วันอังคาร, มกราคม 30, 2567

อิ๊งเปิดใจ จุดยืนมูฟออนจากความขัดแย้ง แจงไม่ร่วมมือก้าวไกล เพราะเห็นต่างเรื่องม.112



อิ๊งเปิดใจ จุดยืนมูฟออนจากความขัดแย้ง แจงไม่ร่วมมือก้าวไกล เพราะเห็นต่างเรื่องม.112

29 มกราคม 2567
มติชนออนไลน์

อิ๊งเปิดใจ จุดยืนมูฟออนจากความขัดแย้ง แจงไม่ร่วมมือก้าวไกล เพราะเห็นต่างเรื่องม.112

เมื่อวันที่ 29 มกราคม นิกเกอิเอเชีย ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดย แพทองธารกล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะอยู่ด้วยกันภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ท่ามกลางการคาดเดาว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี และนายเศรษฐาอาจจะต้องลงจากตำแหน่ง หลังการเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในเดือนพฤษภาคมนี้

แพทองธารกล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์นิกเกอิเอเชีย เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมาว่า เธอคิดว่าเศรษฐาคือคนที่ใช่ในชั่วโมงนี้สำหรับประเทศไทย และหากรัฐบาลสามารถอยู่ได้อย่างนาน และมีเสถียรภาพ ก็จะเป็นสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ การให้สัมภาษณ์ของแพทองธาร ถือเป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติครั้งแรกนับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า แพทองธาร ในวัย 37 ปี ได้เข้าสู่วงการการเมืองเมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากได้รับการเสนอชื่อให้เป็น 1 ใน 3 ตัวแทนพรรคในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยชื่อของแพทองธาร และความคล้ายคลึงกับพ่อของเธอ ได้ช่วยผลักดันคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยให้เพิ่มสูงขึ้นจากการสำรวจก่อนหน้าการเลือกตั้งที่มีขึ้นในเดือนพฤษภาคม แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นพรรคที่มีคะแนนมากที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาล โดยได้คะแนนเป็นอันดับ 2 รองจากพรรคก้าวไกล



โดยพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบันขึ้นจาก 11 พรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งพรรคที่มาจากพวกกองทัพ หลังจากฉีกตัวออกจากพรรคก้าวไกลสร้างความผิดหวังให้แก่ผู้ที่ลงคะแนนเสียงให้ ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลชุดเก่าที่มีส่วนเกี่ยวโยงกับกองทัพ

ในเรื่องดังกล่าว แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า เธอไม่เห็นมีทหารคนไหนมาวนเวียนอยู่ และจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป เราควรจะมูฟออน และหยุดพูดเกี่ยวกับประเด็นดราม่าทางการเมือง

ขณะที่นายทักษิณ บิดาของแพทองธาร ที่ถูกทหารทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 ในขณะที่รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาของแพทองธาร น้องสาวของทักษิณ ก็ถูกรัฐบาลประหารในปี 2557 โดยทักษิณและยิ่งลักษณ์ต่างลี้ภัยไปอยู่เมืองนอก หลังโดนข้อหาคอร์รัปชั่นและประพฤติผิดต่อหน้าที่ ก่อนที่ทักษิณจะเดินทางกลับมาไทยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อรับโทษจำคุก

นิกเกอิเอเชียระบุว่า บรรดาผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลได้แสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันเมื่อวันที่ 25 มกราคม ด้วยการร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน โดยที่แพทองธารนั่งอยู่ที่ด้านขวาของนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้บริหารพรรคและรัฐมนตรีอีกหลายคน รวมถึงผู้นำของพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญ 2 พรรค คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

แพทองธารกล่าวว่า ประเทศหยุดนิ่งมาพักหนึ่งแล้ว เรามองในภาพที่ใหญ่กว่า เราเชื่อในสิ่งเดียวกัน ไม่มีความรุนแรง และต้องการให้ประเทศดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้กำลังจะเผชิญกับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ที่มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ กำลังจะหมดวาระลงในเดือนพฤษภาคม ซึ่งหากไม่มีวุฒิสมาชิก พรรคเพื่อไทยก็อาจจะใช้อำนาจของ ส.ส.ที่มีอยู่ 141 คน ในการปรับเปลี่ยนพันธมิตรใหม่ และเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นมา

ซึ่งแพทองธารกล่าวว่า การตัดสินใจเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี และเราเชื่อว่าเศรษฐามีความสุขอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาล

นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันต่อเรื่องการตัดสินใจอีก คือการตัดสินคดีของทักษิณในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ที่คณะกรรมการราชทัณฑ์จะเป็นผู้ตัดสินว่า ทักษิณ ซึ่งขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จะได้รับการรับโทษที่เหลือด้วยการถูกกักบริเวณจนถึงเดือนสิงหาคมหรือไม่ หลังจากที่ทักษิณได้รับการพระราชทานอภัยโทษเมื่อเดือนกันยายน จากจำคุก 8 ปี เหลือจำคุก 1 ปี

ซึ่งแพทองธารกล่าวว่า หวังว่าคณะกรรมการราชทัณฑ์จะอนุญาตให้พ่อของเธอ ซึ่งอายุ 74 ปีแล้ว รับโทษที่เหลือที่บ้านได้ ในขณะที่มีคำถามมากมายเกี่ยวกับความจำเป็นในการให้ทักษิณรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งแพทองธารกล่าวว่า พ่อของเธอป่วย แต่ก็จะต้องมีชีวิตรอด และว่า เธอได้เยี่ยมพ่อ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยไปพร้อมๆ กับลูกๆ โดยมีเวลาในการเยี่ยมครั้งละไม่เกิน 30 นาที

รายงานระบุว่า ตามกฎหมายไทยได้ห้ามทักษิณเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมือง หรือร่วมในพรรคการหมือง หรือดำรงตำแหน่งทางราชการ ซึ่งแพทองธารกล่าวว่า ทักษิณเป็นบุคคลที่คนเพื่อไทยให้ความเคารพ แต่ทักษิณจะไม่เข้ามารับตำแหน่งใดๆ และว่า เธอได้ปรึกษาพ่อของเธอ รวมทั้งนายเศรษฐาอยู่ตลอดเวลา

แพทองธารกล่าวว่า นายเศรษฐาเป็นหนึ่งในคนที่เธอไว้ใจอย่างมาก และปรึกษาเรื่องต่างๆ มากมาย พร้อมกับยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่มีแผนที่จะพิจารณาเรื่องการไปจับมือร่วมกับพรรคก้าวไกล เนื่องจากนโยบายหลักของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการหมิ่นสถาบัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกินขอบเขตที่จะยอมรับได้สำหรับพรรคเพื่อไทยและพรรคอนุรักษนิยมอื่นๆ

“เราไม่เห็นด้วยกับหลายอย่าง เช่น มาตรา 112 เราได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และเราได้ให้เหตุผลทั้งหมดที่เราไม่สามารถร่วมกับเขาได้” แพทองธารกล่าว

(https://www.matichon.co.th/politics/news_4400121)