“น้องต้า” ที่ผมรู้จัก
ผมพบ“น้องต้า” วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ครั้งแรกที่เขมร ประมาณกลางเดือนมิถุนาย ปี 2557 หลังรัฐประหารผ่านไปเดือนกว่า เราคุยกันว่า จะออกมาทำสื่อในต่างประเทศด้วยกัน เพื่อต่อต้านเผด็จการในประเทศไทย เพราะยากแล้วที่คนไทยจะมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นนับจากนี้ไป ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะอยู่ในฐานะผู้ลี้ภัย (ยังไม่ถูกตั้งคดีจาก คสช.) น้องต้า กระตือรือล้นมากที่จะทำงานร่วมกัน และไม่กี่วันต่อมาผมก็ต้องบินไปอเมริกาเพื่อวางแผนรวมพลสื่อมวลชนคนลี้ภัยในต่างประเทศที่อเมริกา จากนั้นก็ไม่ได้เจอกับ น้องต้า อีกเลยแต่ก็สื่อสารกันบ้างทางโทรศัพท์
“น้องต้า” ฉลาด ปราดเปรื่อง คล่องและว่องไวโดยเฉพาะด้านไอที แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเข้ามาลี้ภัยการเมืองในอเมริกา ทั้ง ๆ ที่เขามีโอกาสมากกว่าคนอื่นทั้งในการเดินทางและมีโอกาสที่จะเลือกไปลี้ภัยในประเทศไหนก็ได้ถ้าเขาต้องการ แต่ไม่ทราบเหตุ จึงยังปักหลักอยู่ในกัมพูชา แม้ว่า หลัง ร.10 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถสืบทอดอำนาจได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
มีการส่งสัญญาณเตือนไปยังพี่น้องผู้ลี้ภัยทั้งใน ลาว และเขมร อยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะในลาว แต่ดูเหมือน น้องต้า ก็ยังมั่นใจถึงความปลอดภัยในเขมร
ครั้งสุดท้ายที่คุยกันทางโทรศัพท์ เขาบอกจะวางมือทางการเมืองและหันมาทำธุรกิจ โดยใช้กัมพูชาเป็นฐาน เป็นธุรกิจส่งออก เคยชวนผมร่วมด้วย แต่ก็เงียบไป มาทราบอีกทีว่าทำเกษตรแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่เขามั่นใจที่จะอยู่ในเขมรต่อไป เพราะคิดว่า หากวางมือทางการเมืองคือ ลดการทำคลิปวิพากษ์วิจารณ์การเมือง หรือสถาบันกษัตริย์ไทยแล้ว เขาคงจะปลอดภัยและตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินอยู่ในเขมรได้ ซึ่งปกติแล้ว น้องต้า ระวังที่จะวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ไทยอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ผิดคาด
มีการคุยกันในหมู่ผู้ลี้ภัยในต่างประเทศว่า เป็นความแค้นที่ยากจะระบายของ ผู้ทรงอำนาจสูงสุดในไทย จากการที่ถูกไล่รังคราญจากคนเยอรมัน และผู้ลี้ภัยไทยฝั่งยุโรป เลยต้องการสำแดง “เชือดไก่ตัวใหญ่”อีกตัวเพื่อเป็นการสังเวยความแค้น
10 วันก่อนทราบว่ามีชายลึกลับไปตามหาน้องต้าที่บ้านเกิด อุบลราชธานีด้วย
ปฎิบัติการอุ้มตัว “น้องต้า” กลางวันแสก ๆ กลางกรุงพนมเปญ ที่หน้าคอนโดฯเขา ราว 5 โมงเย็น วันที่ 4 มิถุนายน 2563 มีผู้เห็นเหตุการณ์มากกว่า 10 คน และมีคนพยายามจะเข้าไปช่วย แต่ถูกขู่ด้วยปืน ภายในรถ Toyota Highlander สีน้ำเงินเข้ม มีคนร้ายอยู่ 4 – 5 คนมีอาวุธครบมือ ฉวยโอกาสที่ น้องต้า กำลังเดินคุยโทรศัพท์หน้าคอนโด อุ้มตัวน้องต้าขึ้นรถไป เพื่อนที่คุยโทรศัพท์กับเขาที่เมืองไทย จึงเป็นแหล่งข่าวสำคัญที่บอกได้ว่า เขาถูกอุ้มไปด้วยคำพูดสุดท้ายที่บอกว่า “โอ้ย ..หายใจไม่ออก..”
ปฎิบัติการครั้งนี้ ทราบมาว่า สร้างความไม่พอใจต่อ สมเด็จฮุนเซน อย่างมากเพราะนอกจากจะเป็นปฎิบัติการฉีกหน้าแล้ว ยังทำให้ กัมพูชา กลายเป็นแหล่งอาชญากรรมสากลในสายตาชาวโลกได้ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการอุ้มหายของชาวจีนที่กัมโปงโสมมาแล้วด้วย (ต้องรอดูท่าที สมเด็จฮุนเซน ต่อกรณีนี้ )
6 ปีมานี่ มีผู้ลี้ภัยการเมืองถูกอุ้มหายและถูกสังหารโหดไปแล้ว 10 คน หรือจะพอมีอะไรให้หวังได้มั้ยครับว่า “น้องต้า” จะไม่เป็นคนที่ 10