ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
หลังผ่านช่วงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินเกม "กระชับอำนาจ"-สยบ "คลื่นใต้น้ำ" มาได้พักใหญ่ "คลื่นลมการเมือง" ก็เริ่มสงบ ทว่า ในซอกหลืบ-มุมตึกสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถนนพิษณุโลก กลับกลายเป็นที่ซ่องสุม "กลุ่มข้าราชการ" อกหัก ที่เพิ่งหลุดจาก "วงโคจรอำนาจ" เพราะพิษคำสั่ง คสช.
"พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" เป็นหนึ่งในนั้น ...หลังถูกคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 11/2557 ให้พ้นจากเก้าอี้ "เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้" (ศอ.บต.) ว่ากันว่าเหตุที่เขาถูกเด้ง เพราะเขาใกล้ชิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อีกหนึ่งคนที่ถูก "เข้ากรุ" คือ "พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก" อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ถูกยกให้เป็น "องครักษ์พิทักษ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์" เช่นกัน ทั้งที่เป็น "มือประสาน" กองทัพ มาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ต้องมา "เสียเหลี่ยม" ปฏิบัติการยึดอำนาจแบบ "เชือดนิ่ม" ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 14 (ตท.14) อีกคน "พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร" อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งปัจจุบันเขามานั่งเก้าอี้ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ถึงแม้ไม่ได้ถูกเด้งมาอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวมาเพราะพิษรัฐประหาร แต่ก็ "ฝันค้าง" อดขึ้นจากกรุ มานั่งเก้าอี้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตามมติ ครม.ในรัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ เพราะเกิดรัฐประหารขึ้นเสียก่อน
ข้าราชการอีกคน "ธาริต เพ็งดิษฐ์" อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ถูกกาชื่อ เนื่องจากที่ผ่านถูกมองว่า "วางตัว" ไม่เหมาะสม ทำงาน "สนอง" รัฐบาลมากเกินไป
ส่วน "ปสันน์ เทพรักษ์" เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศคนแรก ที่ถูกเรียกตัวข้ามทวีป เนื่องจากย้อนไปก่อนหน้านี้ เคยดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ไทย นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระหว่างเดือน เม.ย. 2549-เม.ย. 2554 ซึ่งเป็นช่วงที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" พำนักอยู่ในนครดูไบ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ก้าวขึ้นสู่ประมุขฝ่ายบริหาร
ส่วนข้าราชการอีก 2 คน ที่ต้องมี "วิบากกรรม" ร่วมกัน คือ "ธงทอง จันทรางศุ" อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี- "ชูเกียรติ รัตนชัยชาญ" เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ต้องมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งของ คสช. หลังจากบุคคลทั้ง 2 ในช่วงที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยัง "เรืองอำนาจ" ก็เป็นกลไกสำคัญด้านกฎหมายช่วยประคองรัฐนาวายิ่งลักษณ์
และเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน คสช.ยังได้มีคำสั่งเด้ง 3 ข้าราชการ ประกอบด้วยนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด รวมทั้ง นายสุรชัย ศรีสารคาม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) มาทำงานที่่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น "มรสุม" ลูกล่าสุด ที่พัดเข้าใส่ข้าราชการ "สายพันธุ์การเมือง"
ก่อนหน้าที่ชีวิตข้าราชการ "ระดับซี 11" จะหักเห หลังถูกลดบทบาทลง จากที่เคยมี "บริวาร" ติดสอยห้อยตาม-ล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ปัจจุบันกลับต้องเข้ามาใช้ชีวิตข้าราชการภายใน "ห้องสี่เหลี่ยม" ติดกัน บน "ชั้นสี่" สำนักงาน ก.พ. เป็น "ห้องทำงาน" ประจำ โดยมีพื้นที่ว่างเป็น "ระเบียง" ให้พอได้สูดอากาศอยู่บ้าง
"ดวงไฟริบหรี่" ดับบ้าง สว่างบ้าง ตั้งแต่บริเวณบันไดทางเข้า-ทั่วทั้งตึกสี่ชั้น เฉกเช่น "ราศีแห่งโชคชะตา" ที่อ่อนแรงลง
ปัจจุบันยังต้อง "ระหกระเหิน"-ไม่สามารถเข้ามาทำงานได้ เนื่องจากภายใน "ห้องทำงานใหม่" ยัง "ระเกะระกะ" ไปด้วยเครื่องใช้สำนักงาน อาทิ โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ใส่เอกสาร ที่ห่อหุ้มไว้ด้วยพลาสติกใส รอขนย้าย นอกจากนี้ ระบบน้ำ-ไฟก็ยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ตึกสำนักงาน ก.พ. ถือเป็น "ตึกใหม่" ที่เตรียมไว้รองรับข้าราชการที่ถูกคำสั่ง คสช. โยกย้ายจากตำแหน่งเดิม ซึ่งขณะนี้มีข้าราชการที่ถูกโยกย้ายมาช่วยราชการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วนับสิบราย
โดยบริเวณ "ชั้นสี่" แต่เดิมใช้เป็นห้องทำงานของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) แต่ปัจจุบันได้ย้ายไปที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จ.นนทบุรี ทั้งหมดแล้ว
นอกจากนี้ยังมีตึกที่มีไว้สำหรับรองรับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ไว้ที่ "ตึกแดง"-ตึกบัญชาการ 2 ภายในทำเนียบรัฐบาลบางส่วน แต่เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปใช้เป็นห้องทำงานได้ เพราะอยู่ระหว่างซ่อมแซม
เป็นวิบากกรรมข้าราชการสายชินวัตร ในกรุทำเนียบ
ข้าราชการอีกคน "ธาริต เพ็งดิษฐ์" อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ถูกกาชื่อ เนื่องจากที่ผ่านถูกมองว่า "วางตัว" ไม่เหมาะสม ทำงาน "สนอง" รัฐบาลมากเกินไป
ส่วน "ปสันน์ เทพรักษ์" เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศคนแรก ที่ถูกเรียกตัวข้ามทวีป เนื่องจากย้อนไปก่อนหน้านี้ เคยดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ไทย นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระหว่างเดือน เม.ย. 2549-เม.ย. 2554 ซึ่งเป็นช่วงที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" พำนักอยู่ในนครดูไบ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ก้าวขึ้นสู่ประมุขฝ่ายบริหาร
ส่วนข้าราชการอีก 2 คน ที่ต้องมี "วิบากกรรม" ร่วมกัน คือ "ธงทอง จันทรางศุ" อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี- "ชูเกียรติ รัตนชัยชาญ" เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ต้องมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งของ คสช. หลังจากบุคคลทั้ง 2 ในช่วงที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยัง "เรืองอำนาจ" ก็เป็นกลไกสำคัญด้านกฎหมายช่วยประคองรัฐนาวายิ่งลักษณ์
และเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน คสช.ยังได้มีคำสั่งเด้ง 3 ข้าราชการ ประกอบด้วยนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด รวมทั้ง นายสุรชัย ศรีสารคาม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) มาทำงานที่่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น "มรสุม" ลูกล่าสุด ที่พัดเข้าใส่ข้าราชการ "สายพันธุ์การเมือง"
ก่อนหน้าที่ชีวิตข้าราชการ "ระดับซี 11" จะหักเห หลังถูกลดบทบาทลง จากที่เคยมี "บริวาร" ติดสอยห้อยตาม-ล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ปัจจุบันกลับต้องเข้ามาใช้ชีวิตข้าราชการภายใน "ห้องสี่เหลี่ยม" ติดกัน บน "ชั้นสี่" สำนักงาน ก.พ. เป็น "ห้องทำงาน" ประจำ โดยมีพื้นที่ว่างเป็น "ระเบียง" ให้พอได้สูดอากาศอยู่บ้าง
"ดวงไฟริบหรี่" ดับบ้าง สว่างบ้าง ตั้งแต่บริเวณบันไดทางเข้า-ทั่วทั้งตึกสี่ชั้น เฉกเช่น "ราศีแห่งโชคชะตา" ที่อ่อนแรงลง
ปัจจุบันยังต้อง "ระหกระเหิน"-ไม่สามารถเข้ามาทำงานได้ เนื่องจากภายใน "ห้องทำงานใหม่" ยัง "ระเกะระกะ" ไปด้วยเครื่องใช้สำนักงาน อาทิ โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ใส่เอกสาร ที่ห่อหุ้มไว้ด้วยพลาสติกใส รอขนย้าย นอกจากนี้ ระบบน้ำ-ไฟก็ยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ตึกสำนักงาน ก.พ. ถือเป็น "ตึกใหม่" ที่เตรียมไว้รองรับข้าราชการที่ถูกคำสั่ง คสช. โยกย้ายจากตำแหน่งเดิม ซึ่งขณะนี้มีข้าราชการที่ถูกโยกย้ายมาช่วยราชการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วนับสิบราย
โดยบริเวณ "ชั้นสี่" แต่เดิมใช้เป็นห้องทำงานของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) แต่ปัจจุบันได้ย้ายไปที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จ.นนทบุรี ทั้งหมดแล้ว
นอกจากนี้ยังมีตึกที่มีไว้สำหรับรองรับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ไว้ที่ "ตึกแดง"-ตึกบัญชาการ 2 ภายในทำเนียบรัฐบาลบางส่วน แต่เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปใช้เป็นห้องทำงานได้ เพราะอยู่ระหว่างซ่อมแซม
เป็นวิบากกรรมข้าราชการสายชินวัตร ในกรุทำเนียบ