ถ้าไม่ได้ตั้งใจฟังคลิปการอภิปราย ๓๖ นาฑีเต็มของ ส.ส.เบญจา แสงจันทร์ ให้ข้อเท็จจริงมากมายถึงความเหมาะสมในการจัดตั้งอนุกรรมการวิสามัญ “เพื่อทำการ ‘ถ่ายโอน’ ธุรกิจและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทางพาณิชย์ของกองทัพ” ไปให้รัฐบาลละก็
คงจะยังคงมะงุมมะงาหรา หารู้ไม่ว่านอกจากประเทศนี้มี ‘พญาคชสาร’ ยืนขวางลำกลางห้องโถงการเมืองการปกครองแล้ว ยังมีเหลือบฝูงใหญ่เกาะกินเนื้อนาและดอกผล อันควรกระจัดกระจายในมวลหมู่ประชากรให้ถ้วนทั่วกัน
อันเป็นขั้นตอนแรกของกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาเรื่อง ‘ธุรกิจของกองทัพ’ ซึ่งประกอบด้วย ๑.เบญจา ๒.เชตวัน เตือประโคน ๓.จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ๔.กิตติพงษ์ ปิยะวรรณโณ ๕.พวงทอง ภวัครพันธ์ และ ๖.ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
คำอภิปรายของ ส.ส.เบญจานี้มีชาวทวิตภพรายหนึ่งบอกว่า “ได้สร้างประวัติศาสตร์” เนื่องจากมีคนปรามาสว่า “ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ก็ไม่กล้าแตะกองทัพหรอก ได้แต่โม้ไปวันๆ ว่าจะปฏิรูปกองทัพ” ทว่า ส.ส.เบญจาได้ทำแล้ว
เธอแจงละเอียด ‘เป็นจะเป็นโกลน’ ตั้งแต่เรื่องทรัพย์สินหลังเกษียณของบรรดานายพลระดับ ผบ.ทบ.หลายคน ตั้งแต่เฉียดร้อยล้านไปจนถึงกว่า ๒๐๐ ล้าน ไปถึงจำนวนนายพลไทยมีเท่าไรแน่ จากนับตกหล่นเหลือแค่พัน ไปถึงบวกจำนวนซ่อนเร้นเป็นกว่า ๓ พัน
อีกทั้งในกรณีถือครองและโกยผลประโยชน์จากที่ดินราชพัสดุ และสวัสดิการเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าสนามกอล์ฟ โรงแรม และปั๊มน้ำมัน ไปถึงการเข้าไปนั่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ (นอกเหนือจากบอร์ดของบรรษัทเอกชน) บางปีเกินร้อยแห่ง
ยังมีการเป็นเจ้าของคลื่นความถี่วิทยุ/โทรทัศน์ กว่า ๒๐๐ แห่ง รายได้เท่าไรใครรู้บ้าง เช่นคลื่น เอฟเอ็ม ๙๙.๕ นั่นค่าเช่าปาเข้าไป ๖๔.๘ ล้านแล้ว รวมไปถึงค่าบริการโครงข่าย ‘มัก’ ช่องโทรทัศน์ดิจิทัล ตั้งแต่เดือนละ ๓.๕ ล้าน ถึง ๑๐.๕ ล้าน
รายได้จาก MUX ทั้งสิ้น ๑๔ ช่อง เหนาะๆ ๑,๐๐๘ ล้านต่อเดือนเข้าไปแล้ว ธุรกิจด้านพลังงานอีกล่ะ จากกรมการพลังงานทหาร ทำมา ๖๘ ปีทำเงินได้แล้วมียอดอย่างน้อยๆ ๔ หมื่นล้านบาท ไหนจะกองทัพเรือขายกระแสไฟฟ้าให้ชาวบ้านสัตหีบอีกล่ะ
นอกนั้นมีรายได้จากการเอาที่ราชพัสดุไปทำโซลาร์ฟาร์ม ตลอด ๒๕ ปีที่ผ่านมา ประมาณ ๓๓,๔๘๐ ล้านบาท ทั้งหมดนั้นยังไม่นับรายได้งบประมาณกระทรวงกลาโหม เพิ่มขึ้นไม่หยุดยั้งมากบ้างน้อยบ้าง แต่ยังยืนเพดานสูงปรี๊ดไว้เสมอ
(https://twitter.com/SleeplessBKK/status/1750491719718834481)