เรื่องของ UNHCR ที่ผมพยายามจะไม่พูด เลือกที่จะเก็บเงียบมานานเพราะกลัวว่าจะมีผลกระทบต่อสิ่งที่ผมทำ
3 ปี 6 เดือน ที่ผมได้เข้ามาช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับองค์กรนี้ ซึ่งผมแทบจะไม่เห็นเลยว่าพวกเขาได้ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยแบบจริงจัง มีกลุ่มผู้ลี้ภัยจากประเทศต่างๆเช่นปากีสถาน โซมาเลีย คองโก เวียดนาม เกาหลีเหนือ ฯลฯ ที่หลบอยู่ตามซอกหลืบของกรุงเทพ 6,000 คน และถูกกักขังอยู่ในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอีกจำนวนนับพันคน แต่ทาง UNHCR ไม่เคยพูดถึงกลุ่มคนเหล่านี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่ขอรับบริจาคให้ผู้ลี้ภัยในประเทศอื่นๆ และพูดถึงแต่เคสดังๆเท่านั้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมได้ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยหลายครอบครัว ให้ลี้ภัยไปประเทศที่สามเช่นแคนาดาและฝรั่งเศส พวกเขาเหล่านั้นได้ยื่นเรื่องกับ UNHCR แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ โดยใช้ข้ออ้างสารพัด เช่นติดเรื่องเอกสารบ้าง สัมภาษณ์ไม่ผ่านบ้าง และหนึ่งในข้ออ้างที่ผมกังขาคือได้ประสานงานให้แล้วแต่ประเทศปลายทางไม่รับ ก็เลยทำอะไรไม่ได้ แต่เดี๋ยวนะ UNHCR เป็นองค์กรใหญ่ระดับโลก มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ลี้ภัย มีเจ้าหน้าที่หลายพันคน มีคอนเนคชั่นและความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ดันบอกว่าไม่สามารถช่วยได้
แต่ผมเป็นคนธรรมดาๆคนนึง ไม่ได้ทำงานองค์กรใดๆ ไม่ได้มีคอนเนคชั่นกับประเทศไหน แต่ผมสามารถส่งกลุ่มคนเหล่านี้ไปประเทศที่สามได้ และส่งไปหลายครอบครัวแล้วด้วย ข้ออ้างของ UNHCR มันจึงฟังไม่ขึ้น นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานของตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเลย เพราะถ้าผมทำได้ ทำไมองค์กรของคุณถึงทำไม่ได้หรือ? อยากฟังคำอธิบายมากๆ
มีอยู่หลายครั้งที่การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของผมต้องมีปัญหากับองค์กรนี้ แต่ที่หนักที่สุดก็คือการที่ผมโดนขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ของ UNHCR หลายต่อหลายเคส ยกตัวอย่างเคสของครอบครัวม้ง 7 คน ผมได้โพสต์เรื่องราวของครอบครัวนี้ไว้ที่นี่ ลองอ่านดู https://www.facebook.com/sakda.kaewbuadee/posts/10155651470275264
ตลอดระยะเวลาที่นาย Nhia ถูกขังเป็นเวลา 10 ปี UNHCR ปฏิเสธทุกครั้งที่ครอบครัวนี้ยื่นเรื่องลี้ภัยไปประเทศที่สาม จนผมต้องเป็นคนยื่นเรื่องกับประเทศปลายทางด้วยตัวเอง กระทั่งได้รับการตอบรับ ทาง UNHCR ก็รับรู้ว่าผมทำอะไรบ้าง ทั้งเรื่องเอกสารและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่พวกเขาก็ยืนมองอยู่ใกลๆ ไม่ได้ช่วยเหลือใดๆแม้แต่บาทเดียว
ผมได้เจอกับ UNHCR (คนไทย)ตลอดตั้งแต่วันที่ผมพาครอบครัวนี้ไปขึ้นศาล ฝากขัง ทั้งเรื่องการยื่นเอกสาร UNHCR ก็อยู่ที่ ตม.กับผมวันนั้น ทั้งเรื่องการซื้อตั๋วเครื่องบินที่ผมเป็นคนไปซื้อด้วยตนเองแล้วเอามามอบให้เจ้าหน้าที่ UNHCR ที่ ตม. ซึ่งผมเองก็เป็นคนที่เดินทางพาครอบครัวนี้ไปฝรั่งเศสเองด้วย
แต่สุดท้ายวันที่จะเดินทาง ผมได้โทรไปถามเจ้าหน้าที่ UNHCR ถึงกำหนดการเวลาส่งตัวออกจาก ตม.เพื่อไปสนามบิน แต่ผมได้รับการปฏเสธให้รับรู้ข้อมูล พวกเขาขัดขวางผมในการช่วยเหลือ โดยบอกผมว่าผมเป็นแค่คนนอกไม่ได้มีตำแหน่งและหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ไม่มีสิทธิ์รับรู้ข้อมูลใดๆ ทั้งๆที่ผมเป็นคนทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น และที่สำคัญผมจะต้องเป็นคนพาครอบครัวนี้ไปด้วย ถ้าผมไม่เจอกันที่สนามบินแล้วจะทำยังไง แต่อย่างไรก็ตาม UNHCR ก็ไม่ยอมฟัง วันนั้นจำได้ดีว่าผมโมโหมากและด่ากราด UNHCR จนเขาต้องตัดสายผมทิ้ง
ผมจึงต้องติดต่อสถานทูตของประเทศปลายทางด้วยตัวเองเพื่อเอาข้อมูลของกำหนดการ จนในที่สุดก็ได้ไปเจอกันที่สนามบิน และผมก็คิดอยู่ตลอดว่าผมทำเกินหน้าเกินตาองค์กรนี้ไปหรือเปล่า แทนที่จะส่งเสริมกันช่วยเหลือกัน แต่กลับกลายเป็นโดนขัดขวางซะนี่
อย่างไรก็ตามก็ต้องขอบคุณ UNHCR เพราะทุกเคสที่ถูกปฏิเสธแล้วผมได้ช่วยเหลือติดต่อประเทศปลายทางให้ไปประเทศที่สาม ตามกฏแล้วสุดท้ายถ้าต้องการจะออกจากประเทศนี้ได้ ก็ต้องส่งให้ UNHCR เป็นคนจัดการเรื่องการส่งตัวอยู่ดี
...