 หมื่นล้านบาทขาดตัว
รวมเป็นเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท ผ่อนชำระได้ 10 ปี
เป็นอันว่ากองทัพเรือไทยจะมีเรือดำน้ำมาดำผลุบดำโผล่ โชว์แสนยานุภาพทางทะเลสมใจนึกบางลำพู
ถึงแม้ทะเลฝั่งอ่าวไทยเป็นทะเลตื้น แต่ฝั่งทะเลอันดามันเป็นทะเลลึก เอาเรือดำน้ำไปดำขึ้นดำลงได้อย่างสะดวกโยธิน
ใครขืนแหยมล่วงล้ำน่านน้ำไทยจะเจอเรือดำน้ำ 3 ลำไล่ตะเพิดกระเจิดกระเจิง
“แม่ลูกจันทร์” ไม่ค่อยแน่ใจว่าเรือดำน้ำของจีน จะแข็งแรงทนทานและมีประสิทธิภาพล้ำยุคอย่างที่ฉายหนังโฆษณา
แต่เมื่อรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงออกมายืนยันว่าของเค้าดีจริงๆ และคณะกรรมการกองทัพเรือ
ได้ลงมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้เลือกเรือดำน้ำจีน เพราะราคาเหมาะสม เทคโนโลยีก้าวหน้า ติดตั้งอาวุธครบครัน
แถมรับประกันการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี 15 ปี
“แม่ลูกจันทร์” ก็ไม่ประสงค์เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
ข้อสำคัญ “บิ๊กป้อม” ย้ำว่างบ 3.6 หมื่นล้านบาท ถ้าไปซื้อเรือดำน้ำที่ผลิตจากประเทศอื่นจะซื้อได้ลำเดียว
แต่งบ 3.6 หมื่นล้านบาท ซื้อเรือดำน้ำหยวนของจีนได้ 3 ลำ
อนึ่ง ในยุครัฐบาล คสช.มีข้อจำกัดไม่สามารถเลือกซื้ออาวุธได้อย่างเสรีเหมือนยุครัฐบาลประชาธิปไตย
เมื่อเราซื้ออาวุธจากอเมริกาไม่ได้ ก็ต้องหันไปซื้ออาวุธจากจีนซึ่งราคาย่อมเยาและคุณภาพดี
มันก็จริงอย่างที่ พล.อ.ประวิตรท่านชี้แจง
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าเรือดำน้ำเป็นสิ่งที่กองทัพเรืออยากจะมีมาหลายสิบปี
ถ้าไม่ซื้อเรือดำน้ำในยุครัฐบาลนี้...ก็คงต้องแห้วไปอีกนาน
เพราะรัฐบาลจากการเลือกตั้งจะไม่ยอมอนุมัติให้จัดซื้อด้วยเหตุ 2 ประการ
1,เรือดำน้ำมีราคาแพงหูฉี่เกินความจำเป็น
2,งบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำ 3.6 หมื่นล้านบาท เอาไปทำโครงการอื่นได้อีกมากมาย เช่น...
เอาไปสร้างทางด่วนสายใหม่แก้ปัญหารถติดได้อีก 1 แสนคันต่อวัน
หรือเอาไปสร้างโรงพยาบาลขนาดใหญ่บริการประชาชนผู้เจ็บป่วยได้อีก 1 ล้านคนต่อปี
หรือเอาไปสร้างอุโมงค์ยักษ์ได้อีก 3 อุโมงค์ แก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯได้ครบวงจร
แต่มองอีกมุม...การลงทุนเสริมสร้างศักยภาพป้องกันประเทศด้านความมั่นคงก็จำเป็น
ในเมื่อกองทัพบก กองทัพอากาศ ก็ได้งบจัดซื้อโน่นซื้อนี่กันมากมาย ถ้าไม่ให้กองทัพเรือซื้อเรือดำน้ำก็ไม่ยุติธรรม
สรุปว่า ในเมื่อรัฐบาลกับกองทัพเรือเห็นชอบร่วมกันให้จัดซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ ราคา 3.6 หมื่นล้านบาทจากจีน
“แม่ลูกจันทร์” ไม่คัดค้านให้ขุ่นข้องหมองใจ
แต่ถ้าซื้อเรือดำน้ำจีนมาใช้แล้วไม่เจ๋งแจ๋วอย่างที่โฆษณาสรรพคุณอย่ามาบ่นก็แล้วกัน.
"แม่ลูกจันทร์"
http://www.thairath.co.th/content/655944
.....
นักวิเคราะห์ชี้เทคโนโลยี "เรือดำน้ำจีน" ตามหลังตะวันตกเป็น "ชั่วอายุคน"
ที่มา มติชนออนไลน์
06 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
The Diplomat สื่อแม็กกาซีนออนไลน์จากญี่ปุ่นโดยนายฟราซ์-สเตฟาน เกดี ผู้ช่วยบรรณาธิการ ได้ชี้ถึงข้อด้อยของกองเรือดำน้ำของกองทัพปลดปล่อยประชาชน หรือกองทัพของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ยังคงมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากฝั่งตะวันตก
นายเกดี อ้างรายงานของ RAND Corporation องค์กรไม่แสวงหากำไรที่เน้นการวิจัยด้านนโยบายสาธารณะ ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเงินบริจาค โดยรายงานที่ถูกอ้างถึงกล่าวว่า จุดอ่อนสำคัญของกองเรือดำน้ำจีนคือวิศวกรรมการขับเคลื่อน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีนำเข้า และส่วนใหญ่เป็นการผลิตภายใต้การอนุญาตเฉพาะโดยเจ้าของเทคโนโลยี
ในการเสวนาเมื่อเดือนพฤษภาคมเกี่ยวกับความสามารถในการรบของกองทัพเรือจีนณวิทยาลัยการรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ (U.S. Naval War College) ศ.แอนดรูว์ อีริคสัน กล่าวว่า ระบบวิศวกรรมขับเคลื่อนของกองทัพเรือดำน้ำจีนยังต้องการการพัฒนาอีกมาก
เรือดำน้ำขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเป็นเรือดำน้ำที่ถูกตรวจจับได้ยากกว่าเรือดำน้ำนิวเคลียร์เนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซลถูกออกแบบให้ลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงเพื่อหลบหลีกการตรวจจับด้วยโซนาร์และเรือดำน้ำชั้นซ่งและหยวนของจีนต่างต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากเยอรมนี และรัสเซีย โดยเครื่องยนต์ของเรือดำน้ำทั้งสองได้รับการอนุญาตให้ทำการผลิตภายใต้สัญญาที่ทำขึ้นตั้งแต่ปี 1986
ขณะเดียวกัน จีนพยายามวิจัยพลังงานจากแบตตารี "ลิเธียม-ไอออน" (Li-Ion) ซึ่งให้ความจุพลังงานมากกว่า และสามารถดำน้ำได้นานกว่า ซึ่งจีนถือว่า Li-Ion เป็นอนาคตของระบบขับเคลื่อนเรือดำน้ำแบบดั้งเดิม ขณะที่นายอีริคสันกล่าวว่า จีนยังคงไปไม่ถึงขั้นที่จะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ได้จริง แต่กำลังพยายามเดินหน้าอย่างจริงจริง
เทคโนโลยีของเรือดำน้ำจีนถูกมองโดยรวมว่ายังคงตามหลังเทคโนโลยีของตะวันตกราว"หนึ่งชั่วอายุคน"(generation)เช่นเรือดำน้ำนิวเคลียร์โจมตีแบบ 095 ของจีน สามารถเทียบชั้นได้กับเรือดำน้ำนิวเคลียร์โจมตีของนาโตในยุค 1980 (ตามหลังเทคโนโลยียุคปัจจุบันของตะวันตกราว 30 ปี) และมิอาจเทียบได้กับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ชั้นเวอร์จิเนียของสหรัฐฯในปัจจุบัน
นายอีริคสันมองว่า ความพยายามของจีนยังไม่พอที่จะทำให้ขีดความสามารถของกองเรือดำน้ำจีนทัดเทียมกับตะวันตก แม้จะไม่ถึงขนาดสิ้นหวัง แต่จีนกำลังก้าวไปข้างหน้า บนเส้นทางที่ยากลำบากไม่น้อย
ooo
นักวิเคราะห์ชี้เทคโนโลยี "เรือดำน้ำจีน" ตามหลังตะวันตกเป็น "ชั่วอายุคน"
ที่มา มติชนออนไลน์
06 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
The Diplomat สื่อแม็กกาซีนออนไลน์จากญี่ปุ่นโดยนายฟราซ์-สเตฟาน เกดี ผู้ช่วยบรรณาธิการ ได้ชี้ถึงข้อด้อยของกองเรือดำน้ำของกองทัพปลดปล่อยประชาชน หรือกองทัพของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ยังคงมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากฝั่งตะวันตก
นายเกดี อ้างรายงานของ RAND Corporation องค์กรไม่แสวงหากำไรที่เน้นการวิจัยด้านนโยบายสาธารณะ ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเงินบริจาค โดยรายงานที่ถูกอ้างถึงกล่าวว่า จุดอ่อนสำคัญของกองเรือดำน้ำจีนคือวิศวกรรมการขับเคลื่อน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีนำเข้า และส่วนใหญ่เป็นการผลิตภายใต้การอนุญาตเฉพาะโดยเจ้าของเทคโนโลยี
ในการเสวนาเมื่อเดือนพฤษภาคมเกี่ยวกับความสามารถในการรบของกองทัพเรือจีนณวิทยาลัยการรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ (U.S. Naval War College) ศ.แอนดรูว์ อีริคสัน กล่าวว่า ระบบวิศวกรรมขับเคลื่อนของกองทัพเรือดำน้ำจีนยังต้องการการพัฒนาอีกมาก
เรือดำน้ำขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเป็นเรือดำน้ำที่ถูกตรวจจับได้ยากกว่าเรือดำน้ำนิวเคลียร์เนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซลถูกออกแบบให้ลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงเพื่อหลบหลีกการตรวจจับด้วยโซนาร์และเรือดำน้ำชั้นซ่งและหยวนของจีนต่างต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากเยอรมนี และรัสเซีย โดยเครื่องยนต์ของเรือดำน้ำทั้งสองได้รับการอนุญาตให้ทำการผลิตภายใต้สัญญาที่ทำขึ้นตั้งแต่ปี 1986
ขณะเดียวกัน จีนพยายามวิจัยพลังงานจากแบตตารี "ลิเธียม-ไอออน" (Li-Ion) ซึ่งให้ความจุพลังงานมากกว่า และสามารถดำน้ำได้นานกว่า ซึ่งจีนถือว่า Li-Ion เป็นอนาคตของระบบขับเคลื่อนเรือดำน้ำแบบดั้งเดิม ขณะที่นายอีริคสันกล่าวว่า จีนยังคงไปไม่ถึงขั้นที่จะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ได้จริง แต่กำลังพยายามเดินหน้าอย่างจริงจริง
เทคโนโลยีของเรือดำน้ำจีนถูกมองโดยรวมว่ายังคงตามหลังเทคโนโลยีของตะวันตกราว"หนึ่งชั่วอายุคน"(generation)เช่นเรือดำน้ำนิวเคลียร์โจมตีแบบ 095 ของจีน สามารถเทียบชั้นได้กับเรือดำน้ำนิวเคลียร์โจมตีของนาโตในยุค 1980 (ตามหลังเทคโนโลยียุคปัจจุบันของตะวันตกราว 30 ปี) และมิอาจเทียบได้กับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ชั้นเวอร์จิเนียของสหรัฐฯในปัจจุบัน
นายอีริคสันมองว่า ความพยายามของจีนยังไม่พอที่จะทำให้ขีดความสามารถของกองเรือดำน้ำจีนทัดเทียมกับตะวันตก แม้จะไม่ถึงขนาดสิ้นหวัง แต่จีนกำลังก้าวไปข้างหน้า บนเส้นทางที่ยากลำบากไม่น้อย