เจอโวหารบรรยายโดยนักเขียนคนนี้ Kgb Gee Gee ที่เพจตลาดนัดราชวงศ์ (ชื่อราชการ ‘Royalists Marketplace’) เลยได้รู้อะไรๆ หลายอย่าง เรื่องขนบฯ ในรั้ววังของการ ‘กราบ’ ทั้งก้งโค้งกราบ พับเพียบกราบ และพังพาบกราบ
ตามภาพประกอบหมายเลขหนึ่ง เขาว่ารัชกาลที่ ๕ ทรงยกเลิกการหมอบกราบไปตั้งแต่หลาย ‘เด็คเกดส์’ มาแล้ว แต่พสกนิกรไทยในทศวรรษ ๒๕๖๐ รื้อฟื้นเอากลับมาใหม่ เห็นได้จากท่าพังพาบของนายกฯ คนที่เพิ่งผ่านไปเป็น ‘องคะ’ ของกษัตริย์
เค้าสาธยายถึงการเปลี่ยนแปลงโดย ร.๕ เป็นเพราะ “ฝรั่งอั้งม่อดูหมิ่นว่าบ้านป่าเมืองเถื่อน คนยุโรปยืนหลังตรง มากสุดก็โค้งคำนับ” เนื่องจาก “สิ่งมีชีวิตที่สันหลังขนานไปกับพื้นโลกขณะเคลื่อนที่ เขาเรียกว่า เดรัจฉาน” แต่ในยุค ร.๑๐ เปลี่ยนไป
ถึงรูปที่สองเขาว่า “เป็นการกราบศพ” โดยแยกประเภท ถ้าเป็นศพของสมณเพศ “ให้คุกเข่าแล้วกราบ” ถ้าเป็นศพคนธรรมดาทั่วไป ให้นั่งพับเพียบแล้วกราบ ดั้งนั้นรูปหนึ่งกับรูปสองกราบคล้ายๆ กัน ต่างแต่ว่ารูปสองกราบคนตาย แต่รูปหนึ่งกราบประมุข
พอมารูปสาม เขาบอกเป็นลูกชายคนโตที่เกิดกับเมียคนที่สองของอดีตองค์รัชทายาท กลับมาไทยครั้งที่สองเพื่อกราบอนุสาวรีย์ของเสด็จปู่ เช่นเดียวกับรูปที่สี่ องค์ ‘หริภา’ กราบรูปสมเด็จตา เค้ารวบยอดว่าท่ากึ่งนอนกราบตามรูปสามและสี่นั้น
เข้าข่ายเดียวกับพับเพียบกราบ ซึ่งก็ไปลม้ายคล้ายกับ “ตอนพระองค์ภากราบแม่เลี้ยงและคุณพ่อ โดยกราบแนบพื้นซีเมนต์พื้นถนนเลย” เหล่านั้นทำให้งงงวย ว่าขนบฯ ในวังไหงปนเปไปหมดเรื่องกราบ ทำไมกราบคนเป็นกับคนตายจึงเหมือนกัน
ที่สุดเขาถึงบางอ้อว่า “บางทีก็ซับซ้อนเกินสติปัญญาของผมที่จะเข้าใจ” ยิ่งตอนนี้มีท่าใหม่เบิกโรงในละครทีวีจักรๆ วงศ์ๆ ย้อนยุคไปอยุธยา “ท่าพับเป็ดของ (ดาราหญิง) ใหม่ดาวิกา” เมื่อสาวถวายตัวเป็นข้าฯ ของกษัตริย์
ด้วยการนอนหงายพับขาสองข้างไว้ด้านหลัง มือพนมเหนือหัว รอพระบรมราชสังวาส ซึ่งน่าจะเป็น ‘ท่ายาก’ ชนิด Hard Core ยิ่งกว่า ‘กามสูตร’ ของอินเดีย คงไม่สามารถรื้อฟื้นมาใช้เป็น Soft Power ของไทยในศตวรรษที่ ๒๑ นี้ได้
(https://www.facebook.com/groups/634791290746287=1585894482302625)