วันอาทิตย์, มกราคม 07, 2567

#แบงก์ชาติมีไว้ทำไม ?? อัตราเงินเฟ้อติดลบแล้ว + แบงก์กำไร 2.2 แสนล้านบาท + วิกฤตหนี้ครัวเรือน = ลดดอกเบี้ยได้นะ





 

https://www.facebook.com/boycitychanFC/posts/948061420013656?ref=embed_post
หนุ่มเมืองจันท์
10h·

”แบงก์กำไรสูงสุด 2.2 แสนล้าน
อานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น-BBL แชมป์“
เห็นพาดหัวข่าวของ ”ประชาชาติธุรกิจ“ วันนี้แล้วอึ้งเลยครับ
ผมไม่รู้ว่า “แบงก์ชาติ” จะรู้สึกตะหงิดอะไรในใจบ้างไหม
1.ถ้าเศรษฐกิจดี ประชาชนมีกำลังซื้อ พ่อค้าแม่ค้าขายของได้ ทุกธุรกิจมีกำไรเพิ่มขึ้น
ธุรกิจแบงก์ที่เปรียบเสมือน “หัวใจ” สูบฉีดเลือดหรือเงินไปเลี้ยงร่างกายหรือภาคธุรกิจจะมีกำไรในสถานการณ์แบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ
ร่างกายดี หัวใจก็ควรจะแข็งแรง
2.แต่สถานการณ์เศรษฐกิจในวันนี้แย่มาก
แบงก์ชาติเพิ่งปรับลด GDP ปี2566 จาก 3.6% เหลือ 2.4%
พ่อค้าแม่ค้าบ่นว่าขายของไม่ดี
ธุรกิจเอสเอ็มอี 11 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566 เลิกกิจการ 17,858 ราย เพิ่มขึ้นจากปี2565 ถึง 11%
รถยนต์ถูกยึดเดือนละ 27,000 คัน เพราะคนผ่อนไม่ไหว
3.คนที่ยื่นเรื่องขอกู้ซื้อบ้านถูกแบงก์ปฏิเสธประมาณ 50%.
แต่ถ้าเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมราคา 1-3 ล้านบาท อัตราการกู้ไม่ผ่านสูงถึง 70%
เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ค่าผ่อนบ้านต่อเดือนสูงขึ้นในขณะที่เงินเดือนเท่าเดิม
แบงก์ไม่ปล่อยกู้เพราะกลัวหนี้เสีย
4.ลำพังแค่เศรษฐกิจไม่ดี แต่แบงก์กำไรเพิ่มขึ้นก็ถือว่าผิดปกติแล้ว
เหมือนร่างกายอ่อนแอ แต่หัวใจกลับแข็งแรง
พอมาดูเหตุผลว่าทำไมแบงก์ไทยทำกำไรได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ตั้งแบงก์มา
…ยิ่งน่าตกใจ
รู้ไหมครับว่ากำไรที่สูงลิ่วของแบงก์มาจากอะไร
“การเพิ่มขึ้นของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ” หรือ NIM ครับ
หมายความว่าในขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น
แบงก์ก็ขยับ “ส่วนต่าง” ของดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ของแบงก์ไทยเพิ่มขึ้นจากเดิม
จ่ายดอกเบี้ยคนฝากเงินน้อยๆ แต่ให้กู้แพงๆ
ทำกำไรแบบง่ายๆ
นักวิเคราะห์บอกว่าแบงก์ที่กำไรจาก “ส่วนต่าง” นี้มากที่สุด คือ แบงก์กรุงเทพ
อย่าแปลกใจ เพราะดอกเบี้ยฝากประจำ 1 ปีของแบงก์กรุงเทพต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับแบงก์ใหญ่ทั้งหมด
ตอนนี้อยู่ที่ 1.6%
ในขณะที่แบงก์อื่นขยับขึ้นเป็น 2-2.2 %แล้ว
ที่มีคนกล่าวหาว่าแบงก์เป็น “เสือนอนกิน” จึงไม่ใช่คำกล่าวหา
5.ประเด็นสำคัญ ก็คือ หน่วยงานที่กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ คือ ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่รู้สึกว่าผิดปกติบ้างหรือครับ
เมื่อGDP ที่เป็นดัชนีบอกว่าประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าไร
แบงก์ชาติบอกว่าปี 2566 ประมาณ 2.4%
แต่ธุรกิจธนาคารที่คุมระบบการเงินของประเทศเติบโตสูงถึง 18.5%
หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศถึงเกือบ 8 เท่าตัว
ความผิดเพี้ยนแบบนี้รัฐบาลและแบงก์ชาติไม่รู้สึก “เอ๊ะ” อะไรบ้างหรือครับ
“แบงก์ชาติ” นั้นเหมือนคุณหมอที่ดูแลเรื่อง “หัวใจ”
เมื่อเห็นการทำงานของ “หัวใจ” เต้นผิดปกติแบบนี้
จะไม่คิดทำอะไรบ้างเลยหรือ
หรือเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติของเศรษฐกิจประเทศ
ที่แบงก์ชาติบอกว่า “กำลังฟื้นตัว”
6.บทความชิ้นนี้ถ้าใครอ่านแล้ว “เห็นด้วย”
ท่านสามารถกดรูป “หัวใจ” หรือชมว่า “น่ารักมากค่ะ” ได้ด้วยความสบายใจ
ผู้เขียนยืนยันว่าไม่คิดเป็นอื่นครับ