วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 05, 2562

เปิดหน้าแระ ๑๐ งูเห่า ๓ เพื่อไทย ๒ อนาคตใหม่ แถมอีก ๔ เศรษฐกิจใหม่

เปิดหน้าแระ ๑๐ งูเห่า ๓ เพื่อไทย ๒ อนาคตใหม่ แถมอีก ๔ เศรษฐกิจใหม่ที่อยู่ค่าย ตู่ มาตั้งนาน แต่ทำผลุบๆ โผล่ๆ เต้นสลับขาล่อหลอกผู้ออกเสียงเลือกแต่แรก เช่นเดียวกับสอง ส.ส.กินกล้วย ค้านอิสระ ประกาศกลับคอก

หลังจากน้องคนเล็ก (แต่หย่ายสุด) ของสาม ป. ทั้งขู่ ทั้งล็อคคอ ทั้งป้อนหูฉลาม ว่าโหวตตั้งกรรมาธิการเช็คบิล ม.๔๔ รอบสามนี่สภาล่มอีกไม่ได้นะ “ผมอยู่ไม่ได้ พวกคุณก็อยู่ไม่ได้” ก็เลยพากันหงอไปทั้งโขยง

พอถึงเวลาโหวตขั้นรับญัตติ มีการสวนมติฝ่ายค้านไม่ยอมเดินออก นั่งให้นับองค์ประชุม ๑๐ ราย หนึ่งในนั้นเป็นของพรรคประชาชาติ ทำให้มี ส.ส.เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น ๒๖๑ คน ครบองค์เกินพอกึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งสิ้น ๔๙๘ เสียง

จึงเข้าสู่การออกเสียงจะเอาหรือไม่เอาร่างฯ คราวนี้รัฐบาลได้ทั้งพวกค้านอิสระและ ส.ส.ปัดเศษกินกล้วย ร่วมด้วยช่วยกันดันลุงตูบถึง ๒๔๔ เสียง ในนั้นมี ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ ๔ คน เป็นอันว่าข้อเสนอฝ่ายค้านให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบคำสั่ง คสช. ตกม้าตาย ไปไม่รอด

แต่ก็ต้องบันทึกว่า ๖ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่เคยโหวตผ่านร่างฯ ในรอบแรก คราวนี้โหวตยืนยันจุดยืนเดิมเพียงสี่คน บวกกับ ส.ส.อนาคตใหม่ที่ไม่ได้แสดงตนนับองค์ประชุม นามว่า น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ เข้าไปโหวตให้ตั้งกรรมาฯ อีกหนึ่งคน

ผลงานการสกัดพลังฝ่ายค้านครั้งนี้จึงอยู่ที่ตัวแปร ๑๐ ส.ส. (งูเห่า) ที่ไม่ต้องการให้สภาล่ม บางคน (อนค.) งดออกเสียง อาจจะกลัวคำขู่ของน้องตู่ ณ สาม ป.ก็ได้ ที่ว่า “อย่างเบาก็ปรับ ครม. อย่างหนักคือยุบสภาฯ” ประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่และ ๑๐ ส.ส.เอื้ออาทรจึงโหวตข้างรัฐบาล


งานนี้ฝ่ายค้านใช้ยุทธวิธีตัดไฟต้นลมด้วยการนัด ว้อคเอ๊าท์ให้สภาล่ม แต่โดนงูเห่าหักหลัง ผลโหวตจึงเป็นไม่ผ่าน ๒๔๔ ต่อ ๕ และงดออกเสียง ๖ โดยฝ่ายรัฐบาลใช้ชั้นเชิงเลี้ยงโต๊ะจีนเช็คกำลังในคืนหมาหอน (๓ ธันวา) สาม ป.ไปพร้อมหน้า
 
ในงาน ตู่ถามหา เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ พอได้ตัวดึงมาเล่นหัวล็อคคอ เป็นสัญญานว่าหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ซึ่ง คสช.ปัดเศษให้เข้าสภา แต่ต่อมาขอตัวไปเป็น ค้านอิสระตอนนี้เตรียมตัวกลับเข้าคอกดังเดิมเช่นเดียวกับ พิเชษฐ์ สถิลชวาร พรรคประชาธรรมไทย

เต้ปฏิเสธคอขึ้นเอ็น ข้อกล่าวหาของ สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านที่ว่า มีการแจกกล้วย เลขแปดหลัก ให้กับฝ่ายค้าน ๒๐ คน “บอกว่าตนเองไปคุยกับคนที่แจกกล้วยมา เขาบอกว่าเป็นกล้วยปลอม” แต่ก็ยังคงจะกลับเข้าคอกอยู่ดี

เช่นเดียวกับนายพิเชษฐ์ที่เผยว่านายกฯ มาคุยด้วย “ขอให้กลับมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม ซึ่งตนทั้งสองคนก็รับปาก โดยจะต้องมีการไปขอมติกรรมการบริหารพรรคก่อน” ส่วนพรรคที่ร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว จะจงที่ ปชป. โดนประยุทธ์ว้าก

จากที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ บ่นว่า “เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำอยู่...ประชาธิปัตย์มาโหวตสวนได้อย่างไร ยิ่งโหวตสวนก็ยิ่งติดลบ” ประยุทธ์บอกว่า แม้ไม่พอใจเรื่องนี้อย่างมาก เมื่อเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันแล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆ คิดจะทำอะไรก็ทำ ถ้าผมอยู่ไม่ได้พวกคุณก็อยู่ไม่ได้”


การเมืองอย่างนี้ พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ มองอย่าง วิชาการว่าเป็นการ มัดตราสังข์ฝ่ายค้าน “ไม่ให้มีบทบาทสำคัญใด ๆ ด้วยองค์กร กฎหมาย และกลอุบายทางสภาสารพัด” พูดง่ายๆ คือทำให้สภาผู้แทนฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง เป็น ตรายางทำนองเดียวกับ สว.ตู่ตั้ง

เขาเปรียบเทียบกับ ยุคป๋าที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ สามารถดึงเอาการเมืองบนท้องถนน “ซึ่งควบคุมไม่ได้ในช่วง ๒๕๑๖-๑๙ ให้เข้าไปอยู่ในสภาได้สำเร็จ” แต่พิชิตคิดว่าวิธีการ คสช.ที่ใช้ รธน.๖๐ มากำกับแต่ต้น ไม่ฉลาด

“ถ้าความหวังและความเชื่อถือของผู้คนที่มีต่อสภาถูกทำลายหมดลงเมื่อใด ความไม่พอใจ อัดอั้นตันใจและความขัดแย้งก็จะไปแสดงออกนอกสภา” ถึงตรงนั้น “คนที่ร่าง สนับสนุน และใช้ประโยชน์ รธน.๖๐” ให้มาทำลายประชาธิปไตย จะต้องรับผิดชอบ