Jom Petchpradab was live.
6h·
สังคมไทยเอื้อให้”โรคซึมเศร้า”มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
คนไทยรู้หรือไม่ว่า..ในแต่ละปี สังคมไทยต้องสูญเสียบุคลากรวัยทำงาน ที่มีอยู่ระหว่าง 20 - 35 ปี ไปถึง 4000 คนต่อปี จากการฆ่าตัวตายด้วยโรคซึมเศร้า. กรมสุขภาพจิต บอกว่า ทุก ๆ 2 ชั่วโมงมีคนวัยทำงานพยายามฆ่าตัวตายเพราะความเครียดและโรคซึมเศร้าอย่างน้อย 1 คน และส่วนมากฆ่าตัวตายสำเร็จ.
ดังนั้น "โรคซึมเศร้า(Depression)"จึงไม่ใช่อาการคิดไปเอง หรือวิตกไปเองของผู้ป่วย แต่มีเหตุปัจจัยมากมายที่ส่งผลให้คนที่มีความคาดหวัง มีความมุ่งมั่นกับความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเองและบุคคลอันเป็นที่รัก แต่ด้วยปัจจัยแวดล้อม ที่อาจจะเริ่มมาตั้งแต่การเลี้ยงดู การปลูกฝังค่านิยมความเชื่อ หรือแม้แต่ระบบการศึกษา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง และสภาพแวดล้อมทางสังคมในยุคที่สื่อโซเชี่ยลได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ชีวิตคนไทยวัยทำงาน ต้องยิ่งจมปรัก นำชีวิตดิ่งลงไปเรื่อย ๆ กับความสิ้นหวังที่จะให้เป็นไปตามที่คาดคิด ตั้งใจเอาไว้
"โรคซึมเศร้า" จึงเป็นเหมือนมัจจุราชที่ขี่อยู่บนหลังของคนทำงานในสังคมไทยอยู่ตลอดเวลา. สังคมไทยจะช่วยกัน ผลักมัจจุราชตัวนี้ให้หลุดไปจากบ่าของคนไทยได้อย่างไร
มาทำความรู้จักกับ "โรคซึมเศร้า" ว่ามันคืออะไร ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค และอาการป่วยของโรคชนิดนี้เป็นอย่างไร รวมไปถึงการบำบัดเยียวยารักษาจะเป็นแบบไหนได้บ้าง "คุณหมิว" หรือ คุณสิริลภัส กองตระการ สส.พรรคก้าวไกล. จะมาอธิบายในทุกประเด็นเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าในสังคมไทย ติดตามได้ทั้ง เฟสบุ๊ค Jom Petchpradab และทาง youtube - Jom Voice Channel ..ครับ
...
Tiwagorn Withiton
เหตุผลหลักๆของผมที่อยากมีชีวิตอยู่โดยที่ไม่คิดฆ่าตัวตายมีอยู่ 3 ข้อ
1. อยู่เพื่อทำในสิ่งที่ค้างคาไว้ให้เสร็จ เช่น งานที่ยังค้างคา ความมุ่งหวังหรือเป้าหมายที่ยังทำไม่สำเร็จ คำพูดที่เคยพูดไว้แต่ยังไม่ได้ตามที่พูด เป็นต้น เอาจริงๆสิ่งค้างคาที่ผมยังทำไม่เสร็จมันมีอยู่เยอะมาก มากมายเกินกว่าที่ผมจะทำให้เสร็จภายในช่วงชีวิตเดียว แทนที่ผมจะคิดอยากตาย ผมกลับอยากให้ในวันที่ผมเริ่มที่จะแก่ชราและมีร่างกายเสื่อมโทรมลง ผมอยากมีอีกหลายๆชีวิตโดยไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยการถอดสมองหรือโอนถ่ายข้อมูลในสมองไปสู่ร่างใหม่ที่เยาว์วัย เพื่อจะได้มีพละกำลังที่เต็มเปี่ยมที่จะไปทำในสิ่งที่ค้างคาไว้ให้เสร็จลุล่วงได้ทั้งหมด
2. อยู่เพื่อได้เรียนรู้และค้นหาความจริงของทุกสรรพสิ่งและทุกปรากฏการณ์ในจักรวาล ซึ่งเวลาชีวิตเพียงแค่อายุขัยเดียวมันไม่พออยู่แล้ว แล้วผมก็คิดว่าต่อให้มีชีวิตเป็นนิรันดร์หรือเป็นอมตะ ก็คงไม่สามารถที่จะเรียนรู้และเข้าใจความจริงของทุกสรรพสิ่งและทุกปรากฏการณ์ในจักรวาลให้ครบทั้งหมดได้อยู่ดี ผมจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยากตาย
3. ผมคิดว่ารสชาดของชีวิตมีหลากหลายรสชาด และคิดว่าโชคชะตาและเส้นทางชีวิตของแต่ละคนจะมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ผมต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อสัมผัส รับรู้ และดื่มด่ำกับรสชาดเหล่านั้นในทุกรสชาด ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์ ความเจ็บปวด ความทรมาน ความเศร้า ความผิดหวัง ความล้มเหลว ความสำเร็จ ฯลฯ ตามแต่โชคชะตาและเส้นทางชีวิตที่เป็นแบบเฉพาะตัวของผมที่มันจะเป็นไป ดังนั้นผมจึงไม่มีความคิดที่จะอยากตาย เพราะถ้าผมตายไปผมก็จะหมดสิทธิ์ที่จะได้ลิ้มรสชาดของชีวิตเหล่านั้นไปโดยปริยาย
ทิวากร วิถีตน
28 ม.ค. 2565
Jom Petchpradab
ทิวากร วิถีตน
เห็นด้วยครับน้อง