วันพุธ, กันยายน 04, 2562

“ไม่สงสารผมหรือ” ควรเป็นคำที่ 'บิลลี่ พอละจี' พูดมากกว่า 'ตูนี่ พอกันที' พ่น


ชินแสการเมือง ตำแหน่งใหม่ในรัฐบาล คสช.๒ ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล กินเงินเดือนสำนักเลขาฯ นายกฯ ทำนายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะครองอำนาจยาวถึง ๘ ปี เจ้าตัวทำออดอ้อน “ไม่สงสารผมหรือ”

แต่ชาวบ้านอกสั่นที่จะต้องเจอกับสภาพหากินฝืดเคืองกันต่อไปเป็นเวลานานกาเล แล้วยังบ้านเมืองวิบัติขาดนิติธรรม กฎหมายเข้าข้างคนบางคนแต่เหี้ยมโหดต่อใครที่ไม่เห็นพ้องกับ คสช. กติกาสากลใช้บังคับกับผู้มีอำนาจไม่ได้

หรือกระทั่งถูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมถือปฏิบัติ ดังเช่นกฎหมายว่าด้วยการบังคับบุคคลสูญหาย ซึ่งสหประชาชาติเรียกร้องให้ต้องตราขึ้นมาใช้กำกับควบคุม ทว่ารัฐบาล คสช.๑ อิดเอื้อนหรือทำเฉยเมยมาตลอด ๕ ปี แม้จะมีเหตุเกิดแล้วหลายราย

รวมทั้งกรณีของ พอละจี รักจงเจริญ นักกิจกรรมชาวกะเหรี่ยงที่รู้จักกันในนาม บิลลี่ ที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อ ๕ ปีที่แล้วเพิ่งได้รับการเปิดเผยจากดีเอสไอ ว่าพบซากกระดูกของเขาที่ก้นแก่งกระจาน พร้อมถังเหล็กซึ่งเชื่อว่าใช้ใส่เผาร่างของเขา

บิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ควบคุมตัวไปตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ๒๕๕๗ ด้วยข้อหาเก็บน้ำผึ้งในเขตป่าสงวน มือนอ(พิณนภา พฤกษาพรรณ) ภรรยาของเขาด้วยความร่วมมือของเครือข่ายองค์การสิทธิมนุษยชน “ร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี

ขอให้มีการไต่สวนการหายตัวไปของบิลลี่ แต่ต่อมาศาลยกคำร้อง โดยระบุว่าหลักฐานไม่เพียงพอ” ทั้งยังอ้างว่ามือนอไม่ได้จดทะเบียนกับบิลลี่จึงไม่สามารถอ้างเป็นผู้เสียหายได้ ในเดือนพฤศจิกายนปีนั้น มีการออกหนังสือสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์

สั่งยุติการกล่าวหานายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ปกปิดหลักฐานการทุจริต โดยระบุว่า “ไม่มีพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์และยืนยันได้ว่า การกล่าวหาเป็นความจริง” หากแต่ต่อมาภายหลังผู้ที่ให้การเป็นพยานว่าพบเห็นบิลลี่หลังจากวันที่ป่าไม้เขตแก่งกระจานอ้างว่าปล่อยตัวบิลลี่แล้วนั้น กลับคำให้การ

ปลายเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเอาคดีของบิลลี่จากกองบัญชาการตำรวจภูธร ๗ ไปสอบสวน แบ่งเป็นสองสำนวนคือ กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เหนี่ยวรั้งคดี กับเรื่องการหายตัวไปของบิลลี่ ซึ่งกรณีหลังมีการส่งประดาน้ำลงไปเสาะหาหลักฐานบริเวณใต้สะพานแขวน

พบถังเหล็กขนาดบรรจุ ๒๐๐ ลิตรเจาะเป็นช่องเปิดด้านข้างลักษณะไหม้ไฟ ภายในมีเศษกระดูก ๔ ชิ้นและเหล็กเส้น ๒ ท่อน จากการชันสูตรทางนิติวิทยาศาสตร์ทราบว่ากระดูกที่พบเป็นกระดูกศีรษะบริเวณใกล้ท้ายทอยของบิลลี่

ส่วนเหล็กเส้นนั้น อังคณา นีลไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน อธิบายว่าตามประสบการณ์ของตนในคดีการสูญหายของสามี (ทนายสมชาย นีละไพจิตร) เหล็กท่อนเหล่านั้นใช้สำหรับขัดด้านบนของถัง เพื่อที่เวลาเผาศพที่ถูกยัดใส่ถังไว้จะได้ไม่ดันขึ้นมา เมื่อเส้นเอ็นในร่างศพถูกไฟแล้วจะตึง “เพราะเป็นการเผาสด
 
เรื่องนี้คนทั่วไปอ่านยังใจสลาย สำหรับครอบครัวคงไม่สามารถพรรณนาได้ การฆ่าก็โหดร้ายทารุณมากแล้ว การทำลายศพยิ่งทำให้เห็นความโหดเหี้ยม อมหิตไร้มนุษยธรรมมากขึ้นไปอีก” อังคณาโพสต์ข้อความจี้ให้ดีเอสไอ “เริ่มดำเนินคดีฆาตกรรมซ่อนเร้นอำพราง” ซึ่งมีอายุความต่อไป ๒๐ ปี

“การฆ่าก็โหดร้ายทารุณมากแล้ว การทำลายศพยิ่งทำให้เห็นความโหดเหี้ยม อมหิตไร้มนุษยธรรมมากขึ้นไปอีก ยังมีอีกหลายคนที่ยังสูญหายโดยปราศจากการค้นหา #คนก็หาย #กฎหมายก็ไม่มี” อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนที่ต้องลาออกเพราะการทำงานยิ่งติดขัดในยุค คสช.๒ ให้อุทธาหรณ์


สำหรับมือนอ ภรรยาของบิลลี่ แสดงปฏิกิริยาหลังจากได้ฟังการแถลงข่าวของดีเอสไอตอนหนึ่งว่า “...สำหรับเราเป็นวันที่จุกอกหายใจไม่สะดวก...เหมือนกับความรู้สึกต่างๆ นานาเกินกว่าที่จะบรรยาย จนลงกะเพาะแน่นเต็มจุกอกไปหมด

...แต่กลับกันอยากรู้ว่าคน กระบวนการที่กระทำกับบิลลี่นั้น คือบิลลี่ไปทำอะไรให้เจ็บปวดอย่างไร ถึงขั้นเอาชีวิตบิลลี่ไปได้ลงคอ... #ขอคำชี้แจงด้วยค่ะ #ขอบคุณหน่วยงานดีเอสไอ ที่ช่วยติดตามคดีบิลลี่ ให้ได้รู้ว่า #บิลลี่อยู่ในน้ำเขื่อนแก่งกระจาน