นายวีรชัย เพชรรัตน์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางขอนแก่น |
อีกครั้งกับอนิจจังในสังคมไตแลนเดีย
ความคลั่งไคล้ ‘hysteria’ ฆาตกรกลายเป็นดารา
ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
“เปรี้ยวมีอาการเครียดกว่าเพื่อน ส่วนอีก ๒ คน
ยังปกติ”
เหมือนว่าท่านผู้อ่านพากันเป็นห่วงเป็นใยยิ่งนัก
“ทางเรือนจำก็ไม่ทราบว่านักโทษแต่ละคนมีความคิดอย่างไรกับผู้ต้องขังใหม่ทั้ง
๓ คนนี้
จึงต้องป้องกันดูแลให้รอบคอบไว้ก่อน”
โดย “จัดพี่เลี้ยงซึ่งเป็นนักโทษชั้นดีช่วยดูแลเพื่อป้องกันเหตุร้าย”
สำนักข่าวใหญ่รายงานละเอียดคำให้สัมภาษณ์ของ
ผบ.เรือนจำกลางขอนแก่น ถึงสวัสดิภาพและความสะดวกสบายของผู้ต้องหาในคุก (น่าจะเพราะเป็นที่รู้เห็นกันดีว่าทัณฑสถานหญิงนั้นแออัดยัดเยียดเพียงไร)
ขณะที่มีการตั้งกรรมการสอบตำรวจชุดจับกุมสามสาวหั่นศพ ว่าไฉนต้องมีเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติการตั้ง
๙๙ นายเชียว ไหนทั่น ผบ.ตร. เน้นหนักว่าเขาเตรียมมอบตัวอยู่แล้ว
ทำไมใช้กำลังพลมากเกิ้น
งานนี้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาฯ ผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญอีกแหละยื่นแก่ผู้ตรวจการแผ่นดินถามว่า
“เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่”
เรื่องนี้เรื่องใหญ่ไม่เบาก็ใช่
แต่เบี้ยร่ายปลายทางไร้สาระน่ะเยอะ ถึงกับจะต้องให้ ผอ.เรือนจำ ออกมาแถลงว่าผู้ต้องโทษอยู่ดีไหมนั่น
แต่กับเรื่องหนักหน่วงมากกว่า
กับสวัสดิภาพของประเทศโดยรวม กลายเป็นประเด็นที่มีคนสนใจน้อย ดั่งกรณีนายเรืองไกร
ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยโวยเรื่องสถานะการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย
“เนื่องจากตัวเลขผลขาดทุนสะสมมีสูงถึง
๘๐๕,๘๓๕ ล้านบาท ขณะที่ ธปท. มีทุนประเดิมเพียง ๒๐ ล้านบาท ดังนั้น
หากเทียบสัดส่วน (Ratio) ผลขาดทุนสะสม ต่อ ทุน จะสูงถึง ๔๐,๙๒๑ เท่า”
ทั้งนี้เขาอ้างถึงตัวเลขหนี้สินของแบ๊งค์ชาติว่าขณะนี้มีเกือบ
๕ ล้านล้านบาท และทุนคงคลังติดลบเกือบ ๗ แสน ๕ หมื่นล้านบาท คำถามของเขาคือว่า
ในเมื่อหนี้รวมของ ธปท. เกือบห้าล้านล้านนี้รวมอยู่ในหนี้สาธารณะแล้วหรือยัง
ถ้ายัง เมื่อนำไปรวมกับหนี้สาธารณะอีกเกือบ ๖ ล้านล้านบาทด้วยแล้ว
“จะทำให้หนี้ทั้งหมดกลายเป็น ๑๐,๘๘๕,๖๗๕ ล้านบาท หรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนี้ อาจแสดงว่าหนี้สาธารณะต่อ
GDP อาจสูงถึงร้อยละ ๗๕.๗๗ ตามมาได้”
ไม่ใช่แค่ ๔๑ เปอร์เซ็นต์กว่าๆ
ตามที่กระทรวงคลังแถลงออกมาเมื่อไม่นานมานี้ และนี่นำไปสู่ข้อกังขาเกี่ยวกับการอ้างตนมือสะอาดของ
คสช. ทำตัวเป็นอัศวินม้าขาวจะเข้ามาปฏิรูปรัฐกิจประเทศไทย
โดยเฉพาะต่อการที่สำนักข่าวบีบีซีไทยเพิ่งเสนอรายงานเรื่องคณะรัฐประหาร
ส่งนายทหารเข้าไปนั่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจเป็นจำนวนมากกว่าครั้งใดๆ ท่ามกลางสัญญานว่า
คสช. จะอยู่ยาวช่วยปฏิรูป
ขณะมี ‘ภาพลบ’ ที่บอร์ดรัฐวิสาหกิจมักถูกมองว่าเป็นเพียงสมบัติผลัดกันชมของผู้มีอำนาจ
ก็ปรากฏมีทหาร คสช. เป็นกรรมการบอร์ดมากกว่าก่อนยึดอำนาจเมื่อสามปีที่แล้วถึง ๑๐๐
เปอร์เซ็นต์
ปัจจุบันมีทหารนั่งในบอร์ดของรัฐวิสาหกิจ ๔๐ แห่ง ในจำนวนนี้ ๑๖
แห่งมีทหารเป็นประธาน มากกว่าในยุครัฐบาลพลเรือนถึง ๕ เท่า
ครั้นเมื่อคำนึงถึงตัวเลขการเงินของรัฐวิสาหกิจไทย (๕๖ แห่งในความเกี่ยวโยงกับ
๑๕ กระทรวง) มีสินทรัพย์รวมกัน ๑๔ ล้านล้านบาท สร้างรายได้ปีละ ๔.๓ ล้านล้านบาท
ทำกำไรสุทธิถึง ๑.๙ แสนล้านบาท
ไฉนไม่สามารถพยุงสถานะการคลังให้ดีกว่าสภาพติดหนี้พอกพูนที่เป็นอยู่ขณะนี้ได้
บีบีซีไทยยังเอ่ยถึงตัวอย่างทหารบางคนที่นั่งหลายเก้าอี้หรือสวมหมวกหลายใบ
เช่นอดีตเสนาธิการทหารรุ่นเดียวกับน้องนายกฯ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา มีตำแหน่งแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ
แล้วยังได้เป็นกรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจอีกสามแห่ง
ข่าวเจาะจงพล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข คนเดียวมีรายได้ทั้งสิ้นจากการเป็นบอร์ด
๑๑.๗๗ ล้านบาท แล้วยังจะมีแบบนี้อีกกี่คนในจำนวนทหารที่ได้เป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจยุค
คสช. นี้ ๘๐ คน
ประจวบกับที่สำนักข่าวอิศรารายงานทรัพย์สินของสามพี่น้องตระกูลวงษ์สุวรรณไว้เมื่อปลายปี
๒๕๕๗ รวมกัน ๒๒๘ ล้าน ถึงปีนี้ไม่อาจคาดเดาได้แน่นอนว่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่
ยังไม่นับทรัพย์สินของน้องชายนายกฯ
หรือทรัพย์สินของนายทหารรุ่นกลางที่กำลังดวงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น พล.ท.
อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค ๑ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ไปคุมบอร์ดกองสลาก เป็นต้น
เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์
ออกอาการไม่พอใจที่สื่อสายหลักเล่นข่าว ‘สามสาวหั่นศพ’ กันจนเป็นเรื่องฮิต
ก็น่าชมเชยว่าสวนกระแสได้ถูกทาง ยิ่งถ้าตามเช็ดเรื่องใช้ตำรวจตั้ง ๙๙ นายทำคดี 'เปรี้ยว' ด้วย
คงพอไปคุยกับทรั้มพ์ได้
ถ้าหากช่วยลุยเรื่องรั่วไหลในรัฐวิสาหกิจสำเร็จได้ด้วยละก็จะไปโลดกันใหญ่
ไม่ต้องรอ กปปส. บีบ ปชป. ดันขึ้นเป็นนายกฯ คนนอกให้เสียชื่อ ว่าได้มาด้วยเล่ห์กลมนต์คาถา
เลือกตั้งคราวหน้าถ้ามี ลงสมัครเองเลย รับรองสง่าผ่าเผยแน่