ถึงตอนนี้พวกพ่อลิงช่วยกัน ‘แก้แห’ เป็นการใหญ่ เหตุจากหัวหน้าลิงถูกสื่อออสเตรเลียจับโกหกได้
เรื่องติดคุก ๔ ปี แล้วหลอกคนทั้งไตแลนเดียว่าแค่ ๘ เดือน
แถมอ้างว่าคดีค้ายาเสพติด ๓ กิโลกว่านี่ข้อหาย่อย พอนักข่าวย้อนถามใหม่ ไม่พูดแระ
แถ “เรื่องบางเรื่องพูดไปไม่มีประโยชน์กับตัวเอง”
พูดเฉพาะที่เป็นประโยชน์ จะจริงไม่จริงไม่สน “เรื่องนี้คงเป็นการเขียนภายในประเทศและส่งไปให้นักข่าวออสเตรเลียมากกว่า”
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ตอบนักข่าว ไทยโพสต์กรุณาคัดมาลง
“ก่อนหน้านี้ผมได้รับการติดต่อมาจากนายไมเคิล
อีวานส์ หลายรอบแล้ว” ย้อนไปดูนายไมเคิลคนนี้เป็นหนึ่งใน ‘สองไมเคิล’ ผู้เขียนข่าวเปิดโปงนักการเมืองไทยเคยติดคุกข้อหาค้าเฮโรอิน
“จากอุบาทว์ไปเป็นรัฐมนตรีฯ” ที่ตีพิมพ์บนหนังสือพิมพ์ซิดนี่ย์ ‘เฮรัลด์’ และ ‘ดิเอจ’
ไมเคิลอีกคนเคยเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ ‘บางกอกโพสต์วันอาทิตย์’ ฐานข้อมูลระบุว่า ไมเคิล
รัฟเฟิ่ล ทำงานให้โพสต์ระหว่างตุลา ๕๖ ถึงธันวา ๕๙
เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาต้องรู้ตื้นลึกหนาบางในสังคมไทยพอควร
จึงทำให้ข่าวชิ้นนั้นออกมาละเอียดยิบยับ
โดยไม่จำเป็นต้องให้ใครที่ไหนเขียนส่งให้ ทั้งธรรมนัสและพวกพ่อๆ
ลิงทั้งหลายคงไม่รู้ว่า ‘สื่อสากล’
เขาไม่เพียงใช้แหล่งข่าวในประเทศนั้นๆ ที่เป็นข่าวเท่านั้น
เขาใช้นักข่าวท้องถิ่นกันแล้ว จะเป็นรอยเตอร์ เอเอฟพี นิวยอร์คไทมส์ วอชิงตันโพสต์
ดีพี หรือเจแปนไทม๋
โดยเฉพาะประเด็นสำคัญในข่าวชิ้นนั้นเป็นข้อ
‘ความจริง’ ที่พวกเขาได้มาจากเอกสารประกอบคดีในศาลนิวเซ้าท์เวลส์
ออสเตรเลีย ที่เป็นลายลักษณ์อักษรหักล้างข้อความเท็จที่ธรรมนัสปล่อยลอยๆ
ออกมาตามลมปาก
และที่ธรรมนัสประกาศว่า “หากข้องใจเปิดหน้ามาชกกันเลยดีกว่า”
เข้าใจว่าเป็นอุปมาอุปมัย “ไม่ต้องเป็นอีแอบ” ก็ไม่เห็นใครเป็นอีแอบ
สองนักข่าวเขาเปิดตัวแถมบอกว่า ธรรมนัสเคยท้าให้ไปค้นจากศาลออสเตรเลีย
พวกเขาก็ค้นมาแล้วไง
“ต่อไปหากใครพูดเรื่องอดีตอีกผมจะไม่โต้ตอบ
แต่จะดำเนินคดีทุกอย่าง” รอฟังตอนเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ตั้งกระทู้ด่วนถามในสภาก่อนแล้วกัน
เขาคงรู้ละว่ากฎบัตรกฎหมายสมัยนี้เป็นของ คสช.ใช้เท่านั้น แต่ความยุติธรรมที่แท้จริงไม่เข้าใครออกใครนะ
ฉะนั้น ธรรมนัสจะลาออกหรือไม่
เด็กแว้นบางบอนคงบอกว่า “เรื่องของมรึง”
แต่ข้อเท็จจริงปรากฏอยู่โทนโท่แล้วว่ากะลาแลนด์เอาผู้ต้องโทษยาเสพติดไปเป็น ส.ส. หัวคะแนน
เป็นรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่ตัวบทกฎหมายไทยเองระบุชัดว่าถ้า ‘ต้องโทษ’ ย่อมหมดสิทธิ์
จะอ้างอย่างรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม
ว่าคดียาเสพติดไม่เสียหายถ้าคนนั้นมีความรักชาติ ทั่นคงเพลิดเพลินในอำนาจที่
คสช.ให้มา (ผ่านการรัฐประหาร) ก็เลยลืมข้อกฎหมายเกี่ยวกับ ‘หลักฐานประจักษ์’ กับ ‘ลมปาก’ อันไหนเชื่อได้
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
รมว.ดิจิทัลตอบนักข่าวว่า “น่าจะเป็นความจริง” ที่ธรรมนัสอ้างมีขบวนการในต่างประเทศต้องการทำลายชื่อเสียงตน
อีกทั้งโฆษก ปอท. กล่าวว่าจะช่วยดำเนินการสืบสวนสอบสวนตรวจสอบหาแหล่งที่มาของ ‘สื่ออวตาร’ หรือสื่อปลอม...ทันที” ก็ดีอยู่
ขอให้ไปถูกที่ ทั้งศาลท้องถิ่นและกรมตำรวจซิดนี่ย์นะ
อย่าไปแค่ศาลรัชดาหรือตำรวจปทุมวันก็แล้วกัน แล้วที่พวกพ่อๆ ลิงพยายามจะแก้แห
แบบรองนายกฯ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าไม่รู้สิ “ที่สำคัญเขามีการปล่อยตัวมาแล้ว”
และ “เป็นเรื่องของคนคนเดียว
ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทย” ก็ชวนให้นึกถึงใครบางคนที่โอดว่าเป็น ‘หนู’ แล้วยามเฝ้าจุดไฟเผาบ้านไล่นั่น
คนคนเดียวไม่เกี่ยวข้องประเทศไทยหรือเปล่า
หนักเข้าไปใหญ่ คนโต คสช. พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ฉุนนักข่าวถามเซ้าซี้ไม่จบเสียทีเรื่องรับคนติดคุกเป็นรัฐมนตรี “มีขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติทั้งหมดแล้ว
เพราะฉะนั้นถ้าจะผิดก็มีผลย้อนหลังไปทุกเรื่องนั่นแหละ
...ไอ้คนที่ออกมาพูดก็ขอให้ย้อนกลับไปดูเสียว่ารัฐบาลที่ผ่านมามีปัญหาบ้างหรือเปล่า”
ว้าว คำคมแต่ไม่กระชับ 'รัฐบาลที่ผ่านมา' เจาะจงไหมว่า ‘ที่แล้ว’ หรือที่ไหน แต่กระนั้นก็เอาเถอะไม่เป็นไร
ถือเสียว่าเคยอวดงั่งมาแล้วหลายครั้งเป็นธรรมชาติก็ได้
แต่บังเอิญบังอรไม่ค่อยอ่าน หรือว่าอ่านเยอะจนสับสน
มีคนช่วยค้นให้ ‘ไทกร พลสุวรรณ @Thaikorn1’ ช่วยผ่อนแรง “รัฐบาลอื่นไม่มีแบบนี้ครับ
เท่าที่ตรวจสอบย้อนหลังดูรัฐมนตรีในอดีต
ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของพระยามโนปกรณ์นิติธาดา จนถึงรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์
ชินวัตร
“ไม่มีรัฐมนตรีคนใดมีคดีเกี่ยวพันกับยาเสพติดเลยแม้แต่คนเดียว
ส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวกับการเมืองและการทุจริต”
อีกประเด็น หมิ่นเบื้องบนด้วยไหม ที่ไปบอกตำรวจออสซี่ว่าเป็นราชองครักษ์มกุฏราชกุมารไทย
เพื่อขอผ่อนโทษ วาสนา นาน่วม ช่วยเสริมโดยไม่ได้ตั้งใจ เขียนไว้นานแล้วตั้งแต่ ๑๑
กรกฎา เพิ่งมาตอบประเด็น “ผู้กองธรรมนัสเผยเหตุตัดผมเกรียน”