มีบางคนไม่ไว้วางใจกลัวจะมีเลศนัยซ่อนเร้น ที่ออกโพลอย่างนี้เปลี่ยนจากส้นเท้าเป็นฝ่ามือได้ไง ถึงขนาดเยินยอปิดท้ายโพลว่า “ถึงวันนี้จึงยากที่จะเหนี่ยวรั้งไว้ได้ รอวันแลนสไลด์ของพรรคก้าวไกลทั้งประเทศเท่านั้น” เพราะแฟนคลับมาแรง “เข้มข้น”
เป็นที่ทราบกันในหมู่ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยมาตั้งแต่ยุค คสช. ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลสอดไส้ สว.ว่าสำนักโพลซึ่งปั้นมากับมือโดย ดร.นพดล กรรณิการ์ นั้นถ้าไม่อวยรัฐบาลประยุทธ์ก็จะออกโพลขวางลำกระแสการเปลี่ยนแปลงเสมอ
ตลอดปีที่ผ่านมาหลังจาก ดร.นพดลลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการโพลแล้ว ผลโพลก็ยังคงแนวสลิ่มและเสล่อไม่เสื่อมซา แม้จะออกโพลน้อยลงจนเงียบหายเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งก้าวไกลได้คะแนนเสียงมากที่สุด แต่เพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว
โพลครั้งใหม่นี้จึงทำให้เกิดความระแวงว่าตระหวัดลิ้นเพื่อเอาตัวรอดหรือเปล่า แม้ผลโพลที่ระบุใกล้เคียงกับความเป็นไปได้ส่วนใหญ่ ว่าฐานเสียงก้าวไกลทั่วประเทศเวลานี้อยู่ที่ ๓๗.๓% มากกว่าเมื่อปี ๒๕๖๓ กว่าเท่าตัว
และเป็นพรรคที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่มากที่สุด แยกเป็นรุ่นอายุต่ำกว่า ๒๐ ถึง ๗๖.๒% และเกือบ ๔๙% ในกลุ่มอายุ ๒๐-๒๙ กับรุ่น ๓๐-๓๙ เกือบ ๓๔% และ ก็ไม่เบาเกือบ ๒๙% ในกลุ่มอายุ ๔๐-๔๙ แม้วัยเกษียณอายุ ๖๐ ขึ้นไปยังชอบถึง ๒๒.๒%
ข้อน่าสงสัยว่าโพลนี้จะทำการวางยา ตรงที่วิเคราะห์ผลโพลว่าเกิดจากความนิยมในตัว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหลักใหญ่ “การศึกษาดี มีความรู้ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล การสื่อสารดีทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ”
รวมไปถึง “ความสง่างาม ความดูดีมีเสน่ห์” บวกกับความช่ำชองของพรรคในการใช้เท็คโนโยลี่ก้าวหน้า พวก “ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และบอท (BOT) ในการจัดแคมเปญสร้างสรรค์...ตรงกับจริตความต้องการเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่”
ไม่มีพูดถึง คำถาม-คำตอบ เกี่ยวกับการทำงานตรวจสอบของพรรคก้าวไกล ที่กำลังเข้มข้นอยู่ในช่วงนี้ เหมือนว่ายังมีความเกรงใจใครบางคนอยู่มั้ง
(https://www.khaosod.co.th/politics/news_8071045 และ https://twitter.com/jenpasit/status/1751463293313761747)
