ไม่อยากเชื่อว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้จำนวนมากกลับหูหนวกตาบอด หนำซ้ำบางคนเห็นดีเห็นงามกับการกระทำเยี่ยงสัตว์ป่าเช่นนี้ สังคมกำลังถูกท้าทายระหว่างกลุ่มคนชั้นนำที่ร่ำรวยมหาศาลกับกลุ่มคนชั้นล่างถึงระดับกลางที่พวกเขาเกิดมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และไม่เห็นดีด้วยกับระบอบเผด็จการทุกรูปแบบ
จำนวนมหาศาลของคนชั้นล่างที่ถูกกดขี่บังคับกำลังจะลุกฮือขึ้นด้วยกฏธรรมชาติแบบ "หมาจนตรอก" เพราะเมื่อความกลัวมันถึงที่สุดแล้ว "ความกล้าอย่างบ้าคลั่ง" จะปรากฏโฉมแทน
อนาคตประเทศนี้จะเดินไปทางไหน หรือเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต่างๆ กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า "เลือดและหยดน้ำตา" คือสิ่งแลกเปลี่ยนที่ไม่เคยเปลี่ยนมาตลอด
7 วัน ของการถูกกักตัวอยู่แต่ในบริเวณที่ถูกกำหนดโดยกระบอกปืนมันขมขื่นยิ่งนัก ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต การซักถามแกมยัดเยียดของ คสช. เป็นการบังคับยัดเยียดความผิดที่ตั้งธงไว้ล่วงหน้าแล้วของแต่ละคนที่ถูกเรียกให้รายงานตัว ว่า "มึงต้องผิด" ซึ่งข้อมูลการเรียกตัวหลายข้อมูลผิดพลาดอย่างมหันต์ เช่น เรียกผิดคน เรียกมาแล้วข้อมูลไม่ตรงกับที่ได้รับการชงมา
ชุดเจ้าหน้าที่ซักถาม (ซึ่งน่าจะเรียกว่าสอบสวนแกมยัดเยียดมากกว่า) ทั้งหมดในห้องนั้นขาดอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวที่จะบ่งบอกว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน คือ "นกหวีดห้อยคอ" หากครบองคาพยพทั้งหมดก็จะทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า "ใครกำลังสอบสวนใคร"
7 วัน ในสถานกักกัน มันทำให้เราซึมซับได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าเสรีภาพที่แท้จริงคืออะไร?
แม้ถูกปล่อยตัวแล้วมันก็ยังคงหลอนอยู่ตลอดเวลา ขอเป็นกำลังใจให้กับพิราบทุกตัว"