วันอังคาร, มิถุนายน 02, 2563

ส.ส.หญิง พปชร.ว่าโควิดพลิกโอกาส “จะกลายเป็นไทยได้เปรียบแทน” มิน่าพรรคถึงวุ่น


ช่างพูดเหมือนท่องอาขยาน ส.ส.หญิงพลังประชารัฐนางนี้ ชื่นชมรัฐบาลประยุทธ์ ๒ ว่า “มีความสามารถที่จะกำหนดความชัดเจนของการแก้ไขปัญหาโควิด-๑๙” แล้วยังชี้ให้เห็นว่าวิกฤตโควิด เปิดโอกาสยิ่งใหญ่ให้แก่ไทย

“โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่ทำให้เราได้เริ่มต้นนับหนึ่งพร้อมกับประเทศอื่นที่เคยได้เปรียบไทย” พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ อ้างในการอภิปรายสนับสนุน พรก.เราไม่ทิ้งกัน โดยเชื่อว่าเสร็จจากโควิด “จะกลายเป็นไทยได้เปรียบแทน”

แล้วยังบอกด้วยว่าตลอดวิกฤตที่ผ่านมา “คนไทยที่ดำรงชีวิตอยู่ได้...เพราะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้พระราชทานให้” แท้ๆ เนื่องจากปรัชญานี้ “เป็นรากฐานการวางแผนการเงินของคนไทยอย่างแท้จริง”

ซึ้ง (ขออนุญาตเช็ดน้ำตาเดี๋ยวนะ) ต้องขอบคุณรัฐบาลด้วยสิ จากการปิดประเทศโดยไม่มีการวางแผนที่ดี ทำให้ความอดอยากยากจนของคนหาเช้ากินค่ำ ย่ำแย่ไปยิ่งกว่าที่ต้องทนทุกข์กันมา ๔-๕ ปี มีการฆ่าตัวตายหลายราย

ใครที่รอดมาได้แสดงว่ามีน้ำอดน้ำทนเพียงพอ สมกับปรัชญาพอเพียง ฉะนี้เจ้าของพรรคจึงได้จัดฉากเปลี่ยนฝีพาย มีกรรมการบริหาร ๑๘ คนลาออก เป็นผลให้ผู้บริหารระดับต้นๆ ตั้งแต่หัวหน้าพรรคลงมา รวมทั้งก๊วนสี่กุมาร หลุดตำแหน่งโดยปริยาย

ข่าวแซ่ดว่าภายใน ๔๕ วันต่อนี้ไป วันไหนก็ได้ (ตามคำ วิษณุ เครืองาม เจ้ากรมตีความตามใจ) ต้องโหวตกรรมการพรรคชุดใหม่ ให้เฮียป้อมพี่ใหญ่ไปนั่งคุมพรรคและ ส.ส.โดยตรง ไม่ต้องคอยชักใยอยู่ข้างหลังอีกต่อไปตามแผนครองเมืองนานๆ

แม้นเฮียเค้าจะทำหน้าตาย (แข็งๆ) “ไม่รู้ ไม่เกี่ยว” ตามเคย ขณะที่น้องรัก ตู่ ว่าเป็นเรื่องธรรมดาของพรรคการเมือง “อย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยว ผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค” แต่ถ้าเป็นการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ถึงเวลาเมื่อไหร่ เดี๋ยวจัดการเอง

อ้อ ตู่ยังดุอีกว่า “เป็นเรื่องของผม ตอนนี้ยังไม่มี ยังไม่ตอบ ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะคิดเรื่องนี้เข้าใจไหม พูดหลายทีแล้วไม่ใช่หรือ วันนี้ประชาชนเดือดร้อนอยู่มากมายมหาศาล” อ้าว ไม่ยักฟังพิชชารัตน์ เธอชี้ช่องพลิกโอกาสกลบวิกฤตแล้วนิ

ไม่รู้เหมือนกันคนอ้างหมายถึงประเทศไหนบ้าง “ที่เคยได้เปรียบไทย” เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เยอรมนี อเมริกา ซาอุดิอาราเบีย หรือว่าประเทศที่กำลังจะแซงหน้าไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ไม่เว้นพม่า เขมร ลาว
 
รายหลังสุดนี่กำลังพยายาม ก้าวกระโดด’ (The Great Leap Forward) ภายใต้การนำทางของจีน นอกจากเทียบเชิญให้เข้าไปปลูกถั่วปลูกงา และกล้วย ส่งกลับไปบริโภคบนแผ่นดินใหญ่แล้ว ยังยินดีให้จีนไปสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าขายคึกคัก

เขื่อนหลักแห่งใหม่ที่สานะคาม ห่างชายแดนไทยแค่ ๒ ก.ม. เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสานเตือนว่าจะกระทบต่อระบบนิเวศ และการทำมาหากินดำรงชีวิตของชุมชนสองฝั่งแม่น้ำตอนล่าง เครือข่ายฯ ชี้ว่านี่เป็นการฉวยโอกาสช่วงโควิด-๑๙ ระบาด

เขื่อนสานะคามที่มีกำลังการผลิต ๖๘๔ เมกะวัตต์นี้ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอเชียงคาน จ.เลยของไทยชนิดเกือบจะชะเง้อเห็นกัน โครงการที่ลาวเปิดให้จีนเข้าไปทำเพื่อแบ่งผลประโยชนกันนี้กำลังเร่งเดินหน้าให้เสร็จในปี ๒๕๗๑

โดยกำหนดไว้ว่า “ไฟฟ้าที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะถูกส่งมาขายให้กับประเทศไทย” ทั้งที่ไทยเองไม่จำเป็นต้องซื้อพลังงานจากนอกประเทศเพิ่มเติมอีกแล้ว เพราะมีปริมาณพลังงานสำรองเหลือล้น เกินต้องการอยู่แล้วเกือบ ๔๐ %

เรื่องร้ายที่ต้องกังวล “ต่อผลกระทบระบบนิเวศของแม่น้ำโขง ทั้งปลา การสูญเสียตลิ่ง และการใช้น้ำของชาวบ้าน...โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขต อ.เชียงคาน อ.ปากชม จ.เลย และ อ.สังคม จ.หนองคาย ที่ใช้น้ำดิบจากแม่น้ำโขงผลิตประปา ๑๐๐%

เครือข่ายฯ ร้องเรียนรัฐบาลอย่างน้อยๆ โปรดอย่าได้ไปตกร่องปล่องชิ้นรับซื้อกระแสไฟฟ้าจากเขื่อนสานะคามนี้เลย แล้วก็ควรที่จะสอบถามขอข้อมูลและข้อเท็จจริงรอบด้าน เรื่องผลกระทบระบบนิเวศและความเป็นอยู่ของชาวลำน้ำโขง

ตัวอย่างจากเขื่อนไซยะบุรีทางตอนเหนือของลุ่มน้ำที่เริ่มมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๒ เวลานี้มีผลกระทบกับ “ความมั่นคงทางอาหารของชุมชนแม่น้ำโขงตอนล่างทั้งสี่ประเทศ ชาวประมงพื้นบ้านต้องสูญเสียอาชีพกับรายได้” ไหนจะเสียแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ

เรื่องอย่างนี้มีบ้างไหม คนในรัฐบาลใส่ใจแค่ไหน นับประสาอะไรกับพวก ไอ้เณร บรรดา ส.ส.พรรค พปชร.ของคณะทหาร ทั้งพวกที่มาจากการ ดูด และ ปูนบำเหน็จ ล้วนจับจ้องจังหวะจับสลับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีกันอย่างระทึก

ประเทศไทยนี้ดี มีสมบัติไว้ให้ลิ่วล้อรัฐประหารผลัดกันชม