‘ชินแสการเมือง’ ตำแหน่งใหม่ในรัฐบาล คสช.๒ ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล
กินเงินเดือนสำนักเลขาฯ นายกฯ ทำนายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะครองอำนาจยาวถึง
๘ ปี เจ้าตัวทำออดอ้อน “ไม่สงสารผมหรือ”
แต่ชาวบ้านอกสั่นที่จะต้องเจอกับสภาพหากินฝืดเคืองกันต่อไปเป็นเวลานานกาเล
แล้วยังบ้านเมืองวิบัติขาดนิติธรรม กฎหมายเข้าข้างคนบางคนแต่เหี้ยมโหดต่อใครที่ไม่เห็นพ้องกับ
คสช. กติกาสากลใช้บังคับกับผู้มีอำนาจไม่ได้
หรือกระทั่งถูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมถือปฏิบัติ
ดังเช่นกฎหมายว่าด้วยการบังคับบุคคลสูญหาย
ซึ่งสหประชาชาติเรียกร้องให้ต้องตราขึ้นมาใช้กำกับควบคุม ทว่ารัฐบาล คสช.๑
อิดเอื้อนหรือทำเฉยเมยมาตลอด ๕ ปี แม้จะมีเหตุเกิดแล้วหลายราย
รวมทั้งกรณีของ พอละจี รักจงเจริญ นักกิจกรรมชาวกะเหรี่ยงที่รู้จักกันในนาม
‘บิลลี่’
ที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อ ๕ ปีที่แล้วเพิ่งได้รับการเปิดเผยจากดีเอสไอ ว่าพบซากกระดูกของเขาที่ก้นแก่งกระจาน
พร้อมถังเหล็กซึ่งเชื่อว่าใช้ใส่เผาร่างของเขา
บิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ควบคุมตัวไปตั้งแต่กลางเดือนเมษายน
๒๕๕๗ ด้วยข้อหาเก็บน้ำผึ้งในเขตป่าสงวน ‘มือนอ’
(พิณนภา พฤกษาพรรณ) ภรรยาของเขาด้วยความร่วมมือของเครือข่ายองค์การสิทธิมนุษยชน
“ร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี
ขอให้มีการไต่สวนการหายตัวไปของบิลลี่
แต่ต่อมาศาลยกคำร้อง โดยระบุว่าหลักฐานไม่เพียงพอ” ทั้งยังอ้างว่ามือนอไม่ได้จดทะเบียนกับบิลลี่จึงไม่สามารถอ้างเป็นผู้เสียหายได้
ในเดือนพฤศจิกายนปีนั้น มีการออกหนังสือสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์
สั่งยุติการกล่าวหานายชัยวัฒน์
ลิ้มลิขิตอักษร ปกปิดหลักฐานการทุจริต โดยระบุว่า “ไม่มีพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์และยืนยันได้ว่า
การกล่าวหาเป็นความจริง” หากแต่ต่อมาภายหลังผู้ที่ให้การเป็นพยานว่าพบเห็นบิลลี่หลังจากวันที่ป่าไม้เขตแก่งกระจานอ้างว่าปล่อยตัวบิลลี่แล้วนั้น
กลับคำให้การ
ปลายเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเอาคดีของบิลลี่จากกองบัญชาการตำรวจภูธร ๗ ไปสอบสวน
แบ่งเป็นสองสำนวนคือ กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เหนี่ยวรั้งคดี
กับเรื่องการหายตัวไปของบิลลี่ ซึ่งกรณีหลังมีการส่งประดาน้ำลงไปเสาะหาหลักฐานบริเวณใต้สะพานแขวน
พบถังเหล็กขนาดบรรจุ ๒๐๐
ลิตรเจาะเป็นช่องเปิดด้านข้างลักษณะไหม้ไฟ ภายในมีเศษกระดูก ๔ ชิ้นและเหล็กเส้น ๒
ท่อน จากการชันสูตรทางนิติวิทยาศาสตร์ทราบว่ากระดูกที่พบเป็นกระดูกศีรษะบริเวณใกล้ท้ายทอยของบิลลี่
ส่วนเหล็กเส้นนั้น อังคณา นีลไพจิตร
อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน อธิบายว่าตามประสบการณ์ของตนในคดีการสูญหายของสามี
(ทนายสมชาย นีละไพจิตร) เหล็กท่อนเหล่านั้นใช้สำหรับขัดด้านบนของถัง
เพื่อที่เวลาเผาศพที่ถูกยัดใส่ถังไว้จะได้ไม่ดันขึ้นมา เมื่อเส้นเอ็นในร่างศพถูกไฟแล้วจะตึง
“เพราะเป็นการเผาสด
เรื่องนี้คนทั่วไปอ่านยังใจสลาย
สำหรับครอบครัวคงไม่สามารถพรรณนาได้ การฆ่าก็โหดร้ายทารุณมากแล้ว
การทำลายศพยิ่งทำให้เห็นความโหดเหี้ยม อมหิตไร้มนุษยธรรมมากขึ้นไปอีก”
อังคณาโพสต์ข้อความจี้ให้ดีเอสไอ “เริ่มดำเนินคดีฆาตกรรมซ่อนเร้นอำพราง”
ซึ่งมีอายุความต่อไป ๒๐ ปี
“การฆ่าก็โหดร้ายทารุณมากแล้ว
การทำลายศพยิ่งทำให้เห็นความโหดเหี้ยม อมหิตไร้มนุษยธรรมมากขึ้นไปอีก ยังมีอีกหลายคนที่ยังสูญหายโดยปราศจากการค้นหา #คนก็หาย #กฎหมายก็ไม่มี”
อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนที่ต้องลาออกเพราะการทำงานยิ่งติดขัดในยุค คสช.๒ ให้อุทธาหรณ์
(https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/10158253671078268,
https://www.posttoday.com/social/general/599589 และ https://news.thaipbs.or.th/content/283666)
สำหรับมือนอ ภรรยาของบิลลี่
แสดงปฏิกิริยาหลังจากได้ฟังการแถลงข่าวของดีเอสไอตอนหนึ่งว่า “...สำหรับเราเป็นวันที่จุกอกหายใจไม่สะดวก...เหมือนกับความรู้สึกต่างๆ
นานาเกินกว่าที่จะบรรยาย จนลงกะเพาะแน่นเต็มจุกอกไปหมด
...แต่กลับกันอยากรู้ว่าคน
กระบวนการที่กระทำกับบิลลี่นั้น คือบิลลี่ไปทำอะไรให้เจ็บปวดอย่างไร
ถึงขั้นเอาชีวิตบิลลี่ไปได้ลงคอ... #ขอคำชี้แจงด้วยค่ะ
#ขอบคุณหน่วยงานดีเอสไอ ที่ช่วยติดตามคดีบิลลี่ ให้ได้รู้ว่า
#บิลลี่อยู่ในน้ำเขื่อนแก่งกระจาน