http://tgdr.blogspot.com/2014/06/blog-post.html โดย ระยิบ เผ่ามโน
เพื่อแสดงความเป็นห่วงอย่างยิ่งยวด (deep concerns) กับการที่ศาลอียิปต์ตัดสินจำคุกผู้สื่อข่าวอัลจาซีร่า ๓ คนในความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับขบวนการภราดรภาพมุสลิม
นายแคร์รี่พลิกผันกลับลำมาตรการงดความช่วยเหลือทางทหารเพื่อลงโทษต่อการที่คณะทหารอียิปต์ทำรัฐประหารเมื่อปีที่แล้ว
โค่นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนายโมฮาเม็ด มอร์ซี ซึ่งเป็นผู้นำขบวนการภราดรภาพมุสลิมอียิปต์
ไม้เบื่อไม้เมายาวนานของฝ่ายทหาร
เพราะหมายให้คณะทหารอียิปต์มาเข้าแถวร่วมสกัดกั้นสถานการณ์คับขันในอิรัก
ที่กองกำลังติดอาวุธ ‘ไอซิส’
ของขบวนการมุสลิมซันนี่สามารถยึดพื้นที่รุกคืบเข้าไปใกล้กรุงแบกแดดเต็มทีแล้ว
นายแคร์รี่แวะพบนายพลอับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิซี
ประธานาธิบดีคนใหม่ของอียิปต์ระหว่างเดินทางไปอิรัก แล้วเปิดแถลงข่าวหลังเสร็จจากการสนทนา
๙๐ นาฑี ว่าสหรัฐพร้อมที่จะกลับมาให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลใหม่อียิปต์ โดยจะเริ่มจัดส่งความช่วยเหลือทางทหารงวดแรก
๖๕๐ ล้านเหรียญ อันรวมถึงเครื่องบินเฮลิค้อปเตอร์จู่โจมแบบอะปาเช่ ๑๐ ลำไปให้อียิปต์ในเร็วๆ
นี้
แม้จะยอมรับว่านายพลเอล-ซิซีเพิ่งเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยคะแนนท่วมท้นเกือบ
๙๗ เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขผู้ไปใช้สิทธิ ๒๕ ล้านคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐก็ยังไม่วายกล่าวถึงคำมั่นของผู้นำอียิปต์ในอันที่จะ
“กลับไปพิจารณาตรวจสอบตัวบทกฏหมายเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน และกระบวนการยุติธรรม”
ซึ่งย่อมรวมถึงการตัดสินลงโทษประหารชีวิตสมาชิกภราดรภาพมุสลิม
๑๘๓ คน เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายนนี้เองด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้เพราะผลจากการที่นายพลเอลซิซีและคณะทหารทำการยึดอำนาจทางการเมืองแล้วกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม
อีกทั้งตรากฏหมายกำหนดให้ขบวนการมุสลิมเป็นองค์กรก่อการร้ายนอกกฏหมาย ทำให้มีสมาชิกภราดรภาพมุสลิมถูกกำจัดเสียชีวิตไปพันกว่าราย
อีกทั้งไม่สามารถเข้าแข่งขันรับเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้
จึงปรากฏว่าคนไปใช้สิทธิโหรงเหรงตามสังเกตุการณ์ขององค์กรนานาชาติ
แต่คณะทหารก็สามารถทำให้จำนวนผู้ใช้สิทธิมีถึง ๔๗
เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่ประกาศอย่างกระทันหันในวันที่สองของการเลือกตั้งยืดเวลาลงคะแนนออกไปอีกหนึ่งวัน
อันเป็นที่วิจารณ์ทั่วไปในกระแสสื่อตะวันตกว่า
เพราะคณะทหารต้องการให้ปรากฏปริมาณความชอบธรรมจำนวนมาก
ต่อการเลือกตั้งที่เป็นเสมือนตรายางรับรองความเป็นผู้นำในตำแหน่งประธานาธิบดีของนายพลเอล-ซิซี
หัวหน้าคณะรัฐประหารนั้นเอง
นายพลซิซีซึ่งในอดีตเป็นผู้นำทหารฝ่ายเสนาธิการและด้านข่าวกรอง
มาถึงจุดนี้ในวิถีการเมืองจากการที่เป็นหนึ่งในกลุ่มนายทหารซึ่งแอบวางแผนกำจัดประธานาธิบดีมูบารัค
ด้วยการแปรพักตร์ไปยืนข้างประชาชนในช่วงที่อาหรับสปริงกำลังเบ่งบานเมื่อสามปีที่แล้ว
จากนั้นนายพลซิซีรับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาลมอร์ซีอย่างเงียบขลึม
แต่เบื้องลึกเขาทำการชักใยและจัดฉากให้ชนชั้นกลาง ปัญญาชน และกลุ่มประชาชนหัวสมัยใหม่ประท้วงต่อต้านรัฐบาลมอร์ซี
สร้างภาพการเมืองอันร้อนแรงเดือดพล่าน เปิดทางให้คณะทหารเข้ายึดอำนาจ จนเป็น ‘โมเดล’ ให้ทหารไทยได้เอาอย่าง
ประเด็นนี้เป็นที่ยืนยันได้จากกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์
ผู้นำการประท้วงต่อต้านรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และการชุมนุมปิดกรุงเทพฯ (Shutdown
Bangkok) อันยืดเยื้อกว่าหกเดือน บังเอิญไปคุยโวว่ารู้เห็นกับพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา วางแผนทำรัฐประหารมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ แม้นว่าคณะรัฐประหารไทย
(ในนาม คสช.) จะออกมาปฏิเสธอย่างทันควันก็ตามที
ลองมาดูความเป็นไปในอียิปต์กันต่ออีกหน่อย ว่าจะเป็นโมเดลให้แก่รัฐไทยในยุค ‘ประหาร’
การเมืองได้อย่างไร
หลังจากที่หัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติของไทยแสดงอากัปอาการอันแสนจะเด็ดขาด
กับผู้สื่อข่าวที่ตั้งคำถามว่าท่านต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยตนเองหรือไม่
จากนั้นก็ได้มีการออกคำสั่ง คสช. ห้ามนักข่าวไม่ให้ตั้งคำถามอย่างนั้นอีก
ในการแถลงข่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ในชุดขาวเต็มยศ
ที่เขายุติกลางคันแล้วเดินลงจากโพเดี้ยมไปเมื่อนักข่าวเซ้าซี้อยากรู้กำหนดแน่นอนว่าเขาจะคืนอำนาจแก่ประชาชน
ยอมให้มีการเลือกตั้งเมื่อไร เขาได้กล่าวบรรยายสรรพคุณของการยึดอำนาจโดยทหารว่า
เขาแสดงบทบาทของพ่อที่มีความห่วงใยต่อลูกๆ พวกสีต่างๆ ทางการเมืองที่กำลังทะเลาะเบาะแว้ง
ด้วยการส่งไปเข้ามุม 'สงบจิตสงบใจ'
เขาพูดถึงศักดิ์ศรีของตนเองและสถาบันทหารอย่างละม้ายคล้ายกันกับเมื่อนายพลอัล-ซิซีของอียิปต์พูดไว้ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน
ตามรายละเอียดคำพูดของนายพลอัล-ซิซีต่อบรรดานายทหารและผู้สนับสนุนทางการเมืองสายเอกชนของตน เมื่อเดือนธันวาคมหลังจากยึดอำนาจเมื่อกลางปีที่แล้ว
ซึ่งปกปิดเป็นความลับเพิ่งรั่วออกมาไม่นานนี้
เขากล่าวถึงศักดิ์ศรีส่วนบุคคลของตนเมื่อได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี
ว่าจะไม่ยอมรับการวิพากษ์ที่ก้าวร้าวใดๆ
เขาถือว่านั่นเป็นการจ้วงจาบส่วนตัวที่ต้องถูกดำเนินคดี
อันจะถือเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างหนึ่งของการแสดงความเห็นทางการเมืองในรัฐสมัยของเขา
ในอุดมการณ์การเมืองของซิซีนั้นถือว่า ‘รัฐ’ มีความสำคัญเหนือกว่าประชาชนอย่างสิ้นเชิง
แม้แต่เสรีภาพในการแสดงความเห็นต่างก็มิอาจเผยอหน้าได้ เขาบอกว่า
“ใครก็ตามที่คิดแย้ง ต้องถูกถือว่ามีเจตนาล้มล้างรัฐ” ขณะที่หัวหน้าคณะรัฐประหารไทยใช้อ้างอย่างเป็นรูปธรรมด้วยสถาบันกษัตริย์
ซิซีมองตนเองในฐานะผู้นำฝ่ายทหารที่จะเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหลังเลือกตั้ง
ว่าดำรงไว้ซึ่งจริยธรรมสูงส่งประดุจบิดาของประชาชน
ผู้มีพันธะรับผิดชอบต่อการชี้ช่องทางและแก้ไขความผิดพลาดต่างๆ ของบ้านเมือง
ซึ่งบางครั้งจำเป็นต้องใช้ไม้แข็งเข้าจัดการ
ดังเช่นมาตรการหนึ่งที่เขาระบุว่าจะดำเนินการทันทีภายใต้อำนาจในตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา
เพื่อแก้ไขปัญหาเรื้อรังในอียิปต์เรื่องพลังงานขาดแคลนก็คือ จะสั่งให้ประชาชนทุกครัวเรือนเปลี่ยนไปใช้หลอดไฟแบบประหยัดพลังงาน
“ข้าพเจ้าไม่ยอมปล่อยให้ประชาชนทำกันตามใจหรอก” แม้ต้องถึงกับส่งเจ้าหน้าที่รัฐออกไปทำการหมุนใส่หลอดไฟชนิดใหม่ให้ทุกบ้านก็จะทำ
ในภาวะการณ์ที่เศรษฐกิจของอียิปต์ถดถอยไม่เป็นท่า
นโยบายเกื้อหนุนผู้บริโภคพลังงานทำให้การคลังใกล้ล้มละลาย
โชคดีที่อียิปต์ยุคคล้อยหลังอาหรับสปริงได้รับเงินสนับสนุนจากประมุขราชาธิปไตยในอ่าวเปอร์เซีย
เช่นกษัตริย์แห่งซาอุดิอาราเบีย ซึ่งต้องการให้กำจัด ‘บราเธอร์ฮู้ด’ อย่างสิ้นซาก และจะไม่มีอาหรับสปริงเกิดขึ้นได้อีก ถึงขณะนี้วงเงินช่วยเหลือหมดไปแล้ว
๒๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หนทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในความคิดของประธานาธิบดีคนใหม่อยู่ที่
ทุกคนต้องขยันหมั่นเพียรทำการงาน “ข้าพเจ้าจะทำงานหามรุ่งหามค่ำ
พวกท่านก็ต้องทำอย่างนั้นเหมือนกัน” นายพลซิซีกล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ตอนหนึ่ง
เขาบอกว่า “เราต้องมุ่งมั่นกันอย่างไม่ต้องพัก”
จะเป็นการบังเอิญหรืออย่างไรก็สุดแท้แต่ การตอกกลับผู้สื่อข่าวที่ตั้งคำถามซึ่งเขาไม่พอใจด้วยการขึ้นเสียงดัง
วาจากร้าว หลุดออกมาจากปากนายพลทหารบกที่พวกผู้สนับสนุนยกย่องให้เป็นวีรบุรุษประดุจ ‘นาวารัฐบุรุษ’ ในเนื้อเพลงใหม่ชื่นชมหัวหน้า คสช. ของนายยืนยง โอภากุล ละก็ อัล-ซิซีได้ทำมาแล้ว
ทั้งๆ ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เวลาเขาพูดปราศรัยในที่สาธารณะมักจะยกเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง
เขามักอ้างว่าประชาชนมอบหมายให้เขาเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง
เขาถึงกับใช้วลีโรแมนติกที่ว่าประชาชนอียิปต์นั้นเป็น
“แสงสว่างในดวงตาของข้าพเจ้า” นั่นเลยทีเดียว
ส่วนแนวทางในการปกครองประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้าคณะรัฐประหารไทยที่มีคำสั่งและเอกสารออกมาแล้วใกล้ร้อยฉบับ
โดยเฉพาะในส่วนที่จะทำการปฏิรูปก่อนจะนำไปสู่การเลือกตั้งซึ่งกำหนดเป็นโร้ดแม้พว่าใช้เวลาราวๆ
๑๕ เดือนเพื่อไปสู่สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น
ศาสตราจารย์ ดันแคน แม็คคาร์โก แห่งมหาวิทยาลัยลีดส์ ลอนดอน และโคลัมเบีย นิวยอร์ค
บอกว่าเหมือนแผนการยกเครื่องประเทศไทยของ กปปส. ไม่มีผิด
อีกทั้งตลอดเวลาหนึ่งเดือนหลังรัฐประหารปรากฏมีการทักท้วงจากองค์กรนานาชาติต่างๆ
ต่อสิ่งที่ คสช. ปฏิบัติต่อผู้ที่เคยรณรงค์เรียกร้องประชาธิปไตยในนามเสื้อแดง
และไม่เห็นชอบกับการทำรัฐประหารจำนวนมาก ด้วยการเรียกไปรายงานตัว และ/หรือนำตัวไปควบคุมไว้โดยไม่แจ้งให้ครอบครัวและญาติของพวกเขาทราบ
ไม่ว่าจะเป็นคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญพิเศษแห่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ
เรื่องการควบคุมตัว และกักกันบุคคลตามอำเภอใจ
หรือข้อเรียกร้องของฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ต่อกรณีการบุกเข้าจับกุมนักกิจกรรมเสื้อแดงอย่างน.ส.กริชสุดา
คุณะเสน รายหนึ่ง นายสิงห์ทอง บัวชุ่ม อีกรายหนึ่ง
แล้วปิดเงียบเป็นแรมเดือน
แสดงถึงการปฏิบัติขัดแย้งต่อหลักการสิทธิมนุษยชนอย่างจะแจ้ง ทั้งๆ ที่โฆษก
คสช.
มักกล่าวอ้างทางตรงข้ามอยู่เสมอ
เช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดกับสมาชิกภราดรภาพมุสลิมในอียิปต์จากการกวาดล้างโดยคณะทหารตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
จนสถานการณ์ราบคาบ และนำมาสู่การเลือกตั้งประทับตรายางให้กับนายพลเอล-ซิซีในตำแหน่งประธานาธิบดีในที่สุด
การเดินสายช่วงสัปดาห์นี้ของนางคริสตี้ เค็นนี่ย์
เอกอัคราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เข้าพบระดับบัญชาการ คสช. บางคน
รวมทั้งการเข้าพบนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งให้การสนับสนุนรัฐประหารครั้งนี้อย่างแน่ชัด
อาจถูกตีความว่าเป็นสัญญานการยอมอ่อนข้อของสหรัฐให้กับคณะรัฐประหารไทย
เช่นเดียวกับที่คืนความไว้วางใจให้แก่คณะรัฐประหารอียิปต์ขณะนี้
และจะเป็นโมเดลให้กับการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างชอบธรรมของหัวหน้ารัฐประหารไทยในบั้นปลายนั้น
ยังจะต้องมองถึงปัจจัยที่ผิดแผกกันในบางอย่าง ระหว่างสภาพการณ์ของการครองอำนาจรัฐประหารในประเทศไทยกับในอียิปต์ด้วยว่า
คณะทหารไทยกับอียิปต์แม้จะเป็นลูกหม้อสหรัฐมาเหมือนกัน
แต่ว่าความผูกพันของอียิปต์แนบแน่นแม่นแฟ้นยิ่งกว่าไทยหลายเท่า การที่ระดับบัญชาการ คสช.
ไปเยือนจีน แล้วได้รับการต้อนรับอย่างชื่นมื่น มิได้หมายถึงว่าสหรัฐจะต้องรีบมาเอาใจไทยจนเกินไป
การเดินสายของทูตคริสตี้น่าจะเป็นท่าทีในการตีตัวออกห่างเพื่อรักษาระยะเหมาะสม
(Equidistance) ไว้กับคณะเสรีไทย (พลัดถิ่น) ที่เพิ่งประกาศก่อตั้งโดยนายจักรภพ
เพ็ญแข และนายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ เสียมากกว่า
คณะเสรีไทยใหม่นี่เองก็เป็นเครื่องชี้บ่งถึงความแตกต่างระหว่างสถานการณ์อียิปต์กับไทยในข้อที่ว่า
ฝ่ายต่อต้านคณะทหารอียิปต์ซึ่งก็คือขบวนการภราดรภาพมุสลิมนั้นเป็นองค์กรติดอาวุธมาก่อน
จึงไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนโดยนานาชาติมากนัก ครั้นเมื่อถูกปราบปรามกวาดล้างหนักหน่วง
ที่เหลืออยู่พากันลงใต้ดินอย่างเดิมเสียหมด
ไม่อาจเป็นพลังทางเลือกการเมืองให้ชัดเจนได้
แต่ฝ่ายต่อต้านรัฐประหารไทยได้ประกาศชัดแจ้งว่าจะเป็นองค์กรพลัดถิ่น
ใช้วิธีกดดันทางการเมืองต่อสู้ในเวทีนานาชาติ และเชื่อว่าจะมีฐานดำเนินงานศูนย์กลางอยู่ในประเทศตะวันตก
โดยเฉพาะยุโรป หากเน้นเรื่องหลักการประชาธิปไตย ความเสมอภาคทางความคิด
และสิทธิมนุษยชนอย่างเหนียวแน่น ก็จะเสาะหาการสนับสนุนในระดับสากลได้ไม่ยาก
จะทำให้คณะทหารไทยมีข้อจำกัดในการทำตามอำเภอใจได้ไม่เท่าทหารอียิปต์
ถ้อยแถลงของสมัชชากิจการระหว่างประเทศประชาคมยุโรปก็จัดว่าเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของการใช้อียิปต์โมเดลรุ่นล่าสุดในไทย
มติสมัชชาประชาคมกล่าวว่า
โร้ดแม็พคณะรัฐประหารไทยยังไม่ได้พิกัดที่จะนำไปสู่การปกครองด้วยระบบรัฐธรรมนูญได้
อีกทั้งยังไม่เห็นว่าคณะทหารละเว้นการจับกุมและควบคุมตัวประชาชนลงเลย
เช่นนี้ทำให้อียูระงับการปฏิสัมพันธ์ใดๆ
กับประเทศไทยเอาไว้ จนกว่าจะเห็นภาพชัดเจนของการปกครองที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง
และต่อนี้ไปสมาชิกประชาคมทั้งหมดกว่ายี่สิบประเทศจะคอยตรวจสอบท่าทีประเทศไทยอย่างสม่ำเสมอ
ข้อสรุปจึงลงได้ว่า แม้รัฐประหารไทยจะมีต้นตอและปลายทางที่ต่างกับอียิปต์ หากแต่สิ่งที่เป็นไปหลายอย่างก็คล้ายคลึงกัน จนพอที่จะเป็นเหตุก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนจำนวนมากที่ไม่คล้อยตามคณะทหาร ดังเช่นที่สมาชิกภราดรภาพมุสลิมในอียิปต์ต้องจำทนรับเคราะห์กรรมกันอยู่ทุกวันนี้