จุดติด Flash Mob ‘ชุมนุมเฉียบพลัน’ #กลัวที่ไหน #ไม่ถอยไม่ทน ซึ่ง ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ชักชวนไปที่บริเวณลานและสะพานสกายว้อล์ค ปทุมวัน ดังที่ coconuts.co/bangkok เรียก ‘Rise of Skywalk-er’
คนร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า ๓ พัน
อาจไม่ถึงหมื่นอย่างที่รอยเตอร์รายงานว่าคนของพรรคอนาคตใหม่อ้าง
แต่ก็เป็นไปได้ถ้าใครจะคุยว่าเกิน ๕ พัน เมื่อทั้งรอยเตอร์และโคโค่นัทว่าตรงกัน
จำนวนมากที่สุดที่เคยมีในรอบหลายปี (ระหว่างประเทศอยู่ใต้ปกครองคณะทหาร)
“สกายว้อล์คคนแน่นขนัดทั้งข้างบนและข้างล่างจนไม่มีที่เดิน
ล้นหลามเกินความคาดหมาย!!
ส่วนใหญ่เป็นเด็ก-วัยรุ่นนักเรียนนักศึกษาคนหนุ่มสาวคนทำงานหน้าใหม่
ดูท่าทางแล้วคงเพิ่งมาชุมนุมเป็นครั้งแรก” พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ เล่าตรงกับที่สื่อต่างประเทศรายงาน
“พอเห็นธนาธร-ปิยบุตรเท่านั้นแหละ ตะโกนกรี๊ดกันลั่น
ชูสามนิ้วกันพรึ่บ ลุงป้าเสี้อแดงมากันเข้มแข็ง
แต่คราวนี้กลายเป็นคนส่วนน้อยนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่รอบ ๆ
เพราะเบียดลุยฝ่าวงลูกหลานเข้าไปด้านในไม่ไหว คุยกันแล้วทุกคนบอกว่าปลื้มใจมาก
บางคนถึงกับน้ำตาคลอ”
คนแน่นมาก พิชิตเลยไม่ได้พบคุณยายวัย ๘๘ ปี
ผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่คนหนึ่งซึ่งไปชูรูป ‘สามนิ้ว’
กับเขาด้วย
ธนาธรปราศรัยว่านี่เป็นก้าวแรก
เดี๋ยวเอาอีก ‘เดือนหน้า’ แล้วจะแจ้งให้ทราบ คงไม่ได้หมายโดยตรงถึงรายการที่ขบวนการร่วมฝ่ายค้านเตรียม
‘วิ่งไล่ลุง’ วันที่ ๑๒ มกรา ๖๓ ซึ่งฝ่ายหนุน
‘สืบทอดอำนาจ’ คสช. จัด ‘เดินเชี่ยร์ลุง’ มาชน วันเดียวกันที่สวนลุมฯ
“นี่เป็นของขวัญปีใหม่”
ธนาธรกล่าวในปราศรัยตอนหนึ่งใต้สะพานสกายว้อล์ค “อันจะทำให้ประชาชนไทยมีสุขที่สุด ถ้าประยุทธ์จะลาออกเสียแต่ตอนนี้”
ที่เป็นการตอบโต้คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนหน้าหนึ่งวันที่ว่า
การนัดชุมนุมเป็นการแย่งความสุขปีใหม่ไปจากประชาชน
รวบยอดคำสื่อสารจากการชุมนุมเมื่อคืน ๑๔
ธันวา ได้จากปากของ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค. ดัง @prachatai ถ่ายทอดถ้อยว่า “คือจุดเริ่มต้นของการแสดงพลัง การแสดงออกว่าประชาชนคือผู้ทรงอำนาจของประเทศนี้
นี่คือการต่อสู้ของอนาคตของพวกเราคนไทยทุกคน”
การชุมนุมผ่านไปอย่างเรียบร้อย ในนิยามของการ
‘ชอบด้วยกฎหมาย’ ประการหนึ่งที่ว่า
“เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ” ส่วนประเด็นไม่มีหนังสือแจ้ง “ต่อหัวหน้าสถานีตำรวจในพื้นที่”
แม้ปรากฏมีตำรวจพยายามจะเข้าไปยังจุดที่ธนาธรยืนปราศรัย
นัยว่าจะขอเข้าไปเจรจากับแกนนำผู้จัด
หากแต่โดนฝูงชนสกัดกั้นและผลักดันออกไป บอกว่างานนี้ไม่มีแกนนำ
ตำรวจจึงถอยเข้าไปปักหลักในบริเวณสนามกีฬาแห่งชาติ แสดงว่างานนี้ทางการจงใจ ไม่ ‘สลายชุมนุม’ เช่นเดียวกับการนัดพบที่ท่าแพ เชียงใหม่
ที่นั่นมีคนไปชุมนุมน้อยกว่ากรุงเทพฯ
แต่ก็จำนวนหลายร้อย มากทีเดียวในมาตรฐานต่างจังหวัด
ที่นั่นตำรวจพยายามใช้โทรโข่งขยายเสียงไล่ให้คนกลับ
แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมและผลักดันตำรวจออกไปจากวงในเช่นกัน ไฮไล้ท์ได้มาจาก @pipob69 เล่าว่า
“เจอเพื่อน เขาบอกในชีวิตไม่เคยไปชุมนุมกับกลุ่มไหนใน
#เชียงใหม่ เลย ถามว่าแล้วมานี่เพราะเป็นแฟน @Thanathorn_FWP
หรือ @FWPthailand
เขาบอกเปล่า ไม่ได้เป็นหนึ่งในหกล้านเสียง แต่ที่ออกมา เพราะ #ไม่ทนไม่ถอย ทนมานานแล้ว”
ข้อสำคัญพิภพสรุปว่า “พวกที่เคยเป็น inactive
citizens มีเยอะนะ” น่าจะเทีนบเคียงได้กับกรณี อภิชาติพงศ์
วีระเศรษฐกุล หรือ 'เจ้ย' ผู้กำกับหนังรางวัลปาล์มทองคำของฝรั่งเศส
ที่บอกปกติอยู่เชียงใหม่ แต่ “ไม่ค่อยได้เข้าร่วมงานลักษณะนี้
พอรู้ว่ามีงานนี้ก็โดดงานมา
รู้สึกว่ามันต้องมีการแสดงออกที่ให้เห็นว่ามันทนไม่ได้แล้ว
มีหลายคนที่อาจจะไม่กล้ามาร่วม แต่มันเป็นการฝึกให้เราแสดงสิทธิของตัวเอง
มันเป็นสิ่งที่ทำได้ และควรทำให้เป็นเรื่องปกติ”
แถมความเห็น “ว่าควรจะล้ม กกต. นี้ไป
แล้วปฏิรูปกองทัพ ทหารไม่ควรอยู่ในการเมือง ไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่สิ่งที่ถนัด
ทั้งแนวความคิด วิสัยทัศน์ไม่เหมาะที่จะปกครองประเทศโดยกฎของทหาร
อยากส่งเสียงว่าประชาชนมีขีดจำกัดนะ
เราทนไม่ได้แล้ว” เท่ากับย้ำแน่นว่า ‘จุดติดแล้ว’
แต่ว่า ไทกร พลสุวรรณ
ไปไกลกว่านั้น “จุดติดนานแล้ว เหลือแต่จะลุกลามไปทั่วประเทศเมื่อไหร่เท่านั้น”
(https://facebook.com/212734515425031/posts/2814583141906809/,
https://www.facebook.com/Prachatai/photos/a.10150680790041699/10156946384431699/,
https://mobile.reuters.com/article/amp/idUSKBN1YI06H?__twitter และ https://coconuts.co/bangkok/news/rise-of-skywalk-er-large-crowd-rallies-in-bangkok-for-embattled-pro-democracy-party/)